ยอดจอง Motor Expo 2025 เดือดเหมือนนัดชิง! EV นำขบวน โปรฯแรงค่ายจีนถล่มตลาด คนไทยแห่จองรถก่อนมาตรการรัฐสิ้นสุด

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ภาพรวมยอดจอง Motor Expo 2025: 8 วันแรกทะลุ 3.6 หมื่นคัน

“งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” หรือ Thailand International Motor Expo 2025 กลายเป็นเวทีใหญ่ปลายปีที่ร้อนแรงยิ่งกว่าลมร้อนหน้าแล้ง เพราะแค่ครึ่งทางของการจัดงาน ยอดจองรวมก็พุ่งทะลุแล้วกว่า 36,174 คันใน 8 วันแรก แบ่งเป็นรถยนต์ 36,174 คัน และรถจักรยานยนต์กว่า 2,269 คัน รวมแล้วเฉียด 38,443 คันแบบสบายๆ จากข้อมูลผู้จัดและสื่อสายยานยนต์หลายเจ้า

ที่โหดคือ ยอดจองปีนี้ โตขึ้นราว 30–45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนชัดว่าคนไทยยังมีกำลังซื้อ และพร้อม “ยิงคำว่าจอง” ถ้าเจอโปรฯและราคาโดนใจ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าและไฮบริดที่ขึ้นมาเป็นตัวเอกของงาน

ไฮไลท์ที่ต้องโฟกัสแบบเน้นๆ คือ

  • สัดส่วนยอดจองมากกว่า 52% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • ถัดมาคือ รถไฮบริด (xEV)
  • ตามด้วยรถเครื่องยนต์สันดาปล้วน (ICE) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)

พูดง่ายๆ ปีนี้คือ “ปีของรถไฟฟ้า” แบบเต็มปากเต็มคำ ใครยังคิดว่า EV เป็นของไกลตัว บอกเลยว่าหน้างาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025 ค่ายจีน ค่ายยุโรป ค่ายญี่ปุ่น จัดหนักกันชนิดที่แฟนรถเดินวนไม่รู้จะเริ่มลองคันไหนก่อน

ท็อป 10 ค่ายรถยอดจองแรงสุดในงาน (8 วันแรก)

จากตัวเลขครึ่งทางของงาน ยอดจอง Motor Expo 2025 จัดอันดับ 10 ค่ายที่ฟอร์มดุที่สุดได้ประมาณนี้ (อิงจากตัวเลขประมาณการของผู้จัดและสื่อยานยนต์)

  1. Toyota – ยอดจองราว 6,013 คัน รุ่นเด่น: Yaris Cross และไลน์อัปไฮบริด
  2. BYD – ยอดจองราว 3,154 คัน รุ่นเด่น: BYD Atto 3 + ตระกูล SEAL / SEALION ที่โปรฯโคตรแรง
  3. Honda – ยอดจองราว 3,039 คัน รุ่นเด่น: Honda HR-V e:HEV และกลุ่มไฮบริด
  4. OMODA & JAECOO – ยอดจองราว 2,678 คัน รุ่นเด่น: JAECOO 5 EV ขวัญใจสาย EV งบไม่แรง
  5. MG – ยอดจองราว 2,360 คัน รุ่นเด่น: MG S5 EV และตระกูล MG4 / ZS EV ที่กดราคาแรง
  6. GAC AION – ยอดจองราว 2,187 คัน รุ่นเด่น: AION UT และ AION V โปรฯโหด
  7. Geely – ยอดจองราว 2,134 คัน รุ่นเด่น: Geely EX2 EV ราคาเปิดตัวสะเทือนวงการ
  8. Deepal – ยอดจองราว 2,117 คัน รุ่นเด่น: Deepal S05 ดีไซน์จัด ฟีเจอร์แน่น
  9. Great Wall Motor (GWM) – ยอดจองราว 2,015 คัน รุ่นเด่น: GWM Tank 300 Diesel / ORA Good Cat
  10. Mitsubishi – ยอดจองราว 1,588 คัน รุ่นเด่น: Mitsubishi Xforce HEV

จากลิสต์จะเห็นชัดว่าค่ายจีนเข้ามา “ยึดพื้นที่” อันดับต้นๆ แทบครึ่งตาราง โดยเฉพาะ BYD, GAC Aion, Deepal, Omoda & Jaecoo และ Geely ที่กวาดยอดจองด้วยทั้งราคาและสเปกที่ให้เหนือคู่แข่งตรงๆ

5 รถเด่น Motor Expo 2025 ที่ต้องเดินไปดูด้วยตา

1. Mercedes-Benz CLA 250+ vs Tesla Model 3 ศึกซีดาน EV พรีเมียม

สายหรูต้องไม่พลาด Mercedes-Benz CLA 250+ สปอร์ตซีดานที่เปลี่ยนสู่การเป็น รถไฟฟ้าเต็มตัว ภายใต้เทคโนโลยี EQ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motor (PSM) จับคู่เกียร์ 2 จังหวะ (Two-speed transmission) ให้กำลังสูงสุดราว 272 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร

จุดเด่นสุดๆ คือ แบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดประมาณ 792 กม./ชาร์จ และรองรับ DC Fast Charge สูงสุด 320 kW ชาร์จ 10 นาที วิ่งต่อได้ราว 325 กม. แถมรองรับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะและแอปฯ สั่งงาน รวมถึงฟังก์ชัน A.I. เต็มระบบ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้รถหรูขับสบาย แต่หัวใจอยากอัปเกรดสู่ยุคไฟฟ้าแบบเต็มตัว

คู่แข่งตรงบนเวทีเดียวกัน:
Tesla Model 3 รุ่นยอดนิยมที่เน้นความมินิมอลและซอฟต์แวร์อัปเดตผ่าน OTA จุดขายคือรุ่น Performance ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์คู่ แรงม้าระดับ 460 แรงม้า อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. แค่ 3.1 วินาที ระยะทางวิ่งราว 528 กม. (WLTP) แบตเตอรี่ 75 kWh กับราคาที่ประมาณ 2.19 ล้านบาท เปิดศึกชนตรงๆ กับ CLA 250+ ทั้งอารมณ์การขับและภาพลักษณ์แบรนด์

สำหรับสายวิเคราะห์แบบ “บ้านกีฬา” ต้องบอกว่าคู่นี้คือแมตช์ใหญ่ของตลาดซีดาน EV พรีเมียมในไทย คนที่เลือก Benz ได้ความหรูแนวยุโรปเต็มใบ ส่วนคนที่เลือก Tesla ได้เทค-ฟีลลิ่งและระบบ Smart ของฝั่งอเมริกันจัดเต็ม

2. Toyota Hilux Travo Overland Plus 4Trex vs GWM Poer Sahar Ultra 4WD ศึกกระบะสายลุยยุคใหม่

ฝั่งกระบะ ปีนี้ Toyota Hilux Travo Overland Plus 4Trex คือหนึ่งในตัวท็อปของสายลุย ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร GD Super Power แรงม้าราว 204 ตัว แรงบิดจัดเต็ม 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีโหมดให้เลือกหลากหลาย

ภายในปรับใหม่ให้ทันสมัยขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม เหมาะทั้งใช้งานจริงและแต่งลุย ปรับบทจาก “กระบะงานบรรทุก” มาเป็น “กระบะไลฟ์สไตล์” ที่ขับทุกวันก็ได้ ลุยเสาร์–อาทิตย์ก็สนุก

คู่แข่งที่น่าสนใจในงาน:
GWM Poer Sahar Ultra 4WD กระบะจากค่ายจีนที่เดินเกมราคาดุ เครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร กำลัง 184 แรงม้า จุดเด่นคือห้องโดยสารทันสมัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา และโหมดขับขี่หลากหลาย ราคาเปิดตัวราว 999,000 บาท ซึ่งต่ำกว่า Hilux Travo พอสมควร

คนที่เน้น “แบรนด์เดิมๆ เชื่อใจได้” ก็ยังเทใจให้ Toyota แต่ถ้าใครมองความคุ้มค่าและออปชันล้นในราคาไม่ถึงล้าน Poer Sahar Ultra คือคู่แข่งที่ค่ายใหญ่ต้องเหลียวมอง

3. Nissan X-Trail e-Power e-4orce vs Honda CR-V e:HEV RS AWD ศึกครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งสายไฮบริดไฟฟ้า

Nissan X-Trail e-Power e-4orce กลับมารีสตาร์ตตลาดไทยแบบไม่ธรรมดา ใช้ระบบขับเคลื่อนแนวคิด “เครื่องยนต์เป็นแค่โรงไฟฟ้า” มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนจริง ด้านหน้า 204 แรงม้า ด้านหลัง 136 แรงม้า ขับสี่ตลอดเวลา ระบบ e-4orce ช่วยกระจายแรงบิดหน้า–หลังได้รวดเร็วและแม่นยำ

ตัวถังระดับ C-Segment ใหญ่ เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง เหมาะกับครอบครัวที่อยากได้ทั้งความแรง ฟีลลิ่งไฟฟ้า และความเอนกประสงค์ แบบไม่ต้องห่วงเรื่องสถานีชาร์จมากเท่า EV ล้วน

คู่แข่งหลักในงาน:
Honda CR-V e:HEV RS AWD ครอสโอเวอร์สายไฮบริดที่แฟนฮอนด้ารู้มือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 148 แรงม้า ทำงานร่วมมอเตอร์ไฟฟ้า 184 แรงม้า ขับสี่ตลอดเวลา จุดขายคือความนุ่มนวล ประหยัด และภาพลักษณ์ “รถครอบครัวพรีเมียม” ราคาอยู่แถว 1.72–1.73 ล้านบาท

คู่นี้คือแมตช์ที่แฟนครอสโอเวอร์ต้องคิดหนัก จะเลือก “ไฟฟ้าล้วนแต่เติมน้ำมัน” แบบ e-Power หรือจะเอาไฮบริดสายประหยัดแบบฮอนด้าที่พิสูจน์ตัวเลขขายมาหลายเจนแล้ว

4. GWM Wey G9 Hi4 vs GAC M8 PHEV สงคราม MPV หรูปลั๊กอินไฮบริด

สายครอบครัวพรีเมียมต้องแวะบูธ Wey G9 Hi4 แบรนด์หรูของ GWM ที่เปิดตัวในไทยครั้งแรก ตัวถัง MPV ขนาดใหญ่ เบาะแถวสองแบบ Zero Gravity พร้อมฟังก์ชันจัดเต็ม ทั้งเอน นวด ปรับเลื่อนหลายทิศทาง

ขุมพลังแบบ Hi4 ผสมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent-Magnet Synchronous System ร่วมกับเกียร์ DHT อัจฉริยะ ได้กำลังสูงสุดกว่า 442 แรงม้า แรงบิด 642 นิวตันเมตร ขับสี่ตลอดเวลา วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ราว 170 กม. (NEDC) จากแบตเตอรี่ 44.28 kWh รองรับ DC Fast Charge 60 kW

คู่แข่งดวลตรง:
GAC M8 PHEV MPV หรูอีกหนึ่งค่ายจีน ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 190 แรงม้า ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 373 แรงม้า แบตเตอรี่ 25.6 kWh วิ่ง EV ล้วนได้ราว 120 กม. (NEDC) ดีไซน์เน้นหรูหรา เบาะนั่งและวัสดุภายในระดับพรีเมียม

ศึกนี้คือเกมของ “ห้องโดยสารหรู + ความสบายของผู้โดยสารตอนหลัง” ล้วนๆ ใครพาครอบครัว พาผู้บริหารนั่ง MPV หรู ต้องไปลองนั่งทั้งสองคันแล้วตัดสินด้วยตัวเอง

5. Geely EX2 Pro vs BYD Dolphin ศึก EV ราคาประหยัดเขย่าตลาด

ปิดท้ายด้วยไฮไลท์สายตลาดแมสที่เดือดไม่แพ้กลุ่มพรีเมียม Geely EX2 Pro รถไฟฟ้าแฮทช์แบ็กตัวเล็ก ขับหลัง มอเตอร์ 85 kW (116 แรงม้า) แบตเตอรี่ 39.4 kWh วิ่งได้ราว 395 กม. (NEDC) รองรับ DC Charge 70 kW และมีฟังก์ชัน V2L จ่ายไฟออกภายนอกได้

จุดพีคจริงๆ คือ ราคาเปิดตัว 399,990 บาท (จำกัด 2,000 คันแรก) กลายเป็น “ตั๋วเบิกทาง” ให้คนไทยจำนวนมากกระโดดเข้ามาในโลก EV ง่ายขึ้นแบบที่ตลาดต้องสะเทือน

คู่แข่งสายฮอต:
BYD Dolphin Standard Range ราคาโปรฯราว 449,900 บาท มอเตอร์ 69 kW (94 แรงม้า) แบตเตอรี่ 50.3 kWh วิ่งได้ราว 435 กม. (NEDC) ขับหน้ามีฟีลลิ่งต่างจาก EX2 ที่ขับหลังเล็กน้อย

ศึกนี้คือเกมของ “ราคา + ความเชื่อมั่นแบรนด์ + เงื่อนไขการรับประกัน” ใครเน้นถูกสุดๆ กับสเปกระดับใช้จริงในเมือง Geely EX2 ขึ้นมาเป็นม้ามืดทันที ส่วนใครมองภาพรวมแบรนด์ BYD ที่มีฐานลูกค้าและศูนย์บริการกระจายทั่วประเทศ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่แข็งมาก

ทำไมยอดจอง EV ใน Motor Expo 2025 ถึงระเบิดขนาดนี้?

