เปิดทุกมุมคดีร้อน “ทนายสายหยุด” ขยับปกป้อง “เวย์–นานา” หลัง ปอศ.บุกจับคาบ้านพักคดีฉ้อโกงประชาชน

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ภาพรวมคดีร้อน “นานา ไรบีนา” ดาราคนดังปะทะกฎหมายเศรษฐกิจ

คดีของ “นานา ไรบีนา ภรรยาของ เวย์ ไทเทเนียม ไม่ได้เป็นเพียงข่าวบันเทิงสะเทือนวงการ แต่กลายเป็นเคสใหญ่ที่โยงกับข้อหา ฉ้อโกง และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นกฎหมายด้านอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีโทษหนัก และมักถูกใช้เล่นงานขบวนการระดมทุนที่มีลักษณะคล้าย แชร์ลูกโซ่ หรือการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติ

จากรายงานของสื่อและฝ่ายตำรวจ ระบุว่า เช้าวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.อ.ระดับผู้กำกับ กก.4 บก.ปอศ. เข้าควบคุมตัว นานา ไรบีนา อายุ 45 ปี ถึงบ้านพักย่านพระโขนง กรุงเทพฯ ตามหมายจับในข้อหา “ฉ้อโกง” และ “กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน” หลังมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลางก่อนหน้านี้

ทันทีที่ถูกควบคุมตัว นานาถูกนำตัวไปยัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบปากคำต่อหน้าพนักงานสอบสวน บรรยากาศการคุมตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียด ท่ามกลางสื่อมวลชนและสายตาของสังคมที่จับจ้องทุกความเคลื่อนไหวของคดีนี้

“ทนายสายหยุด” โพสต์เคลื่อนไหว – ย้ำลูกความพร้อมสู้คดีในระบบยุติธรรม

ฝั่งของทีมกฎหมาย นำโดย ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความประจำตัวของ เวย์–นานา ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดภาพถ่ายที่ยืนคู่กับนานาหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมแนบจดหมายเขียนด้วยลายมือ ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 17.00 น.

ในจดหมาย ทนายสายหยุดระบุใจความสำคัญว่า เขาได้พา เวย์–นานา เข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อแสดงเจตนาว่าทั้งสอง “พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย” ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือเพิกเฉยต่อหมายเรียก โดยหวังว่าการเข้าพบล่วงหน้าจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องไปขอออกหมายค้นหรือหมายจับในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทางการปรากฏว่า ฝ่ายตำรวจยังคงเดินหน้าขอหมายจับจากศาลอาญา และเข้าจับกุมที่บ้านพักในเช้าวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่งทำให้ทนายสายหยุดโพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อว่า ตนไม่อยากให้ตำรวจต้องลำบากไปขอหมายค้น–หมายจับ หากจะรับมอบตัวตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายก็จบลงที่การจับกุมตามหมายจับอยู่ดี

ทนายยังย้ำด้วยว่า ฝ่ายลูกความเคารพกระบวนการยุติธรรม พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวนและศาล ซึ่งเป็นหลักสำคัญของรัฐที่ให้สิทธิผู้ต้องหาทุกคน “สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด”

ลำดับเหตุการณ์สำคัญ: จากเข้าพบตำรวจถึงถูกบุกจับคาบ้าน

เพื่อให้ภาพคดีชัดขึ้น บ้านกีฬา ขอเรียงลำดับเหตุการณ์โดยสังเขป ดังนี้

  • 1 ธันวาคม 2568 – ทนายพาเข้าพบตำรวจ
    ทนายสายหยุดระบุว่า ตนพร้อมนานาเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังได้รับข้อมูลว่าอาจมีการออกหมายจับในคดีที่มีผู้เสียหายร้องเรียนเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินและการลงทุน โดยต้องการแสดงตัวว่า “พร้อมสู้คดี ไม่หนี”
  • 2 ธันวาคม 2568 – มีการออกหมายจับ
    จากข้อมูลที่สื่อรายงาน ฝ่ายสอบสวนขอศาลอาญาออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงและความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังประเมินพยานหลักฐานและคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายจำนวนมาก
  • 3 ธันวาคม 2568 – เช้าตรู่ ปอศ.บุกจับที่บ้านพักย่านพระโขนง
    เช้าวันดังกล่าว ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปอศ. นำกำลังพร้อมหมายจับ เข้าควบคุมตัวนานาที่บ้านพัก ก่อนจะนำตัวไปยัง กก.4 บก.ปอศ. และต่อด้วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อสอบปากคำอย่างเป็นทางการ

ระหว่างการคุมตัว มีรายงานว่านานาอยู่ในอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด เดินลงจากรถในสภาพสวมหมวก หน้ากากอนามัย และใช้ผ้าห่มคลุมตัว ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ที่คุ้มกันอย่างแน่นหนา

ยึด “มินิคูเปอร์–ตุ๊กตาศิลปะ” ของกลางในคดี เผยภาพไลฟ์สไตล์ถูกดึงเข้าสู่โต๊ะสอบสวน

อีกหนึ่งภาพสะเทือนใจแฟนคลับ คือการที่เจ้าหน้าที่นำรถยนต์ มินิคูเปอร์ สีขาว ทะเบียนกรุงเทพฯ และ ตุ๊กตาศิลปะ 1 ตัว ซึ่งเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดี มาเก็บไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อตรวจสอบในฐานะ “ของกลาง”

ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของ นานา ไรบีนา มักถูกจับตาในมุมคุณแม่ลูกสอง, ภรรยาของแร็ปเปอร์คนดัง และเจ้าของบ้านหรูสไตล์มินิมอลในย่านไพร์มโลเคชั่นของกรุงเทพฯ ที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งใน “บ้านดาราในฝัน” ของสายไลฟ์สไตล์ แต่เมื่อคดีฉ้อโกงถูกเปิดขึ้น ทรัพย์สินบางส่วนก็ต้องถูกดึงเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่

สำหรับผู้เสียหาย การยึดทรัพย์และตรวจสอบเส้นทางการเงิน เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะชี้ว่า เงินที่ลงทุนไปถูกนำไปใช้ในธุรกิจจริงหรือโยกย้ายไปในทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ต้องหา ซึ่งอาจถูกใช้ในภายหลังเพื่อการ ชดใช้ค่าเสียหาย หากศาลมีคำพิพากษาว่ามีความผิด

พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน คืออะไร ทำไมโดนทีโทษหนัก

ข้อหาที่หลายคนโฟกัสในคดีนี้คือ “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ภายใต้ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อจัดการกับการระดมทุนที่หลอกลวงประชาชนในวงกว้าง เช่น แชร์ลูกโซ่ กองทุนปลอม หรือการชักชวนให้ลงทุนโดยให้ดอกเบี้ยสูงเกินจริง

หัวใจสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการเอาผิดผู้ที่ กู้ยืมหรือระดมเงินจากประชาชนจำนวนมาก ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ นำเงินไปลงทุนแล้วไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง หรือไม่สามารถถอนทุนคืนได้

มาตรา 12 ของ พ.ร.ก.ดังกล่าว ระบุอัตราโทษไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตราที่กำหนด จะมีโทษ จำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 – 1,000,000 บาท พร้อมค่าปรับรายวันเพิ่มเติมหากยังฝ่าฝืนอยู่ถือเป็นความผิดที่กฎหมายมองว่า “ร้ายแรง” เพราะความเสียหายมักกระจายไปยังผู้คนจำนวนมาก

ในแง่วิชาการ กฎหมายนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ที่สร้างความเสียหายทั้งเชิงตัวเงินและความเชื่อมั่นของสังคมต่อระบบการเงินและการลงทุน โดยหลายงานวิจัยชี้ว่า การกู้ยืมเงินลักษณะนี้มักซ้อนทับกับโมเดลธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ ที่ใช้การชวนต่อ ผู้เสียหายมีจำนวนมาก และติดตามทรัพย์คืนได้ยากหากปล่อยให้ลุกลามไปนาน ๆ

อาชญากรรมเศรษฐกิจ–คนดัง–การลงทุน: บทเรียนที่สังคมไทยต้องเรียนรู้

เคสของ นานา ไรบีนา สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า เมื่อ “คนดัง” เข้าไปเกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการระดมทุนจากสาธารณะ ผลกระทบจะหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า เพราะชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือถูกใช้เป็น “ทุนทางสังคม” ในการชักชวนผู้คน

หลายปีที่ผ่านมา สังคมไทยเผชิญเคส แชร์ลูกโซ่ และ การชักชวนลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่คริปโตเคอร์เรนซีทองคำปลอม กองทุนออนไลน์ ไปจนถึงแพลตฟอร์มปล่อยกู้ที่ใช้ดารา–อินฟลูเอนเซอร์เป็นภาพจำ ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อย “เชื่อหน้าดารา” มากกว่าเช็กใบอนุญาตหรือสถานะทางกฎหมายของธุรกิจนั้นจริง ๆ

บ้านกีฬา ขอใช้พื้นที่นี้เตือนผู้อ่านว่า ก่อนจะลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินใคร โดยเฉพาะโปรเจกต์ที่ใช้คำว่า “การันตีผลตอบแทนสูง” หรือ “ได้ดอกเกินธนาคารหลายเท่า” ควรทำ 3 อย่างนี้ให้เป็นนิสัย

  1. เช็กแหล่งที่มาของธุรกิจ – บริษัทจดทะเบียนจริงไหม มีที่อยู่ชัดเจนหรือไม่
  2. ดูโครงสร้างผลตอบแทน – หากสัญญาว่าได้ดอกเบี้ยสูงผิดธรรมชาติ หรือจ่ายผลตอบแทนจากเงินคนใหม่อย่างเดียว ให้ตั้งข้อสงสัยทันที
  3. เก็บหลักฐานทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร – สัญญาโอนเงิน ใบรับเงิน แชต ข้อความในแพลตฟอร์ม เพราะทั้งหมดจะกลายเป็นหลักฐานสำคัญหากเกิดปัญหาต้องฟ้องร้องในอนาคต

คดีของนานาอาจยังไม่รู้บทสรุป แต่สิ่งที่แน่นอนคือ มันกลายเป็น “กรณีศึกษา” ให้สังคมตระหนักว่า การลงทุนกับคนที่เราชื่นชอบ ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยเสมอไป

บทบาทของทนายความ–สิทธิของผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง

ในอีกมุมหนึ่ง เคสนี้ยังสะท้อนบทบาทของ “ทนายความ” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีแรงกดดันจากสังคมสูง การที่ทนายออกมาชี้แจงว่าได้พาลูกความไปแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนก่อนมีหมายจับ เป็นการส่งสัญญาณว่าทีมกฎหมายต้องการให้สังคมเห็นว่า ฝั่งผู้ต้องหาไม่ได้ตั้งใจหลบหนี

ตามหลักกระบวนการยุติธรรมของไทย ผู้ต้องหาทุกคนมีสิทธิ

  • ขอพบและปรึกษาทนายความ
  • ให้การหรือไม่ให้การก็ได้
  • ใช้สิทธิยื่นประกันตัว หากมีหลักทรัพย์และเหตุสมควร

ในรายงานข่าวบางสำนักระบุว่า ทนายสายหยุดเตรียมหลักทรัพย์ประมาณ 500,000 บาท เพื่อใช้ยื่นประกันตัวนานาในชั้นศาล หากพนักงานสอบสวนส่งฝากขังต่อศาลอาญาในวันถัดไป ทั้งนี้ ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ตามพฤติการณ์คดีและความเสี่ยงในการหลบหนี

แม้สังคมออนไลน์จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด แต่ในทางกฎหมาย ผู้ต้องหายังมีสิทธิในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และกระบวนการทุกขั้นต้องยึดตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เพียงกระแสในโซเชียลมีเดีย

บ้านกีฬา มองมุมกว้าง: คดีนานาไม่ใช่แค่ดราม่าดารา แต่คือสัญญาณเตือนเรื่อง “วินัยการเงิน–การลงทุน”

สำหรับ บ้านกีฬา เคสนี้ไม่ใช่แค่ข่าวดาราถูกจับ แต่เป็นภาพสะท้อนหลายชั้น ตั้งแต่

  • ความเชื่อมั่นที่คนไทยมีต่อคนดังและไลฟ์สไตล์หรู
  • วัฒนธรรม “ลงทุนตามเพื่อน ตามดารา” โดยไม่อ่านรายละเอียดสัญญา
  • ความสำคัญของกฎหมายด้าน ฉ้อโกงประชาชน ที่เริ่มถูกสังคมพูดถึงมากขึ้น

มันคือสัญญาณให้ทุกคนหันกลับมาทบทวน วินัยการเงินของตัวเอง ว่าเราพร้อมแค่ไหนในการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนนำเงินไปลงทุน และรู้สิทธิของตัวเองมากพอหรือยัง หากวันหนึ่งต้องไปแจ้งความเป็นผู้เสียหาย หรือเผลอกลายเป็นผู้ร่วมขบวนการโดยไม่ตั้งใจ

คดีของ นานา ไรบีนา ยังต้องติดตามต่อว่า แนวทางสู้คดีของทีมทนายจะเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนในทิศทางไหน และที่สำคัญที่สุด เสียงของผู้เสียหายจะถูกเยียวยาอย่างไรในท้ายที่สุด

แต่ไม่ว่าผลคดีจะออกมาอย่างไร บ้านกีฬา เชื่อว่านี่จะเป็นอีกเคสใหญ่ที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ของสังคมไทย ในฐานะ “บทเรียนราคาแพง” ของทั้งคนดัง นักลงทุน และประชาชนทั่วไปที่ต้องอยู่ร่วมกับโลกการเงินยุคใหม่อย่างไม่ประมาท

ติดตามข่าวต่อเนื่องได้ที่ บ้านกีฬา

เคสนี้ยังไม่จบ และยังมีรายละเอียดที่ต้องตามอีกยาว ทั้งมุมของผู้เสียหาย ฝ่ายกฎหมาย และท่าทีของ เวย์–นานา ในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรมเต็มรูปแบบ

ใครที่อยากตามทุกความเคลื่อนไหวของคดีร้อน ข่าวใหญ่ ดราม่าใน–นอกวงการ รวมถึงประเด็นเศรษฐกิจ สังคม และกีฬา ที่กระทบชีวิตคนไทย อย่าลืม ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา