
จาก : ผลบอลสด ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ระหว่าง ยิบรอลตาร์ 1-2 มอนเตเนโกร วันนี้ 15/11/68 – บ้านกีฬา
บ้านกีฬา พาเกาะติดศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนยุโรป กลุ่ม L เกมนี้เล่นที่บ้านของยิบรอลตาร์ ทีมบ๊วยที่ยังไม่มีแต้ม เปิดรังรับมือมอนเตเนโกรที่ต้องการชัยชนะเท่านั้นเพื่อต่อสายป่านในกลุ่มลุ้นตามหลังโครเอเชียและเช็กเกีย ผลจบลงด้วยสกอร์ 1-2 แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยดราม่าจุดโทษและความกดดันจนแฟนบอลต้องรีเฟรชหน้าเว็บเช็ก ผลบอลสด กันแทบทุกนาที
⏱ ครึ่งแรก: ยิบรอลตาร์ยิงนำแต่โดนพลิกด้วยดราม่าจุดโทษ
เปิดฉากมา มอนเตเนโกรพยายามครองบอลบุกต่อเนื่องแต่จังหวะจบไม่คมพอ กลับเป็นยิบรอลตาร์ที่สร้างเซอร์ไพรส์ นาที 20 จากจังหวะสวนกลับเร็วบอลถูกแทงทะลุช่องไปให้ เลียม เจสซอป หลุดเดี่ยวก่อนยิงผ่านมือ นิกิช ตุงตาข่ายให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0 เสียงเฮกระหึ่มสนาม เลียม เจสซอป กลายเป็นฮีโร่ชั่วคราวให้แฟนเจ้าบ้านดีใจสุดขีด
แต่ความกดดันของมอนเตเนโกรก็ถาโถมใส่ต่อเนื่อง นาที 25 ผู้ตัดสินชี้จุดโทษให้ทีมเยือนหลังจาก วลาดิเมียร์ อาดซิช ล้มในเขตโทษ ทว่า VAR กลายเป็นตัวละครหลักเมื่อผู้ตัดสินกลับคำตัดสินยกเลิกจุดโทษ ดราม่าแรกของเกมทำเอาผู้เล่นมอนเตเนโกรหัวเสียอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม นาที 33 มอนเตเนโกรไม่ถอดใจ บอลครอสจากริมเส้นถูกเคลียร์ไม่ขาดเข้าทาง อาดซิช ซัดด้วยซ้ายในเขตโทษบอลเสียบเสาอย่างเฉียบขาด ตีเสมอ 1-1 และคืนความมั่นใจให้ทีมเยือน
เกมยังไม่จบแค่นั้น นาที 42 มอนเตเนโกรมาได้จุดโทษอีกครั้งจากจังหวะทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ คราวนี้ไม่มี VAR มาช่วยเจ้าถิ่น และเป็น นิโคล่า เคิร์สโตวิช รับหน้าที่สังหารยิงไปทางซ้ายมือ นายด่านเจย์ลัน แฮงกิ้นส์พุ่งถูกทางแต่ปัดไม่ถึง บอลตุงตาข่าย มอนเตเนโกรพลิกนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยดราม่าคาร์ดเหลืองช่วงทดเวลาให้กับ ดีแลน บอร์จ และ ลี แอนเนสลีย์ ที่เสียฟาวล์หนักในแดนตัวเอง
🔁 ครึ่งหลัง: มอนเตเนโกรคุมเกมปิดสกอร์ เจ้าถิ่นไล่ไม่ขึ้น
ครึ่งหลัง มอนเตเนโกรปรับจูนเกมรับทันที ส่ง มาร์โก เปโรวิช ลงมาเติมความสดทางกราบเพื่อกันเกมสวนกลับของเจ้าบ้าน จากนั้นเกมก็ไหลไปตามความต้องการของทีมเยือน ครองบอลเนียน ๆ คุมจังหวะผ่านเท้า มาร์โก ยานโควิช, มาร์โก อุสมายิช และ มิลาน วูโคติช ที่ลงมาเชื่อมระหว่างกลางกับคู่กองหน้า
ยิบรอลตาร์พยายามแก้เกมด้วยการส่ง ดาน เบนท์, คาร์ลอส ริชาร์ดส์ และ เคลวิน มอร์แกน ลงมาเสริมมิติในแดนหน้า แต่โอกาสเข้าทำยังเบาบาง ช็อตจบสกอร์มีเพียงลูกยิงไกลหลุดกรอบ เพราะทั้ง นิโกล่า ชิปชิช และ อเล็กซานดาร์ บูลาโตวิช ยืนคุมแนวรับมอนเตเนโกรได้อย่างแข็งแกร่ง
ช่วงท้ายเกม มอนเตเนโกรยังมีโอกาสสวนกลับจะแจ้งหลายครั้ง โดยเฉพาะการลากเลื้อยของ วูโคติช และตัวสำรองอย่าง สเตฟาน ลอนชาร์ กับ บิคตอร์ จูคาโนวิช ที่เกือบปิดกล่องลูกสาม แต่ แฮงกิ้นส์ ยังเซฟช่วยเจ้าถิ่นไว้ได้ สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมมอนเตเนโกรบุกชนะยิบรอลตาร์ 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญกลับบ้าน

👥 รายชื่อตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🇬🇮 ยิบรอลตาร์
ผู้รักษาประตู
- 23 เจย์ลัน แฮงกิ้นส์ (7.8) – เซฟสวย ๆ หลายครั้ง แม้ต้องเสียสองประตูแต่ถือเป็นคนที่เด่นที่สุดของเจ้าบ้าน
กองหลัง
- 2 คีแรน เมาโร (6.3)
- 5 ลี แอนเนสลีย์ (6.2) – โดนใบเหลืองจากแฮนด์บอลท้ายครึ่งแรก
- 6 เบอร์นาร์โด โลเปส (6.9)
- 22 กาเลบ ทอร์ริยา (กัปตัน) (6.3) – ถูกเปลี่ยนออกนาที 56
- 3 อีธาน จอลลีย์ (6.3)
กองกลาง
- 8 เจมี สแกนลอน (7.1) – ทำเกมด้านข้างพอใช้ได้
- 4 นิโกลัส โปโซ (5.8) – เจองานหนักในแดนกลาง
- 6 เบอร์นาร์โด โลเปส ขยับมายืนเชื่อมเกม (รวมบทบาททั้งรับและรุก)
- 14 คีแรน โรแนน (6.3) – เติมเกมรุกทางริมเส้น ก่อนถูกถอดนาที 81
กองรุก
- 12 ดีแลน บอร์จ (6.5) – ยืนหน้าต่ำ คอยเชื่อมกับกองหน้า ได้ใบเหลืองช่วงทดเวลา
- 19 เลียม เจสซอป (6.8) – ผู้ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ของยิบรอลตาร์
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- 15 แดน เบนท์ (6.8) แทน กาเลบ ทอร์ริยา นาที 56
- 11 คาร์ลอส ริชาร์ดส์ (6.5) แทน เลียม เจสซอป นาที 57
- 10 เคลวิน มอร์แกน (6.6) แทน ดีแลน บอร์จ นาที 57
- 17 เจย์ซี มาสคาเรนฮาส-โอลิเวโร (6.4) แทน ลี แอนเนสลีย์ นาที 74
- 7 ไจเดน บาร์โตโล (6.5) แทน คีแรน โรแนน นาที 81
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้
แบรดลีย์ บันดา, คริสเตียน โลเปซ, ไอมาน โมเวลิห์, แพทริก แม็คคลาฟเฟอร์ตี, จารอน วินเนต, เจเรมี เปเรรา, จูเลียน เดล ริโอ
นักเตะโดดเด่น – แฮงกิ้นส์ กับ เจสซอป เป็นสองคนที่แบกความหวังของเจ้าบ้านชัดเจน รายแรกเซฟอุตลุต ส่วนรายหลังจบสกอร์เฉียบในจังหวะสวนกลับ
🇲🇪 มอนเตเนโกร
ผู้รักษาประตู
- 13 อิลิยา นิกิช (6.5) – แม้โดนยิงหนึ่งลูกแต่หลังจากนั้นเล่นได้มั่นใจ รับลูกบอมบ์ยิบรอลตาร์ได้ทั้งหมด
กองหลัง
- 3 ริสโต ราดูโนวิช (6.6) – เติมเกมริมเส้นได้ดี ก่อนถูกเปลี่ยนออกพักครึ่ง
- 15 นิโกล่า ชิปชิช (6.9) – ยืนเซ็นเตอร์คุมพื้นที่กลางได้แน่น
- 21 อเล็กซานดาร์ บูลาโตวิช (7.3) – แข็งแกร่งทั้งพื้นดินและลูกกลางอากาศ
- 23 อดัม มารูซิช (6.8) – ช่วยทั้งเกมรับเกมรุกทางฝั่งซ้าย
กองกลาง
- 8 มาร์โก ยานโควิช (7.8) – จ่ายบอลคุมจังหวะเกมได้ยอดเยี่ยม
- 6 มาร์โก ทูชี (6.7) – ได้ใบเหลืองนาที 80 จากการทำฟาวล์หนัก
- 20 มาร์โก อุสมายิช (7.2) – วิ่งไล่บี้แดนกลางตลอด 90 นาที
- 10 วลาดิเมียร์ อาดซิช (7.2) – ยิงตีเสมอสวยงาม และสร้างปัญหาต่อเกมรับเจ้าบ้านตลอด
- 11 มิลาน วูโคติช (8.0) – ขับเคลื่อนเกมจากด้านหลังแนวรุก เชื่อมเกมได้ลื่นไหล
กองหน้า
- 9 นิโคล่า เคิร์สโตวิช (7.2) – สังหารจุดโทษไม่พลาด เป็นประตูชัย 2-1
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- 16 มาร์โก เปโรวิช (6.8) แทน ริสโต ราดูโนวิช นาที 46
- 19 สเตฟาน ลอนชาร์ (6.6) แทน วลาดิเมียร์ อาดซิช นาที 66
- 17 บิคตอร์ จูคาโนวิช (6.8) แทน นิโคล่า เคิร์สโตวิช นาที 74
- 11 มิลอช เบรนอวิช (6.6) แทน มาร์โก ยานโควิช นาที 74
- 5 สโลโบดาน รูเบซิช (6.5) แทน นิโกล่า ชิปชิช นาที 77
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้
ดานิเยล เปตโควิช, บัลชา โปโปวิช, มาร์โก เวโชวิช, สเตฟาน มิลิช, ดริตอน คามาย, มาร์โก ซิมุน, อันเดรย์ คอสติช
นักเตะโดดเด่น – มิลาน วูโคติช, มาร์โก ยานโควิช และ นิโคล่า เคิร์สโตวิช คือสามแกนหลักที่ทำให้มอนเตเนโกรควบคุมเกมและปิดจ็อบสามแต้มสำคัญได้
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
รูปเกมโดยรวม แผน 5-4-1 ของยิบรอลตาร์ตั้งใจ “ปักรถบัส” หน้าเขตโทษชัดเจน เน้นปิดพื้นที่ตรงกลางปล่อยให้มอนเตเนโกรต่อบอลที่แดนกลาง แต่เมื่อบอลหลุดเข้าพื้นที่สุดท้ายก็ใช้การบล็อกและดักโหม่งเคลียร์ทิ้งเป็นหลัก การขึ้นเกมรุกอาศัยจังหวะสวนกลับจาก เจสซอป และการเติมเกมทางริมเส้นของ สแกนลอน กับ โรแนน ที่คอยโยนยาวหาช่องด้านหลังเซ็นเตอร์คู่แข่ง ทว่าพอเกมตามหลัง การเปลี่ยนมาเปิดหน้าแลกก็ยังขาดความคมในการจบสกอร์
ส่วนมอนเตเนโกรยืนระบบ 4-4-2 เน้นคุมบอลผ่านคู่กลางอย่าง ยานโควิช กับ อุสมายิช แล้วค่อยถ่ายออกไปให้ อาดซิช และ วูโคติช ลากตัดเข้าในสร้างโอกาสยิงหรือแทงทะลุช่องหาคู่หน้า ลูกตั้งเตะและบอลครอสจากริมเส้นเป็นอาวุธสำคัญ ทำให้กดดันแนวรับยิบรอลตาร์ตลอด 90 นาที เกมรับแม้มีรูรั่วช่วงต้นจนเสียประตูจากจังหวะดันไลน์สูงเกินไป แต่หลังจากปรับแท็กติกให้แบ็กสองฝั่งระวังพื้นที่ด้านหลังมากขึ้น เกมก็แน่นขึ้นทันที
ในมุมมองของการ วิเคราะห์บอล เกมนี้จะเห็นชัดเจนว่าความแตกต่างด้านคุณภาพนักเตะและแท็กติกส่งผลอย่างมาก มอนเตเนโกรมีตัวเชื่อมเกมที่เล่นบอลหนึ่งสองได้ลื่นไหล ทำให้พอเกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรก พวกเขาสามารถเจาะบล็อกต่ำของเจ้าบ้านได้ต่อเนื่อง ขณะที่ยิบรอลตาร์ต้องยืนรับเป็นส่วนใหญ่ จนพอเสียประตูที่สอง แผนสวนกลับแทบไม่มีเวลาให้ทำงาน

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม
ตัวเลขหลังจบเกมโหดร้ายกับแฟนยิบรอลตาร์พอสมควร เพราะทั้งแมตช์เจ้าบ้านมีโอกาสยิงเพียง 2 ครั้ง เข้ากรอบ 1 ครั้งและเป็นประตูของเจสซอป ขณะที่มอนเตเนโกรกดไปถึง 16 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าทีมเยือนกดเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียว การครองบอลยิ่งชัดเจน ยิบรอลตาร์มีบอลแค่ 39% ส่วนมอนเตเนโกรคุมเกมถึง 61% ทำให้สามารถถ่ายบอลไปมาเพื่อดึงจังหวะและรอช่องทำลายแนวรับเจ้าถิ่นได้ตลอดเวลา
แม้เรื่องฟาวล์จะใกล้เคียงกันที่ 10 ต่อ 8 แต่ยิบรอลตาร์โดนใบเหลืองมากกว่าที่ 2 ใบจาก บอร์จ และ แอนเนสลีย์ ขณะที่มอนเตเนโกรมีแค่ ทูชี ที่โดนคาดโทษ แถมสถิติลูกเตะมุมก็ชัดเจน เจ้าบ้านได้เพียง 1 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ถึง 9 ครั้ง เป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่าบอลแทบไม่ออกจากแดนยิบรอลตาร์เลยในช่วงยาว ๆ ของเกม
⏰ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 20’ – ประตู 1-0 ยิบรอลตาร์นำก่อนจากจังหวะสวนกลับ เลียม เจสซอป หลุดเข้าไปยิงผ่านมือ นิกิช
- ❌ 25’ – มอนเตเนโกรได้จุดโทษจากจังหวะล้มในเขตโทษของ อาดซิช แต่ VAR ช่วยยิบรอลตาร์ เมื่อผู้ตัดสินกลับคำตัดสินยกเลิกจุดโทษ
- ⚽ 33’ – วลาดิเมียร์ อาดซิช ซัดตีเสมอ 1-1 ให้มอนเตเนโกรด้วยลูกยิงมุมแคบสุดคม
- ⚽ 42’ – จุดโทษครั้งที่สองของมอนเตเนโกร และครั้งนี้ไม่มีพลาด นิโคล่า เคิร์สโตวิช ซัดเสียบตาข่ายให้ทีมเยือนแซงนำ 2-1
- 🟨 45+2’ – ดีแลน บอร์จ โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์รุนแรงกลางสนาม
- 🟨 45+4’ – ลี แอนเนสลีย์ รับใบเหลืองจากจังหวะแฮนด์บอลในเขตโทษตัวเอง
- 🔁 46’ – มอนเตเนโกรเปลี่ยนตัว ส่ง มาร์โก เปโรวิช ลงแทน ริสโต ราดูโนวิช เพื่อเสริมเกมริมเส้น
- 🔁 56’ – ยิบรอลตาร์ส่ง แดน เบนท์ ลงแทน กาเลบ ทอร์ริยา หวังเติมความสูงในกรอบเขตโทษ
- 🔁 57’ – เจ้าบ้านปรับเกมรุก ส่ง คาร์ลอส ริชาร์ดส์ แทน เลียม เจสซอป และ เคลวิน มอร์แกน แทน ดีแลน บอร์จ
- 🔁 66’ – มอนเตเนโกรส่ง สเตฟาน ลอนชาร์ แทน อาดซิช เพื่อเก็บบอลและช่วยแดนกลาง
- 🔁 74’ – ทีมเยือนดึงจังหวะแท็กติก เปลี่ยน บิคตอร์ จูคาโนวิช แทน เคิร์สโตวิช และ มิลอช เบรนอวิช แทน ยานโควิช
- 🔁 74’ – ยิบรอลตาร์ส่ง เจย์ซี มาสคาเรนฮาส-โอลิเวโร ลงแทน แอนเนสลีย์ เพื่อเติมความสดเกมรับ
- 🔁 77’ – มอนเตเนโกรส่ง สโลโบดาน รูเบซิช ลงแทน ชิปชิช เสริมแนวรับช่วงท้าย
- 🔁 81’ – เจ้าบ้านเปลี่ยน ไจเดน บาร์โตโล ลงแทน โรแนน ลุยเกมรุกหาช็อตตีเสมอ
- 🟨 80’ – มาร์โก ทูชี โดนใบเหลืองจากการเข้าสกัดช้าใส่ผู้เล่นเจ้าบ้าน
🌟 Player of the Match – มิลาน วูโคติช
แม้จะไม่ใช่คนทำประตู แต่ มิลาน วูโคติช ได้คะแนนสูงสุดในสนาม 8.0 และคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมไปครอง เจ้าตัวทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวต่ำ เชื่อมเกมระหว่างกลางกับคู่หน้า จ่ายบอลคมหลายครั้งสร้างโอกาสให้ เคิร์สโตวิช ได้หลุดเข้าไปจบสกอร์ นอกจากนี้ยังช่วยไล่เพรสแดนบนทำให้ยิบรอลตาร์ต่อบอลจากหลังขึ้นหน้าลำบาก ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มอนเตเนโกรคุมจังหวะเกมได้ตามต้องการตลอดทั้ง 90 นาที

📊 สถานการณ์ในตารางคะแนน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม L
ชัยชนะนัดนี้ทำให้มอนเตเนโกรเก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนนจาก 7 นัด ยึดอันดับ 4 ของกลุ่ม L ต่อไป แต่ยังพอมีความหวังเล็ก ๆ หากสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ในเกมถัดไปกับโครเอเชียได้ ขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นให้ผลคู่แข่งอื่นเข้าทาง ส่วนหัวตารางยังเป็นของโครเอเชียที่มี 19 คะแนน นำหน้าเช็กเกีย 13 คะแนน และหมู่เกาะแฟโร 12 คะแนน
ด้านยิบรอลตาร์ต้องยอมรับความจริง เจ็ดนัดไม่มีแม้แต่แต้มเดียว ยิงได้เพียงประตูเดียวจากเกมนี้แต่เสียไปถึง 22 ลูก อยู่อันดับสุดท้ายของกลุ่มแบบเต็ม ๆ ภารกิจที่เหลือคือเล่นเพื่อศักดิ์ศรีและเก็บประสบการณ์ในเวทีใหญ่ระดับทวีปต่อไป
📅 ตารางบอล ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก กลุ่ม L นัดถัดไป
โปรแกรมนัดถัดไปของกลุ่ม L ยังเข้มข้น โฟกัสไปที่สองคู่สำคัญในวันเดียวกัน
- มอนเตเนโกร เปิดบ้านรับมือโครเอเชีย เกมชี้ชะตาโอกาสลุ้นพื้นที่บนของทีมเจ้าบ้าน หากเก็บชัยได้จะทำให้ตารางกลุ่มนี้เดือดจัดทันที
- เช็กเกีย พบ ยิบรอลตาร์ ซึ่งบนกระดาษเจ้าถิ่นเหนือกว่าชัดเจน ยิบรอลตาร์ต้องเล่นให้รัดกุมและหวังใช้โอกาสไม่กี่ครั้งให้คุ้มค่า หากหวังสร้างปาฏิหาริย์เก็บแต้มแรกของรอบคัดเลือกนี้
แฟนบอลที่อยากวางแพลนดูบอลล่วงหน้า อย่าลืมเช็ก ตารางบอล และโปรแกรมการแข่งขันทั้งหมดให้ดี เพราะสองแมตช์นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่ม L เลยทีเดียว
🏠 เช็กสรุปทุกเกมได้ที่ บ้านผลบอล บน บ้านกีฬา
ใครพลาดชมเกมสด ไม่ต้องกังวล บ้านกีฬา เก็บทุกไฮไลต์ ทุกสถิติ มาให้ครบตามสไตล์เว็บสายกีฬาตัวจริง อยากรู้ผลคู่อื่นของคัดบอลโลกคืนนี้ หรืออยากย้อนดูสกอร์ย้อนหลัง แฟนบอลสามารถติดตาม บ้านผลบอล อัปเดตสดทุกคู่ พร้อมบทวิเคราะห์จัดหนักสไตล์บ้านกีฬาได้ทุกวัน เข้ามาที่นี่ที่เดียวจบครบทั้งสกอร์ ข่าว และมุมมองเกมลูกหนังจากสายตาคนดูบอลตัวจริง