เบื้องหลังยอดจอง Motor Expo 2025 ที่พุ่งแรง โดยเฉพาะฝั่งรถไฟฟ้า ไม่ได้มาจากบรรยากาศงานอย่างเดียว แต่เกิดจาก “หน้าต่างเวลาแห่งโอกาส” ของผู้ซื้อรถ EV ในไทยด้วย

  1. มาตรการ EV3.0 ของรัฐกำลังจะหมดอายุ 31 ธ.ค. 2568
    • เงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน
    • ลดภาษีนำเข้าบางส่วน ทำให้ราคารถ EV หลายรุ่น “ถูกลงชั่วคราว” เมื่อเทียบกับต้นทุนจริงของผู้ผลิต
  2. เข้าสู่ยุค EV3.5 ที่สิทธิประโยชน์ลดลง
    • เงินอุดหนุนจาก 150,000 บาท เหลือ 50,000 บาทสำหรับรถนำเข้า
    • ภาษีสรรพสามิตจาก 2% ขยับเป็น 10% ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ราคาขายปลีกมีโอกาสขยับตาม
  3. คนไทยกลัว “ราคากลับไปก่อนมีส่วนลด”
    ตัวแทนจำหน่ายหลายรายยอมรับว่า ถ้าหมดยุค EV3.0 รถบางรุ่นอาจต้องกลับไปสู่ราคาใกล้เคียง “ก่อนรับเงินอุดหนุน” หรือสูงกว่าเดิม หากโรงงานไม่ดูดซับต้นทุนเอง ซึ่งผู้บริโภคอ่านเกมออก เลยฮิต “จองตอนนี้ ได้โปรฯสุดจัด” กันทั้งงาน

จากมุมมองระยะยาว นักวิเคราะห์มองว่าช่วงปี 2568–2569 จะเป็น “ช่วงผันผวนด้านราคา” ของตลาด EV ไทย ใครซื้อในโค้งสุดท้ายของมาตรการ EV3.0 จะได้ราคาโหดสุด ส่วนปี 2569 เป็นต้นไป ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ราคาที่สะท้อนต้นทุนจริงมากขึ้น

โปรฯเดือดจากค่ายจีน–ค่ายใหญ่ ส่งท้ายมาตรการรัฐ

เพื่อเร่งปิดดีลก่อนมาตรการรัฐจบ ค่ายรถในงาน Motor Expo 2025 เล่นเกมราคารุนแรงเหมือนสงครามเพลย์ออฟ

ตัวอย่างโปรฯที่สะเทือนมากๆ เช่น

  • BYD SEAL
    • รุ่น Dynamic ลดกว่า 525,000 บาท จาก 1,325,000 เหลือราว 799,000 บาท
    • รุ่น Premium ลดราว 549,100 บาท จาก 1,449,000 บาท
  • BYD SEALION 7 (นำเข้า) รุ่น Premium ลด 175,000 บาท เหลือราว 1,074,900 บาท
  • GAC AION
    • AION V ลดราคาลงมา 8–9 แสนบาทต้นๆ
    • AION UT Standard จาก 519,900 เหลือ 469,000 บาท
    • AION UT Premium จาก 669,900 เหลือ 599,900 บาท พร้อมโปรฯแถม iPhone 17 และประกันแบตตลอดอายุการใช้งาน
  • CHANGAN / Deepal
    • จัดดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้นเพียงหลักพัน ปรับลดราคาสูงสุดถึง 150,000 บาท และวางการันตีแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับ Deepal S05 ในช่วงจองภายในงาน
  • MG
    • ประกาศเคลียร์ราคา EV ชัดเจน เช่น NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER จาก 1,119,900 เหลือ 849,000 บาท จำนวนจำกัด
    • MG4 รุ่นเริ่มต้น และ ZS EV อัดแคมเปญ “ราคา Last Offer” พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ ประกันภัย และ MG Shield หลายปี

ทั้งหมดนี้ทำให้บูธ EV ในงานแน่นเป็นพิเศษ คนถือคูปอง–ใบเสนอราคาเดินกันเต็มฮอลล์ เพราะหลายค่ายพูดตรงๆ ว่า “รถที่ได้โปรฯระดับนี้ มีจำนวนจำกัด และหมดแล้วหมดเลย”

มุมมองอนาคตตลาดรถไทย: หลังจบ Motor Expo และสัญญาณปี 2569

ผู้บริหารหลายค่ายมองตรงกันว่าตลาดรถไทยปีนี้ยังพอเดินหน้าได้ แม้เศรษฐกิจจะไม่หวือหวา ตัวเลขยอดขายรวมทั้งปีคาดแตะราว 600,000 คัน โต 3–4% ขณะที่ตลาดรถไฟฟ้าคาดจะปิดปีที่ระดับกว่า 100,000 คัน และมีแนวโน้มขึ้นต่อราว 120,000 คันในปี 2569 หากโครงสร้างภาษีและมาตรการภาครัฐมีเสถียรภาพเพียงพอ

ทางฝั่ง GWM ก็ส่งสัญญาณว่าจะเริ่ม “เลิกสงครามราคาแบบทุบกันเอง” ในปี 2569 เพราะต้นทุนโครงสร้างภาษีใหม่ทำให้การลดราคาหนักๆ ไม่ยั่งยืน และเน้นคืนสมดุลตลาดมากขึ้น พร้อมใช้สิทธิประโยชน์ด้านบริการหลังการขายและโปรแกรมผ่อนช่วยลูกค้าเป็นจุดดึงดูดแทน

ขณะที่ Geely ยืนยันชัดว่าเลือก “ตั้งราคาถูกตั้งแต่วันแรก” มากกว่าพึ่งเงินอุดหนุนของรัฐเพื่อกดราคาแล้วค่อยอัปในอนาคต ทำให้ EX2 ที่เปิดมาราคา 399,990 บาท ดูเป็นหมากที่วางยาวมากกว่าการเล่นเกมโปรฯระยะสั้น

ภาพรวมทั้งหมดนี้ทำให้ ยอดจอง Motor Expo 2025 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขสวยๆ แต่เป็น “สัญญาณนำ” ว่าตลาดรถไทยกำลังย้ายสมดุลสู่โลกของรถไฟฟ้าแบบจริงจัง ทั้งจากฝั่งการผลิต นโยบายรัฐ และการตัดสินใจของผู้บริโภค

สรุป: ยอดจองพุ่ง 3.6 หมื่นคันคือใบประกาศอย่างเป็นทางการว่า “ยุค EV ในไทยเริ่มแล้ว”

ครึ่งทางของ Motor Expo 2025 กับยอดจองกว่า 36,174 คัน บอกเราชัดเจนว่า

  • รถไฟฟ้า EV ไม่ใช่ของแปลกใหม่อีกต่อไป แต่กลายเป็น “ตัวเลือกหลัก” ของคนไทย
  • ค่ายจีนไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาเป็นตัวแปรใหญ่ของตลาด ทั้งในเรื่องราคา เทคโนโลยี และแพ็กเกจรับประกัน
  • มาตรการรัฐอย่าง EV3.0 – EV3.5 กลายเป็นตัวกำหนดจังหวะซื้อ–ขาย ที่ทั้งค่ายรถและผู้บริโภคต้องอ่านเกมให้ทัน

หลังม่านงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปิดลง เกมต่อจากนี้คือการดูว่า

  • ยอดส่งมอบรถจะเป็นไปตามแผนไหม
  • ผู้ใช้จริงจะรีวิว EV เหล่านี้อย่างไรในชีวิตประจำวัน
  • และในปี 2569 เมื่อตลาดเข้าสู่ราคาที่สะท้อนต้นทุนจริง “ใครจะอยู่ ใครจะรอด” ในสงคราม EV ไทย

บ้านกีฬา มองว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่อง “ซื้อรถคันใหม่” แต่มันคือการเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการเดินทางในชีวิตประจำวันของคนไทยทั้งประเทศ ใครกำลังมองหารถคันต่อไป ปีนี้คือช่วงเวลาที่ต้องศึกษาข้อมูลให้แน่น เทียบราคา–เทียบโปรฯ–เทียบต้นทุนใช้ระยะยาวให้ดี ก่อนที่จะกดจองในงานใหญ่แบบนี้

ใครอยากตามให้ทันทั้งข่าวรถ ข่าว EV และข่าวแรงๆ จากทุกวงการ ถ้าไม่อยากพลาดจังหวะสำคัญของปีนี้และปีหน้า อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา