บ้านผลบอล สรุปหลังเกม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สิงห์บลูส์ยำใหญ่ยักษ์กาตาลัน คูคูเรญ่า–เอสเตวาโอ้แบกทีม เชลซีถล่มบาร์เซโลน่า 3-0 กดดันบาร์ซ่าร่วงกลางตารางลีกยุโรป

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ระหว่าง เชลซี 3-0 บาร์เซโลน่า วันนี้ 26/11/68 – บ้านกีฬา

ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกค่ำคืนนี้ สแตมฟอร์ด บริดจ์ลุกเป็นไฟ เมื่อ เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บาร์เซโลน่า และจบลงด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 ตามหน้าเว็บ ผลบอลสด ที่เด้งตัวเลขขึ้นอย่างเจ็บแสบให้แฟนเจ้าบุญทุ่มได้จุกกันทั้งเมืองคาตาลุนญ่า บ้านกีฬาเห็นแล้วบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในเกมยุโรปที่เชลซีเล่นได้ครบเครื่องที่สุดในยุคหลัง ทั้งจังหวะเพรสซิ่ง ความดุดันเวลาเสียบอล และความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย

🔵 ครึ่งแรก: คูคูเรญ่ากดดันจนคุนเด้ทำเข้าประตูตัวเอง – จุดเปลี่ยนก่อนใบแดง

ต้นเกมทั้งสองทีมยืนระยะกันด้วยรูปแบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน เชลซีใช้ความสดของแนวรุกอย่าง เอสเตวาโอ้ และ การ์นาโช่ ไล่บีบสูงตั้งแต่แดนบน บาร์ซ่าพยายามต่อบอลจากหลังขึ้นหน้าอย่างใจเย็นผ่าน เฟรงกี้ เดอ ยอง และ ฟรามิน โลเปซ แต่เมื่อโดนเพรสหนักก็เริ่มจ่ายพลาดให้เห็น

นาที 27 ความกดดันของเจ้าถิ่นเปลี่ยนเป็นประตูนำ จากจังหวะบุกทางซ้ายที่ มาร์ก คูคูเรญ่า เติมสูง เปิดบอลกดดันเข้ากลางเขตโทษและเป็น ชูลส์ คุนเด้ ล้มเหลวในการเคลียร์ กลายเป็นสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง เชลซีออกนำ 1-0 ท่ามกลางเสียงเฮสนั่นสะเทือนสนาม

หลังโดนขึ้นนำ บาร์ซ่าพยายามโต้กลับผ่าน เลวานดอฟสกี้ และ ลามีน ยามาล ที่พยายามลากตัดเข้าใน แต่แนวรับสิงห์บลูส์คุมโซนดีมาก เกมรับนำโดย คูคูเรญ่า, ชาโลบาห์ และโฟฟาน่า แทบไม่เปิดพื้นที่ในกรอบโทษให้ยิงจะแจ้ง

นาที 40 เชลซีเกือบมีปัญหาเมื่อ มาโล กุสโต้ โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ อเราโฆ่ แต่เรื่องกลับตาลปัตรเพราะนาที 44 โรนัลด์ อเราโฆ่ ดันไปเล่นแรงโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทิ้งเพื่อนร่วมทีมเหลือ 10 คนตั้งแต่ก่อนพักครึ่ง นี่คือจุดเปลี่ยนมหาศาลที่ทำให้เชลซีสามารถคุมจังหวะเกมได้แบบเบ็ดเสร็จ

จบครึ่งแรก เชลซีนำ 1-0 และรูปเกมเหนือกว่าชัดเจน ทั้งโอกาสยิงและความมั่นใจ แม้สกอร์จะยังไม่ขาดแต่บ้านกีฬารู้สึกได้ว่ากลิ่นเลือดมันเริ่มคละคลุ้งแล้ว

🔵 ครึ่งหลัง: เอสเตวาโอ้–เดลาปปิดบัญชียับ 3-0

เริ่มครึ่งหลัง เอนโซ่ มาเรสก้า แก้เกมทันทีด้วยการถอด มาโล กุสโต้ ออกแล้วส่ง อันดรีย์ ซานโตส ลงมาเสริมความแน่นในแดนกลาง ปรับรูปเป็นฟูลแบ็กอนุรักษ์นิยมมากขึ้น ปล่อยให้เกมรุกไปอยู่ที่ เอสเตวาโอ้ และการ์นาโช่เป็นหลัก

นาที 55 ความดุดันทางขวาของเชลซีระเบิดผลลัพธ์ เมื่อ รีซ เจมส์ เติมสูงไปเปิดให้ เอสเตวาโอ้ สอดเข้าแปเน้น ๆ ตุงตาข่ายให้เจ้าถิ่นหนีเป็น 2-0 แนวรับบาร์ซ่าที่เหลือตัวน้อยอยู่แล้วถึงกับยืนงงกันทั้งแผง

บาร์ซ่าพยายามยื้อด้วยการเปลี่ยนตัวชุดใหญ่ นาที 62 ถอด ฟรามิน โลเปซ ออกให้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ลงมาช่วยเกมรับ พร้อมดัน ราฟินญ่า ลงแทน เลวานดอฟสกี้ หวังเพิ่มความเร็วในแนวรุก แต่รูปเกมไม่ได้ดีขึ้น เชลซียังขึงบุกต่อเนื่อง

นาที 59 เชลซีส่ง เลียม เดลาป ลงแทนการ์นาโช่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในเขตโทษ และผลก็มาในนาที 73 เมื่อ เดลาป หลุดขึ้นไปทำชิ่งกับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ก่อนหลุดเข้าไปซัดปิดบัญชี 3-0 อย่างเฉียบคม VAR เช็กแล้วให้เป็นประตูอย่างเป็นทางการ เสียงเชียร์ “บลูส์” ดังก้องทั่วสะพานลอนดอน

ท้ายเกม มาเรสก้าส่งสำรองลงมาเก็บเวลา ทั้ง เจมี่ กิทเทนส์, จอช อาชีอัมปง และ ไทริก จอร์จ ขณะที่ฝั่งบาร์ซ่าก็ส่ง ดานี่ โอลโม่ กับ เคราร์ด มาร์ติน ลงมาลองของ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากแล้ว จบ 90 นาที เชลซีถล่มบาร์ซ่า 3-0 แบบเหนือชั้น ทั้งสกอร์และทรงบอล ตรงกับที่แฟน ๆ เปิดหน้าเว็บ บ้านผลบอล แล้วต้องขยี้ตาดูซ้ำว่าใช่จริงหรือเปล่า

🧾 รายชื่อนักเตะ ตัวจริง–สำรอง และการเปลี่ยนตัว

🔷 เชลซี (4-2-3-1)

ตัวจริง

  • ผู้รักษาประตู: 1 โรเบิร์ต ซานเชซ (เรตติ้ง 7.1)
  • กองหลัง: 27 มาโล กุสโต้ (6.8, ใบเหลือง 40’), 29 เวสลีย์ โฟฟาน่า (6.5), 23 เทรโวห์ ชาโลบาห์ (6.7), 3 มาร์ก คูคูเรญ่า (8.2 – ฟอร์มสุดเดือด)
  • กองกลางตัวรับ: 25 มอยเซส ไกเซโด้ (7.1), 8 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (7.1, แอสซิสต์ 1)
  • ตัวรุกสามคนหลังหน้าเป้า: 41 เอสเตวาโอ้ (7.9, ยิง 1), 7 เปโดร เนโต้ (6.3), 49 อเลฮันโดร การ์นาโช่ (6.7)
  • ศูนย์หน้า: ไม่มีหอกเป้าธรรมชาติ เปิดเกมรุกแบบ “ฟอลส์ไนน์” ใช้เนโต้ยืนกึ่งหน้าต่ำสลับดึงกองหลัง

ตัวสำรองที่ได้ลงเล่น

  • 46’ อันดรีย์ ซานโตส (6.6) แทน มาโล กุสโต้
  • 59’ เลียม เดลาป (7.5, ยิง 1) แทน การ์นาโช่
  • 75’ เจมี่ กิทเทนส์ (6.4) แทน เปโดร เนโต้
  • 82’ จอช อาชีอัมปง (6.6) แทน รีซ เจมส์
  • 83’ ไทริก จอร์จ (6.4) แทน เอสเตวาโอ้

ตัวสำรองไม่ได้ลง
ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น (GK), จอเรล ฮาโต้, โทซิน อดาราบิโอยอ, เบอนัวต์ บาเดียชิล, ฟาคุนโด้ บวนาโนเต้, ชูเอา เปโดร, มาร์ก กูอิอู

🔴 บาร์เซโลน่า (4-2-3-1)

ตัวจริง

  • ผู้รักษาประตู: 13 ฆูเลน การ์เซีย (6.9)
  • กองหลัง: 3 อเลฆานโดร บัลเด้ (6.8), 5 เปา คูบาร์ซี (7.3 – เด่นสุดในแนวรับบาร์ซ่า), 4 โรนัลด์ อเราโฆ่ (5.2, ใบแดง 44’), 23 ชูลส์ คุนเด้ (6.2, ทำเข้าประตูตัวเอง)
  • กองกลางตัวรับ: 21 เฟรงกี้ เดอ ยอง (7.0)
  • กองกลางจอมสร้างสรรค์: 24 เอริค การ์เซีย (6.5), 16 ฟรามิน โลเปซ (6.2)
  • แนวรุกสามตัว: 7 เฟร์ราน ตอร์เรส (7.5), 10 ลามีน ยามาล (7.1), 9 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (6.6)

ตัวสำรองที่ได้ลงเล่น

  • 62’ อันเดรียส คริสเตนเซ่น (6.5) แทน ฟรามิน โลเปซ
  • 62’ ราฟินญ่า (6.2) แทน เลวานดอฟสกี้
  • 80’ ดานี่ โอลโม่ (6.6) แทน ลามีน ยามาล
  • 80’ เคราร์ด มาร์ติน (6.6) แทน อเลฆานโดร บัลเด้
  • 64’ มาร์คัส แรชฟอร์ด (6.1) แทน เฟร์ราน ตอร์เรส

ตัวสำรองไม่ได้ลง
วอยเชียค เชสนี่ (GK), ดีเอโก โคเชน, ดรู เฟร์นันเดซ, มาร์ก แบร์นาล, มาร์ก กาซาโด, รูนี บาร์ดฆี

ผู้เล่นบาดเจ็บ/ติดโทษแบนที่สำคัญ
เชลซี: โรเมโอ ลาเวีย (เช็กฟิต), ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล สโลนิน่า, ดาริโอ เอสซูโก้, เลวี โคลวิลล์, โคล พาล์มเมอร์ (เจ็บ), ไมคายโล มูดริก (แบน)
บาร์เซโลน่า: เปดรี, ปาโบล กาบี, มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น (เจ็บทั้งหมด)

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับเชิงลึก

ในเชิงแท็กติก นี่คือเกมที่มาเรสก้าอ่านเกมได้ขาด เชลซีใช้ 4-2-3-1 ที่ยืดหยุ่นสูง เวลาบีบสูง เอสเตวาโอ้ และการ์นาโช่ปิดไลน์จ่ายจากเซ็นเตอร์ไปยังเดอ ยอง ส่วน เนโต้ถอยต่ำมาช่วยตัดบอลโซนกลาง ทำให้บาร์เซโลน่าไม่สามารถขึ้นบอลแบบไหลลื่นตามสไตล์ที่ถนัด ขณะที่สองมิดฟิลด์รับอย่างไกเซโด้กับเฟร์นานเดซยืนคุมหน้ากองหลังได้แน่นจนแทบไม่มีช่องให้แทงทะลุช่อง นี่คือภาพชัดของคำว่าเกมเพรสซิ่งเชิงระบบที่คู่ควรกับคำว่า วิเคราะห์บอล ระดับสูง

เกมรุกของเชลซีเน้นโจมตีด้านกว้างเป็นหลัก โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่ คูคูเรญ่า เติมสูงเกือบตลอดเวลา ทำเกมร่วมกับการ์นาโช่จนบาร์ซ่าต้องถอยบัลเด้ลงต่ำคอยรับมือ ผลคือพื้นที่ตรงกลางเปิดให้เฟร์นานเดซสอดขึ้นมาปั้นเกมและหาจังหวะยิงไกลหรือแทงทะลุให้เพื่อน แดนหน้าตอนส่งเดลาปลงมา ทำให้ทีมมี “เบอร์ 9” แท้ ๆ คอยชนเซ็นเตอร์ ทำให้คูบาร์ซีกับคริสเตนเซ่นต้องถอยลงไปยืนลึกยิ่งกว่าเดิม

ฝั่งบาร์เซโลน่าแม้จะยืนระบบเดียวกันแต่เมื่อเหลือ 10 คน เกมรุกถูกบังคับให้ฝากความหวังไว้ที่การลากเลื้อยของยามาลและราฟินญ่าเป็นหลัก การต่อบอลสั้นจากแดนหลังถูกตัดซ้ำ ๆ จนต้องลองโยนยาวหาเลวานดอฟสกี้ซึ่งถูกโฟฟาน่ากับชาโลบาห์ตามติดไม่ห่าง พอโดนบีบหนัก การเคลื่อนที่ไลน์สองของโลเปซและเดอ ยองก็หายไป เหลือแค่จังหวะยิงไกลแบบลุ้นโชค

ด้านเกมรับ เชลซีเล่นกันเป็นบล็อกต่ำ–กลางเมื่อขึ้นนำ 2-0 เน้นปิดพื้นที่ระหว่างไลน์มากกว่าการไล่บ้าพลังแต่ต้นเกม เซ็นเตอร์สองคนลงตัวทั้งเรื่องการอ่านบอลและดวลลูกกลางอากาศ ส่วนคูคูเรญ่าเติมสูงแต่ยังถอยลงมาปิดช่องว่างได้ทัน ขณะที่บาร์ซ่าขาดผู้นำในแนวรับทันทีที่อเราโฆ่โดนไล่ออก คุนเด้ยิ่งเสียความมั่นใจหลังทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้การยืนไลน์ล้ำหน้าพังไปหมด เชลซีเลยเจาะช่องด้านในได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนความข่มขู่ของสิงห์บลูส์

แม้ตัวเลขการครองบอลจะใกล้เคียงกัน เชลซี 52% ต่อ บาร์เซโลน่า 48% แต่เชิงคุณภาพต้องบอกว่าบ้านคือฝ่ายกำหนดจังหวะทั้งหมด เจ้าถิ่นยิงรวม 13 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 3 ประตูเต็ม ๆ ขณะที่บาร์ซ่ายิงได้เพียง 5 ครั้ง เข้ากรอบแค่ 2

การผ่านบอล เชลซีจ่ายไป 451 ครั้ง ความแม่นยำสูงถึง 94% ส่วนบาร์ซ่าจ่าย 358 ครั้ง ความแม่นยำ 89% ตัวเลขอาจดูไม่ห่างกันมาก แต่จุดสำคัญคือเชลซีจ่ายบอลทะลุไลน์และเปลี่ยนฝั่งได้คมกว่า ฟูลแบ็กสองฝั่งมีส่วนอย่างมาก

เรื่องเกมรบ เกมดุสมเป็นทีมอังกฤษ เชลซีทำฟาวล์ 18 ครั้ง บาร์ซ่า 12 ครั้ง ใบเหลืองฝั่งละหนึ่ง แต่ใบแดงสำคัญคือของอเราโฆ่ที่ทำให้สมดุลเกมพัง รวมถึงสถิติล้ำหน้าที่เชลซีโดน 6 ครั้ง แสดงให้เห็นการวิ่งทำทางหลุดแนวรับคู่แข่งบ่อยมาก ขณะที่ลูกเตะมุมเจ้าถิ่นได้ถึง 4 ลูก ส่วนบาร์ซ่าไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว แปลเป็นภาษาฟุตบอลง่าย ๆ คือบาร์ซ่าแทบไม่ได้ขึ้นมาป้วนเปี้ยนในเขตโทษเชลซีเลย

⏱ เหตุการณ์สำคัญในเกม (เฉพาะไฮไลท์หลัก)

  • ⚽️ นาที 27: เชลซีนำ 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ชูลส์ คุนเด้ หลังพยายามสกัดบอลจากฝั่งซ้าย
  • 🟨 นาที 40: มาโล กุสโต้ รับใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ โรนัลด์ อเราโฆ่
  • 🟥 นาที 44: โรนัลด์ อเราโฆ่ โดนใบแดงจากจังหวะฟาวล์หนัก กลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ของเกม
  • 🔁 นาที 46: เชลซีเปลี่ยนคนแรก ส่ง อันดรีย์ ซานโตส แทน มาโล กุสโต้ ปรับสมดุลเกมรับ-รุก
  • ⚽️ นาที 55: เชลซีหนี 2-0 เมื่อ เอสเตวาโอ้ ยิงจ่อ ๆ ในเขตโทษ จากการเปิดของ รีซ เจมส์
  • 🔁 นาที 59: เลียม เดลาป ลงแทน การ์นาโช่ เพิ่มความแข็งแรงในแดนหน้า
  • 🔁 นาที 62: บาร์ซ่าแก้เกม ส่ง อันเดรียส คริสเตนเซ่น และ ราฟินญ่า แทน ฟรามิน โลเปซ กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
  • ⚽️ นาที 73: เลียม เดลาป หลุดเข้าไปยิงไม่เหลือ เชลซีนำขาด 3-0 หลัง VAR ยืนยันประตู
  • 🔁 นาที 75: เจมี่ กิทเทนส์ แทน เปโดร เนโต้
  • 🔁 นาที 80: บาร์ซ่าส่ง ดานี่ โอลโม่ แทน ลามีน ยามาล และ เคราร์ด มาร์ติน แทน อเลฆานโดร บัลเด้
  • 🔁 นาที 82: เชลซีส่ง จอช อาชีอัมปง ลงแทน รีซ เจมส์
  • 🔁 นาที 83: ไทริก จอร์จ ลงแทน เอสเตวาโอ้ เก็บเวลาช่วงท้ายเกม

🌟 Player of the Match: มาร์ก คูคูเรญ่า แบ็กซ้ายหัวใจเพรสซิ่ง

รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมถูกมอบให้กับ มาร์ก คูคูเรญ่า ที่ได้เรตติ้งสูงสุดถึง 8.2 จาก Sofascore และบ้านกีฬาก็ยกมือเห็นด้วยแบบไม่ต้องคิดมาก แบ็กซ้ายหัวฟูรายนี้วิ่งขึ้นลงตลอด 90 นาที เติมเกมรุกจนแนวรับบาร์ซ่าปั่นป่วน และยังเป็นคนสร้างแรงกดดันจนเกิดจังหวะทำเข้าประตูตัวเองของคุนเด้ในช่วงครึ่งแรก

นอกจากเกมรุก คูคูเรญ่าก็จัดการเกมรับฝั่งตัวเองได้อยู่หมัด ปิดทางวิ่งของ ลามีน ยามาล ได้ดี ดักบอลตัดจังหวะได้หลายครั้ง และช่วยบีบให้บาร์ซ่าต้องหันไปบุกอีกฝั่งแทน ถ้าวันไหนฟูลแบ็กเล่นครบเครื่องทั้งรับ–รุกแบบนี้ ผลลัพธ์จบ 3-0 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

รองลงมาคือ เอสเตวาโอ้ (7.9) ที่ยิง 1 ประตูและดึงเกมรับคู่แข่งแตกกระจาย รวมถึง เลียม เดลาป (7.5) ที่ลงมาปิดจ็อบ ส่วนฝั่งบาร์ซ่าที่โดดเด่นสุดคือ เปา คูบาร์ซี กับ เฟร์ราน ตอร์เรส แต่ก็ไม่พอจะช่วยทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้เละเทะครั้งนี้

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ชัยชนะเกมนี้ทำให้ เชลซี พุ่งขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ของตารางลีกยุโรปแบบใหม่ แข่ง 5 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 12 เสีย 6 ผลต่างประตูได้เสีย +6 เก็บไปแล้ว 10 คะแนน ไล่จี้หัวตารางอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ อาร์เซนอล ที่ต่างมี 12 แต้มไม่ไกล

ฝั่ง บาร์เซโลน่า สถานการณ์เริ่มน่าห่วง หลังผ่าน 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 12 เสีย 10 ประตูได้เสีย +2 มีเพียง 7 คะแนน รั้งอันดับ 15 ของตาราง ถ้ายังหลุดฟอร์มในเกมใหญ่แบบนี้อีก การลุ้นพื้นที่น็อกเอาต์อาจกลายเป็นเรื่องเหนื่อยหอบสำหรับชาบีกับลูกทีม เพราะพื้นที่หัวตารางเริ่มถูกกลุ่มทีมฟอร์มแรงจับจองกันแน่น

📅 ตารางบอลนัดถัดไปของทั้งสองทีม

มองไปที่ ตารางบอล จากโปรแกรมถัดไป เชลซีจะกลับไปโฟกัสพรีเมียร์ลีก โดยมีศึกหนักรออยู่สองนัดติด เริ่มจากเปิดบ้านดวลอาวุธกับอาร์เซนอล ก่อนยกพลออกไปเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด เกมเหล่านี้จะเป็นบททดสอบสำคัญว่าฟอร์มโหดในยุโรปจะต่อยอดกลับสู่บอลลีกได้แค่ไหน

ด้านบาร์เซโลน่าต้องรีบลืมฝันร้ายที่ลอนดอน เพราะในลาลีกามีงานยากรออยู่ทันที พวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของอลาเบส ก่อนจะชนเกมใหญ่กับแอตเลติโก มาดริด หากเก็บแต้มไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความกดดันทั้งในลีกและยุโรปจะถาโถมใส่ยักษ์กาตาลันแบบไม่ให้หายใจ

📣 ติดตาม บ้านผลบอล และทุกจังหวะเดือดได้ที่ บ้านกีฬา

ใครพลาดดูสดแต่ยังอยากเกาะติดทุกช็อตมันส์ของเกมยุโรปแบบนี้ บ้านกีฬาแนะนำให้เปิดหน้าเว็บเช็ก บ้านผลบอล ควบคู่ไปกับการอ่านบทวิเคราะห์เจาะลึกจากเรา จะได้เห็นทั้งตัวเลข สถิติ และภาพรวมแท็กติกครบในที่เดียว นัดหน้าไม่ว่าจะเป็นเกมลีกหรือถ้วยยุโรป บ้านกีฬาจะยังอยู่ข้าง ๆ แฟนบอลเหมือนเดิม คอยสรุปทุกดราม่าให้ฟังแบบถึงเนื้อถึงตัว

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา