เดือดกลางไอจี! เจนสุดา ยืนข้างเหยื่อ ฟาดหยุดใช้ “ลูก” เป็นโล่ดราม่าปมคดีเงินล้านแก๊งนางฟ้า

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ดราม่าระอุ: จากคดีเงินล้าน สู่ศึกเรื่อง “การใช้ลูกเป็นคอนเทนต์”

กระแสข่าวร้อนสะเทือนวงการบันเทิงยังคงเดือดต่อเนื่อง หลังกรณีอดีตดาราและอินฟลูเอนเซอร์อย่าง นานา ไรบีนา ถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงและกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน มีผู้เสียหายอย่างน้อย 17 ราย มูลค่าความเสียหายรวมราว 195 ล้านบาท ตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อหลักหลายสำนัก โดยเจ้าตัวให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและคดีอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรม

หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท “แก๊งนางฟ้า” ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้เสียหาย คือดีไซเนอร์–นักแสดงสาว เจนสุดา ปานโต ซึ่งจากข้อมูลในรายการและสื่อบันเทิงหลายแห่ง ระบุว่าเธอถูกอ้างว่าเสียหายจากการลงทุนร่วมราว 40 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ เช่น “ข้าวโพด สมิทธินันท์” และ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” ก็ถูกกล่าวว่ามียอดความเสียหายระดับหลายสิบล้านบาทเช่นกัน

แต่สิ่งที่ทำให้โซเชียลเดือดรอบใหม่ ไม่ใช่แค่ตัวเลขความเสียหาย หากคือ “รูปและคอนเทนต์” ที่ถูกมองว่าใช้ ลูก และ เด็ก มาเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเรียก “คะแนนสงสาร” จนทำให้ เจนสุดา ตัดสินใจลุกขึ้นมาโพสต์ฟาดเดือดแบบไม่อ้อมค้อม

ใครคือเจนสุดา ปานโต ในสมรภูมิโซเชียลครั้งนี้

ก่อนเป็นประเด็นร้อนบนไอจี เจนสุดา ปานโต คือชื่อที่แฟนบันเทิงรู้จักกันดีในฐานะนักร้อง–นักแสดง–ดีไซเนอร์ และหนึ่งในสมาชิก “แก๊งนางฟ้า” ที่สนิทกับนานาและเจนี่มายาวนานนับสิบปี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอวางภาพตัวเองชัดเจนในฐานะผู้หญิงทำงาน เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า และคุณแม่ที่ค่อนข้างระมัดระวังเรื่องครอบครัวและลูกบนโซเชียล ไม่ได้เล่นใหญ่โชว์ดราม่า แต่เลือกเล่าเท่าที่จำเป็น

ดังนั้นพอเห็นเพื่อนสนิทถูกดำเนินคดีทางการเงิน ในขณะที่ภาพบางอย่างในโซเชียลถูกมองว่าเป็น “การใช้ลูกเป็นโล่ทางอารมณ์” บ้านกีฬา มองว่านี่คือจุดที่ทำให้เจนสุดา “ระเบิด” และตัดสินใจใช้พื้นที่ของตัวเองพูดในมุมของ “เหยื่อ” คนหนึ่ง ที่ไม่อยากให้เด็กต้องถูกลากลงมาอยู่ในสมรภูมิดราม่าของผู้ใหญ่

สตอรี่เดียวสะเทือนทั้งไทม์ไลน์: ข้อความฟาดเดือดของเจนสุดา

ในอินสตาแกรมสตอรี่ @janesuda เจนสุดาโพสต์ข้อความยาว ที่ใจความหลักพูดถึง “การกระทำของผู้ใหญ่” แต่กลับ “ลากเด็กออกมาทำคอนเทนต์” ลงโซเชียลให้ดูน่าสงสาร โดยตั้งคำถามชัดเจนว่า พฤติกรรมแบบนี้ “สมควรแล้วหรือไม่”

ใจความสำคัญของโพสต์เธอมีอยู่หลายประเด็นใหญ่ ๆ

  • เรื่องที่เกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ ไม่ควรใช้เด็กมาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์เรียกความสงสาร
  • ครอบครัวของผู้เสียหายคนอื่น ๆ ก็มีช่วงเวลาแห่งทุกข์ เศร้า เสียใจเหมือนกัน แต่ “ไม่เคยเอามาลงโพสต์เพื่อเรียกคะแนนสงสาร”
  • เธอย้ำว่า “เรื่องยังไม่จบ มันเพิ่งเริ่มต้น” พร้อมขอให้หยุดการลากเด็กเข้ามาเกี่ยว เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้คนเห็นใจ
  • ปิดท้ายด้วยการชี้ว่า เหยื่อรายอื่น ๆ ก็มีลูก มีครอบครัวที่น่าเห็นใจ แต่เขาไม่ได้ใช้ลูกมาทำคอนเทนต์ หรือต้องถูกมองว่าเป็น “เกม” ของใครบางคน

