เช้าวันที่ 18 ธ.ค. กลายเป็นช็อกซ้ำของคนใช้ถนน เมื่อเกิดเหตุ สะพานลอยถล่ม บนถนนสายหลักฝั่งตะวันออก “ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด)” บริเวณกม.34+500 ตรงข้าม/หน้าพื้นที่ ตลาดนำไทย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โครงสร้างสะพานร่วงลงมากีดขวางช่องทางหลักขาเข้า และทับรถที่อยู่ด้านล่างจนได้รับความเสียหายหนัก เจ้าหน้าที่เร่งเข้าพื้นที่ช่วยผู้บาดเจ็บและเคลียร์ซากอย่างเร่งด่วน

ภาพรวมเหตุการณ์: เกิดอะไรขึ้นตรงกม.34+500
รายงานเบื้องต้นระบุว่า เหตุเกิดราวช่วง 09.00 น. มีรถบรรทุกดัมพ์วิ่งผ่านจุดเกิดเหตุ ก่อนเกิดจังหวะ “ยกกระบะ/ดัมพ์ลอย” จนไปฟาดกับคานสะพานลอย ส่งผลให้โครงสร้างหล่นลงมาทับรถด้านล่าง โดยมีทั้งรถบรรทุกและรถกระบะ (บางรายงานระบุเป็นรถขนไข่) ได้รับความเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์เข้าช่วยเหลือทันที

สาเหตุเบื้องต้น: “ดัมพ์ยกกระบะ” จุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรม
แกนของเหตุการณ์นี้คือความเสี่ยงคลาสสิกบนถนนสายรถหนัก—รถดัมพ์/รถบรรทุกที่ “ยกกระบะค้าง” แล้วชนสิ่งกีดขวางเหนือศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นคานสะพาน ป้าย หรือทางยกระดับ ซึ่งพอเกิดการปะทะกับโครงสร้างที่รับแรงไม่ไหว ผลลัพธ์มักออกมาโหดและรวดเร็ว: โครงสร้างหล่น, รถด้านล่างรับเคราะห์, ผู้ใช้ทางคนอื่นโดนลากเข้าวิกฤตแบบไม่ทันตั้งตัว โดยกรณีนี้ก็ถูกระบุเบื้องต้นว่า “ยกดัมพ์ขึ้นไปฟาดคานสะพาน” ก่อนสะพานร่วงลงมา
ความคืบหน้าผู้บาดเจ็บและปฏิบัติการกู้ภัย: นาทีที่ต้องแข่งกับเวลา
เหตุลักษณะนี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ “รถชนรถ” แต่มันคือ “โครงสร้างทับรถ” ที่ทุกวินาทีมีความหมาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งประเมินความมั่นคงของซากสะพาน จัดการความเสี่ยงหน้างาน (มีรายงานเรื่องก๊าซรั่วในช่วงแรก ๆ) และทำงานกู้ชีพควบคู่กัน เพื่อช่วยผู้ติดค้างออกมาอย่างปลอดภัยที่สุด ขณะที่ข้อมูลผู้บาดเจ็บในรายงานข่าวช่วงแรกมีการระบุหลายราย และมีรายงานอัปเดตบางแหล่งว่าเหตุนี้มีผู้เสียชีวิตด้วย (รายละเอียดสุดท้ายต้องรอการยืนยันจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ)

จราจรพังทั้งเส้น: ปิดช่องทางหลัก รถติดสะสมยาว
ผลกระทบที่ตามมาคือ “ถนนเป็นอัมพาต” เพราะสะพานที่ร่วงลงมาปิดทับช่องทางหลักขาเข้า ทำให้ต้องปิดการจราจรเพื่อกู้ซากและเปิดทางให้รถพยาบาล/รถกู้ภัยเข้าทำงาน กรมทางหลวงระบุว่าจุดเกิดเหตุอยู่ที่ ทล.34 (ถนนเทพรัตน) กม.34+500 และให้ผู้ใช้ทางหลีกเลี่ยงเส้นทาง พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

แนะเส้นทางเลี่ยงแบบใช้งานได้จริง (เช็กก่อนออกตัวทุกครั้ง)
ถ้าจำเป็นต้องเดินทางผ่านโซนบางบ่อ–บางพลี–เข้ากรุงเทพฯ วันนี้ “การวางแผน” สำคัญกว่าความเคยชิน แนะนำแนวทางเลี่ยงที่ถูกพูดถึงมากและเหมาะกับแต่ละกลุ่มเส้นทางดังนี้
- สายทางไกลจากชลบุรี/ฉะเชิงเทรา: ขยับไปใช้ “ทางยกระดับ/ทางด่วน” หรือเส้นทางที่ข้ามคอขวดได้ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ (ถ้าขึ้นได้ให้ขึ้นเร็ว)
- สายมอเตอร์เวย์: เลี่ยงพื้นราบช่วงวิกฤต แล้วค่อยตัดกลับเข้ากรุงเทพฯ ตามจุดเชื่อมที่คล่องตัวกว่า
- สายวงแหวน: ใช้วงแหวนตะวันออกเพื่อกระจายรถไปโซนอื่น ลดการไปกองหน้าคอขวด
- คนที่ยังเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ: ใช้ “ช่องทางคู่ขนาน” แต่ต้องเผื่อเวลาเพิ่ม เพราะปริมาณรถจะถูกบีบไปรวมกัน
และที่สำคัญที่สุด—ก่อนออกเดินทางให้เช็กสภาพจราจรแบบเรียลไทม์จากแผนที่นำทาง หรือฟังรายงานจราจร เพื่อไม่เสียเวลาติดยาวโดยไม่จำเป็น

บทเรียนที่ต้องจำ: โครงสร้างเหนือถนนไม่ใช่เรื่องไกลตัว
เหตุสะพานลอยถล่มไม่ว่าจะเกิดจากรถชน, ความเสื่อมสภาพ, หรือความผิดพลาดทางเทคนิค มักสะท้อน 2 เรื่องใหญ่ที่สังคมต้องกลับมาคุยกันให้ดังขึ้น
หนึ่ง คือ “วินัยและความปลอดภัยของรถบรรทุก” โดยเฉพาะการตรวจเช็กสภาพรถและการล็อกกระบะก่อนวิ่ง
สอง คือ “การบริหารความเสี่ยงของโครงสร้างสาธารณะ” ตั้งแต่การตรวจสภาพ, การแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยง, ไปจนถึงมาตรการควบคุมรถน้ำหนักมากในจุดวิกฤต เพราะบนถนนจริง ความเสียหายไม่ได้จบที่เหล็กพัง แต่มันไปไกลถึงชีวิตคน
สรุปสถานการณ์ล่าสุดที่คนใช้ทางควรรู้
เคสสะพานลอยหน้าตลาดนำไทยบนถนนเทพรัตน กม.34+500 คือเหตุใหญ่ที่ทำให้การจราจรขาเข้า “ชะงักทั้งเส้น” เจ้าหน้าที่เร่งช่วยผู้ประสบเหตุและกู้ซากเพื่อคืนผิวจราจรโดยเร็ว ใครที่ต้องผ่านเส้นบางนา-ตราดวันนี้ควรหลีกเลี่ยงถ้าเลี่ยงได้ และติดตามประกาศ/อัปเดตจากหน่วยงานและสำนักข่าวอย่างใกล้ชิด
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