ข้อความนี้ไม่เอ่ยชื่อใครตรง ๆ แต่ทุกอย่างเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สังคมกำลังจับตามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สื่อบันเทิงหลายแห่งจึงพาดหัวตรงไปตรงมาในแนวว่า “เจนสุดา ฟาด นานา อย่าดึงเด็กมาทำคอนเทนต์เรียกความสงสาร”

เสียงสะท้อนจาก “ข้าวโพด” และการรีโพสต์ของ “เจนี่”

หลังจากสตอรี่ของเจนสุดาปล่อยออกมาไม่นาน “ข้าวโพด สมิทธินันท์” หนึ่งในผู้เสียหายที่ออกมาเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ ว่าเสียหายจากการลงทุนร่วมกับนานาในระดับประมาณ 70 ล้านบาท ก็ได้รีโพสต์ข้อความของเจนสุดา พร้อมข้อความสั้นแต่จุกลึกว่า

“เรากอดลูกเรา และสามีเรา ร้องไห้มาเป็นเดือนแล้ว ไม่เคยเอาลงโซเชียลเลย”

ประโยคนี้สะท้อนชัดเจนว่า ฝั่งเหยื่อเองก็มีความทุกข์ มีครอบครัว มีลูกที่ต้องรับผลกระทบทางจิตใจ แต่พวกเขาเลือก “ไม่ใช้ลูกเป็นคอนเทนต์”

ด้าน เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรวณ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากคดีนี้เช่นกัน ก็ได้รีโพสต์สตอรี่ของเจนสุดาและข้าวโพด พร้อมใส่อีโมจิที่สื่อถึงความเศร้าและความสะเทือนใจ สะท้อนภาพชัดเจนว่า ฝั่งเพื่อน–เหยื่อในแก๊งนางฟ้ากำลังยืนอยู่ฝั่งเดียวกันในประเด็น “อย่าลากเด็กลงมาเล่นในเกมของผู้ใหญ่”

สิทธิเด็กในยุคโซเชียล: กฎหมายพูดอะไร และผู้ใหญ่ควรคิดอะไรเพิ่ม

ประเทศไทยมี พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ที่วางหลักไว้ชัดเจนว่า ห้ามเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวหรือภาพลักษณ์ของเด็กในลักษณะ ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หรือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กโดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นในสื่อมวลชนหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ

แนวปฏิบัติที่องค์กรด้านเด็กแนะนำ เช่น

  • หลีกเลี่ยงการโพสต์ภาพเด็กในสถานการณ์เปราะบาง เช่น ร้องไห้ เสียใจ ถูกกลั่นแกล้ง หรืออยู่ในคดีความของผู้ใหญ่
  • ไม่ควรเปิดเผยชื่อ อายุ โรงเรียน สถานที่อยู่ หรือข้อมูลที่ทำให้ระบุตัวตนเด็กได้ง่าย
  • คิดให้ครบทั้ง “วันนี้” และ “วันหน้า” ว่าถ้าเด็กโตขึ้นกลับมาเห็นภาพเหล่านี้ เขาจะรู้สึกอย่างไร

ในเคสของคนดัง–อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก การโพสต์ภาพลูก–ครอบครัวในจังหวะดราม่าหนัก ๆ จึงยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างถูกจับตามอง ทั้งในมุม “แม่ที่เจ็บปวด” และในมุม “เจ้าของคดีที่กำลังต่อสู้ในศาล” ไปพร้อมกัน

คำถามที่เจนสุดาโยนไว้กลางไอจีจึงไม่ใช่แค่การฟาดใครคนหนึ่ง แต่คือคำถามใหญ่ของสังคมว่า

“การเอาเด็กมาอยู่กลางดราม่าผู้ใหญ่ เพื่อให้คนมีอารมณ์ร่วมกับเรา มันแฟร์กับเด็กจริงไหม?”

บทเรียนจากคดีการเงิน–ความไว้ใจ–และการลงทุนกับคนใกล้ตัว

แม้ประเด็นหลักที่เจนสุดาโพสต์รอบนี้จะโฟกัสเรื่องเด็ก–คอนเทนต์–ความสงสาร แต่ย้อนกลับไปดูต้นตอของเรื่องทั้งหมด จะปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจาก “คดีการเงินและการลงทุนระหว่างเพื่อน”

กรณีคดีของนานา ไรบีนา ทำให้เห็นบทเรียนสำคัญหลายอย่าง

  1. การลงทุนกับคนสนิทไม่ใช่ “โซนปลอดภัยเสมอไป”
    ความไว้ใจส่วนตัวไม่ได้แทนที่เอกสารทางการเงิน สัญญา และการตรวจสอบธุรกิจจริง
  2. คำว่า “ธุรกิจต่างประเทศ–เทรดหุ้น–ปล่อยกู้” ต้องถามหาหลักฐานทุกครั้ง
    หลายเคสในข่าวชี้ว่า รูปแบบที่ถูกอ้างมีทั้งการลงทุนร้านอาหารต่างประเทศ เทรดหุ้น หรือปล่อยกู้ดอกสูง ซึ่งล้วนต้องมีเอกสาร–หลักฐานตรวจสอบได้ ไม่ใช่เชื่อเพราะเป็น “หน้าในวงการบันเทิง”
  3. เมื่อเกิดข้อสงสัย ควรหยุด–ถาม–เช็ก ก่อนลงเงินเพิ่ม
    กรณีนี้มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งเริ่มเอะใจจากข้อมูลไม่ตรงกัน หรือผลตอบแทนไม่มา แต่เพราะความเกรงใจ–ไว้ใจ เลยปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อจนความเสียหายพุ่งสูง
  4. โลกออนไลน์ช่วยขยายเสียงเหยื่อ
    การที่ผู้เสียหายหลายคนออกมาเล่าเรื่องอย่างเปิดหน้า ทำให้สังคมตื่นตัวและช่วยกดดันให้คดีเดินหน้าเร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและการ “ตัดสินคดีบนโซเชียล” ก่อนศาลจะพิพากษา

สำหรับคนดูข่าววันนี้ บทเรียนคือ อย่าปล่อยให้คำว่า “เพื่อน–พี่–น้อง–คนในวงการ” มาบดบังหลักคิดด้านการเงินและเอกสาร ทุกการลงทุนต้องใช้เหตุผลและข้อมูลจริงมากกว่าอารมณ์และความสนิทสนม

มุมมองแบบบ้านกีฬา: แรงได้ แต่ต้องแฟร์กับทั้งเด็กและเหยื่อ

จากมุมของ บ้านกีฬา สิ่งที่เจนสุดาเลือกทำวันนี้คือการใช้เสียงของตัวเองในฐานะ “ผู้เสียหาย” ที่ไม่อยากให้เด็กเข้าไปอยู่กลางสนามดราม่าของผู้ใหญ่

เธอไม่ได้บอกว่าตัวเองเจ็บปวดที่สุด แต่ย้ำว่า

  • เหยื่อคนอื่น ๆ ก็มีลูก มีครอบครัว
  • ทุกคนก็ร้องไห้ กอดลูก กอดคนรักอยู่เหมือนกัน
  • แต่พวกเขาไม่เลือกใช้ภาพเหล่านั้นเป็นอาวุธทางอารมณ์ในโลกออนไลน์

ประเด็นนี้สะท้อนสิ่งสำคัญสองอย่าง

  1. การเคารพศักดิ์ศรีของเหยื่อทุกคน – ไม่ใช่แค่คนที่มีพื้นที่สื่อเยอะเท่านั้นที่ควรได้รับความเห็นใจ
  2. การเคารพสิทธิของเด็ก – เด็กไม่ควรต้องกลายเป็น “พร็อพ” หรือ “โล่กำบัง” ในสงครามทางสังคมหรือทางกฎหมายของผู้ใหญ่

สุดท้าย คดีนี้ยังอยู่ในมือของกระบวนการยุติธรรม ความจริงทุกรายละเอียดยังต้องรอการพิสูจน์ แต่สิ่งที่เราเรียนรู้ได้ตั้งแต่วันนี้เลยคือ

  • เวลาเห็นคอนเทนต์ดราม่าในโซเชียล อย่าเพิ่งเชื่อทุกอย่างจากภาพเดียว
  • ถ้าในภาพนั้นมี “เด็ก” อยู่ด้วย เราควรถามตัวเองเสมอว่า เด็กคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรถ้าโตขึ้นมาเห็นภาพนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สรุป: เสียงของเจนสุดา ไม่ได้ดังแค่เพื่อตัวเอง แต่ดังแทนเด็กทุกคน

กรณี เจนสุดา ฟาดเดือดเรื่องการลากเด็กมาทำคอนเทนต์เรียกคะแนนสงสาร ไม่ใช่แค่ข่าวเผือกแก๊งดารา แต่คือกระจกสะท้อนสังคมยุคโซเชียลที่ทุกคนพร้อมจะหยิบมือถือขึ้นมาปล่อยอารมณ์ลงหน้าจอ

วันนี้เสียงของเจนสุดา ข้าวโพด และเจนี่ ทำให้เราต้องหันกลับมาคิดว่า

  • เวลาเราดูคอนเทนต์ดราม่าของคนดัง เราเผลอสนุกกับความทุกข์ของคนในภาพมากเกินไปหรือเปล่า
  • เวลาเราโพสต์เรื่องของตัวเอง เราเคารพ “สิทธิของเด็ก” และ “ศักดิ์ศรีของเหยื่อคนอื่น ๆ” มากพอไหม

แฟนข่าวที่อยากตามทุกจังหวะของสังคมไทย ทั้งข่าวบันเทิง ดราม่าโซเชียล ไปจนถึงประเด็นใหญ่ระดับประเทศ…อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา