ไปต่อไม่ไหวจริงๆ “ไผทอุดมศึกษา” ปิดตำนาน 55 ปี เขย่าวงการโรงเรียนเอกชนไทย

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ไผทอุดมศึกษา วันนี้ : จากจดหมายถึงผู้ปกครอง สู่วันปิดฉากโรงเรียนในตำนาน

วันที่ 1 ธันวาคม 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของวงการศึกษาไทย เมื่อ โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านวิภาวดีรังสิต – หลักสี่ ร่อนจดหมายแจ้งผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ ประกาศ ยุติการจัดการเรียนการสอนและเลิกกิจการ หลังยืนหยัดบนเส้นทางการศึกษามายาวนานกว่า 55 ปี

ข้อความในจดหมายไม่ได้สะเทือนแค่กระดาษ แต่สะเทือนใจทั้งศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และคนในวงการศึกษา เพราะนี่ไม่ใช่แค่โรงเรียนหนึ่งที่ปิดตัว แต่คือ “สัญญาณเตือน” ของระบบการศึกษาไทย ในยุคที่ เด็กเกิดน้อยลง เศรษฐกิจเปราะบาง และโรงเรียนเอกชนต้องเอาตัวรอดกันแบบวันต่อวัน

ไผทอุดมศึกษาไม่ได้ปิดเพราะไร้คุณภาพ ไม่ได้ปิดเพราะไม่มีคนรู้จัก แต่ปิดเพราะ “ไปต่อไม่ไหว” ท่ามกลางโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป และภาระต้นทุนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นี่คือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ข่าวดังชั่วคราว แต่เป็นประเด็นใหญ่ที่คนไทยทั้งประเทศควรหันกลับมามองให้ลึกกว่าพาดหัวข่าว

วิกฤตโรงเรียนเอกชน : เด็กเกิดน้อย เศรษฐกิจไม่เสถียร โดนเต็มๆ

ในจดหมายที่ส่งถึงผู้ปกครอง โรงเรียนไผทอุดมศึกษาอธิบายชัดเจนว่า “วิกฤต” ที่รุมเร้าไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีสองปี แต่สะสมมายาวนานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะปีการศึกษา 2567 ที่มีโรงเรียนปิดกิจการกว่า 40 โรงเรียน สะท้อนชัดว่าโรงเรียนเอกชนจำนวนมากอยู่ในจุด “หายใจรวยริน”

สาเหตุหลักที่ไผทอุดมศึกษาชี้ไว้ มี 2 เรื่องสำคัญที่พ่วงกันเป็นลูกโซ่

  1. จำนวนเด็กเกิดน้อยลง – โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
    • ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เด็กเกิดใหม่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง
    • โรงเรียนเอกชนจำนวนมากจึงเผชิญปัญหาจำนวนนักเรียนลดลง แต่ค่าใช้จ่ายคงเดิมหรือสูงขึ้น
    • เมื่อห้องเรียนว่างลง แต่ค่าครู ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาคารสถานที่ยังเท่าเดิม รายรับจึงไม่พอรายจ่าย
  2. เศรษฐกิจขาดเสถียรภาพ – ภาระผู้ปกครองและโรงเรียนหนักพร้อมกัน
    • เศรษฐกิจผันผวน ค่าใช้จ่ายครัวเรือนสูงขึ้น ผู้ปกครองบางส่วนจ่ายค่าเทอมไม่ตรงเวลา หรือค้างชำระ
    • ขณะเดียวกัน โรงเรียนต้องเจอกับต้นทุนที่พุ่งขึ้น ทั้งค่าไฟ น้ำ อินเทอร์เน็ต วัสดุการเรียนการสอน
    • ค่าแรงขั้นต่ำและอัตราฐานเงินเดือนครูก็ปรับตามนโยบายรัฐ โรงเรียนเอกชนที่ไม่รับเงินอุดหนุนยิ่งเหนื่อยหนัก

สำหรับคนทั่วไป ปัญหาเหล่านี้อาจอ่านแล้วผ่านไปเหมือนข่าวหนึ่งข่าว แต่สำหรับคนทำโรงเรียน มันคือการต้อง “ชั่งใจทุกเทอม” ว่าจะเดินหน้าอย่างไรให้ไม่เจ๊ง และไม่ลดคุณภาพการศึกษาเด็กไปพร้อมกัน

แผลลึกจากโควิด-19 ที่ยังไม่หายดี แต่ต้องเจอพายุลูกใหม่

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไผทอุดมศึกษาชี้ชัด คือช่วงปี พ.ศ. 2563–2564 ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระหน่ำแบบไม่ให้ตั้งตัว ทั้งประเทศต้องปิดโรงเรียน หยุดเรียนในห้อง เปลี่ยนเป็นเรียนออนไลน์

แม้เวลาจะผ่านมาแล้ว แต่หลายโรงเรียนยังไม่ฟื้นดีจากผลกระทบชุดใหญ่ที่ต้องเจอ

  • รายได้จากค่าเทอมบางส่วนหายไป
  • ค่าใช้จ่ายใหม่อย่างระบบออนไลน์ อุปกรณ์เทคโนโลยี และมาตรการด้านสุขอนามัยกลับเพิ่ม
  • โรงเรียนต้องรักษามาตรฐานการเรียนรู้ของเด็กให้ “ไม่ตกหล่น” ในขณะที่ต้นทุนพุ่งไม่หยุด

ไผทอุดมศึกษาพยายาม “ประคอง” คุณภาพการศึกษาให้เท่าทันโลกยุคใหม่ ทั้งภาษา เทคโนโลยี และทักษะในศตวรรษที่ 21 แต่การเดินทางแบบฝืนสภาพคล่องในระยะยาว ก็เหมือนทีมกีฬาที่ลงแข่งทั้งที่รู้ว่าตัวเองเจ็บอยู่ สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงว่า “สู้เต็มที่แล้ว แต่สภาพสนามไม่เอื้อให้เดินต่อ”

พยายามสุดทางแล้ว แต่ตัวเลขไม่ปล่อยให้ไปต่อ

ในปีการศึกษา 2566 โรงเรียนไผทอุดมศึกษายังไม่ยอมยกธงง่ายๆ มีการ ลดขนาดโรงเรียน ปรับลดจำนวนครูและแรงงานบางส่วน เพื่อหวังลดภาระค่าใช้จ่ายและยืดเวลาให้โรงเรียนไปต่อได้

แต่ถึงจะ “รัดเข็มขัด” แค่ไหน ตัวเลขในงบดุลก็ยังไม่สวยพอสำหรับแผนระยะยาว การขาดสภาพคล่องทางการเงินที่ต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โรงเรียน

จึงมีมติ ยุติการจัดการเรียนการสอนและเลิกกิจการโรงเรียนไผทอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2569 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มมีผลในเดือน พฤษภาคม 2569

แม้จะเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวด แต่หากยืดเวลาโดยที่สถานะการเงินไม่มั่นคงพอ ก็เสี่ยงกระทบต่อคุณภาพการเรียนของเด็กในระยะยาวเช่นกัน

ไผทอุดมศึกษา รองรับเด็ก-ผู้ปกครองอย่างไรหลังปิดโรงเรียน?

การปิดโรงเรียนไม่ใช่แค่เรื่อง “ตัวอาคาร” แต่คือชีวิตของนักเรียน ครู และครอบครัวนับพัน ครอบคลุมนักเรียนหลายระดับชั้น ครูและบุคลากรจำนวนมาก ดังนั้นการวางทางออกให้ทุกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่าน

โรงเรียนไผทอุดมศึกษาจึงวางมาตรการรองรับไว้ดังนี้

  1. จัดเตรียมเอกสารการศึกษาเพื่อให้นักเรียนย้ายสถานศึกษาได้ทันเวลา
    • หนังสือรับรองการเป็นนักเรียน (ปพ.7) จำนวน 2 ชุด
    • ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) จำนวน 1 ชุด
    • มีกำหนดแจกเอกสารในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2569 เพื่อให้ผู้ปกครองนำไปใช้สมัครเรียนต่อได้ทันในปีการศึกษาใหม่
  2. ประสานโรงเรียนใกล้เคียงเพื่อเปิดรับเด็ก “เป็นกรณีพิเศษ”
    รายชื่อโรงเรียนที่โรงเรียนไผทอุดมศึกษาได้ประสานงานไว้ มีทั้งโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ และโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในโซนใกล้เคียง เช่น
    • โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
    • โรงเรียนอนุบาลสุดารักษ์
    • โรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์
    • โรงเรียนอนุบาลชนานันท์
    • โรงเรียนแสงโสม
    • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์สายไหม
    • โรงเรียนสายอักษร
    • โรงเรียนสองภาษาวันเนส
    • โรงเรียนสตรีวรนาถ บางเขน
    • โรงเรียนระเบียบศึกษา
    • โรงเรียนพิชญศึกษา
    • โรงเรียนปิยะพงษ์วิทยา
    • โรงเรียนพหฤทัยดอนเมือง
    • โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
    • โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว
    • โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดรังสิต
    • โรงเรียนดรุณพัฒน์
    • โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ เมืองทองธานี
    • โรงเรียนโชคชัยหทัยราษฎร์
    • โรงเรียนโชคชัยลาดพร้าว
    • โรงเรียนโชคชัยรังสิต
    • โรงเรียนอรรถมิตร
    • โรงเรียนอมาตยกุล
    • โรงเรียนทับทอง
    การประสานล่วงหน้าแบบนี้ ถือเป็น “กันชน” สำคัญที่ช่วยให้ผู้ปกครองมีทางเลือก ไม่ต้องเริ่มต้นตามหาที่เรียนใหม่แบบลอยตัวในระบบที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกปี
  3. จัดประชุมผู้ปกครองเพื่ออธิบายทุกขั้นตอนแบบตรงไปตรงมา
    โรงเรียนได้นัดผู้ปกครองของนักเรียนแต่ละระดับชั้น เข้ารับฟังรายละเอียดเกี่ยวกับการยุติกิจการ แนวทางการย้ายโรงเรียนของบุตรหลาน และช่องทางการขอคำปรึกษา โดยกำหนดประชุมในวันพุธที่ 3 ธันวาคม

แม้โรงเรียนจะปิดในอนาคต แต่ในระหว่างนี้ยังยืนยันว่า ภาคเรียนที่ 2 จะสอนตามปกติจนสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2569 เพื่อไม่ให้เด็กหลุดจากระบบกลางคัน

เปิดประวัติ 55 ปี ไผทอุดมศึกษา: จากรางวัลพระราชทานสู่บทสรุปสุดสะเทือนใจ

ถ้าพูดถึง “โรงเรียนไผทอุดมศึกษา” ในมุมของคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะโซนวิภาวดี–หลักสี่ นี่คือหนึ่งในโรงเรียนที่ชื่อคุ้นหู ทั้งในด้านคุณภาพการเรียน และระเบียบวินัยของเด็ก

  • โรงเรียนไผทอุดมศึกษาเป็น โรงเรียนเอกชนประเภทไม่รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ
  • ตั้งอยู่เลขที่ 201 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
  • เปิดสอนตั้งแต่ระดับ อนุบาลปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์

โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งโดย คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ และสานต่ออุดมการณ์ที่จะมี “สถานศึกษาที่ดี มีคุณภาพ” พัฒนานักเรียนให้พร้อมทั้ง

  • ร่างกาย
  • จิตใจ
  • สติปัญญา
    พร้อมปลูกฝัง คุณธรรมและจริยธรรม เพื่อเติบโตเป็นเยาวชนที่ดีของชาติ

เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 บนเนื้อที่กว่า 18 ไร่ 2 งาน 36 ตารางวา ก่อนทำพิธีเปิดป้ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤษภาคม 2514

เส้นทางการเติบโตของโรงเรียน

  • ปีการศึกษา 2514: เปิดรับนักเรียนชาย–หญิงแบบไปกลับ ระดับ ป.1–ป.7 และนักเรียนประจำชาย ป.3–ป.7 มีนักเรียนรวม 172 คน ครู–พนักงาน 20 คน
  • ปีการศึกษา 2515: ขยายถึง ม.1 จำนวนนักเรียนเพิ่มเป็น 271 คน
  • ปีการศึกษา 2516: เปิดกองลูกเสือและกองยุวกาชาด สะท้อนความใส่ใจด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
  • ปีการศึกษา 2518: ขยายการสอนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ม.3
  • ปีการศึกษา 2519: ยกเลิกระบบนักเรียนประจำ เหลือรูปแบบไปกลับอย่างเดียว นักเรียนพุ่งขึ้นถึง 1,390 คน ครูและพนักงาน 60 คน
  • ปีการศึกษา 2521–2522: ปรับตามหลักสูตรใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ และได้รับรองวิทยฐานะ

รางวัลพระราชทาน การันตีคุณภาพ

โรงเรียนไผทอุดมศึกษาไม่ได้มีแค่ชื่อเสียง แต่ยังมีผลงานเป็นรูปธรรม โดยได้รับ “โรงเรียนรางวัลพระราชทาน” หลายระดับ ได้แก่

  • ปีการศึกษา 2535 – ระดับมัธยมศึกษา
  • ปีการศึกษา 2539 – ระดับประถมศึกษา
  • ปีการศึกษา 2543 – ระดับก่อนประถมศึกษา
  • ปีการศึกษา 2552 – ได้รับรางวัลพระราชทานระดับประถมศึกษาอีกครั้ง

นอกจากนี้ โรงเรียนยังเปิด หลักสูตร International Program ในปีการศึกษา 2545 เพื่อรองรับการแข่งขันในโลกการศึกษาแบบสากล

ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด โรงเรียนมีนักเรียนกว่า 3,300 คน ผู้บริหาร 29 คน ครูและพนักงาน 307 คน พร้อมฝ่ายสนับสนุนอย่างคนงาน รปภ. และแม่บ้านรวมอีกหลายสิบชีวิต ถือเป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ครบวงจรแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

ปรัชญา–คำขวัญ–อัตลักษณ์

  • ปรัชญาประจำโรงเรียน: “เรียนดี กีฬาเก่ง เคร่งวินัย ใฝ่คุณธรรม”
  • คำขวัญ: “สุขุม รอบคอบ สามัคคี มีระเบียบ”
  • สัญลักษณ์: อักษรย่อ ผ.อ.ศ. ไขว้เป็นรูปวงกลม 3 สี คือ แสด เขียว เหลือง

ปรัชญาเหล่านี้สะท้อนแนวคิดแบบครบวงจรที่ไม่ได้เน้นเฉพาะวิชาการ แต่ให้ความสำคัญทั้งกีฬา วินัย และคุณธรรม ซึ่งสอดคล้องกับภาพจำของศิษย์เก่าจำนวนมากที่เติบโตมาในบรรยากาศของความเข้มแข็งแต่เป็นระบบ

ศิษย์เก่าที่หลายคนรู้จัก

หนึ่งในศิษย์เก่าที่ทำให้ชื่อโรงเรียนถูกพูดถึงในวงกว้าง คือ แอฟ–ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ นักแสดงชื่อดังของวงการบันเทิงไทย ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับประถมจากที่นี่ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ว่าไผทอุดมศึกษาเป็นโรงเรียนที่สร้างคนคุณภาพออกสู่สังคมมากมาย

เสียงผู้ปกครอง–เด็กนักเรียน เมื่อโรงเรียนในความทรงจำต้องปิดจริงๆ

เช้าวันที่ 2 ธันวาคม 2568 บรรยากาศหน้าโรงเรียนไผทอุดมศึกษาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปนกัน ทั้ง “ตกใจ เสียดาย และทำใจไม่ทัน”

ผู้ปกครองหลายคนยังคงจูงมือลูกหลานเข้าโรงเรียนตามปกติ ทั้งที่รู้แล้วว่า ปีการศึกษา 2569 พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเรียนที่นี่อีกแล้ว

หนึ่งในผู้ปกครองให้ข้อมูลว่า ครอบครัวผูกพันกับโรงเรียนมาหลายรุ่น ตั้งแต่สมัยพ่อแม่เรียนที่นี่ จนมาถึงรุ่นลูก จึง “ไม่คิดเลยว่าโรงเรียนใหญ่แบบนี้จะถึงจุดที่ต้องเลิกกิจการ”

แม้จะตกใจ แต่บางครอบครัวเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า เช่น ลูกอยู่ชั้น ป.6 และกำลังจะเข้าสู่ระดับมัธยม จึงพอมีโรงเรียนเป้าหมายในใจอยู่แล้ว ทว่าความรู้สึกสูญเสียสถานที่ที่ผูกพัน ก็ยังเป็นรอยลึกในความทรงจำอยู่ดี

สำหรับครูและบุคลากร โรงเรียนคือ “ที่ทำงาน ที่สร้างชีวิต และที่สร้างคน” การปิดโรงเรียนจึงหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ของทุกคน ไม่ใช่แค่ของเด็กเท่านั้น

มองไผทอุดมศึกษา แล้วหันกลับมาถามอนาคตการศึกษาไทย

ข่าว ไผทอุดมศึกษา วันนี้ ไม่ควรเป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่ควรเป็นจุดตั้งคำถามใหญ่ต่อระบบการศึกษาไทยว่า

  • ในยุคเด็กเกิดน้อย โรงเรียนเอกชนจะยืนอยู่ตรงไหน?
  • นโยบายรัฐควรออกแบบอย่างไรให้โรงเรียนคุณภาพไม่ต้องทยอยปิดเพราะภาระต้นทุน?
  • ผู้ปกครองควรเตรียมตัวอย่างไร หากโรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่วันนี้อาจไม่มั่นคงเหมือนในอดีต?

ในระดับครอบครัว การเลือกโรงเรียนในยุคนี้ไม่ใช่แค่ดูชื่อเสียงหรือหลักสูตร แต่ต้องมองให้ลึกถึง เสถียรภาพการเงินของสถานศึกษา วิธีการบริหารจัดการ และแนวทางรับมือกับภาวะวิกฤต

ส่วนในระดับประเทศ การที่โรงเรียนเอกชนคุณภาพทยอยปิดตัว คือการสูญเสีย “พื้นที่ทางการศึกษา” ของเด็กไทยไปทีละก้าว หากไม่เร่งปรับโครงสร้างให้สอดรับกับสังคมผู้สูงวัย เศรษฐกิจผันผวน และโลกการเรียนรู้ยุคดิจิทัล เราอาจต้องเห็นข่าวแบบไผทอุดมศึกษาอีกหลายครั้งในอนาคต

สรุป : 55 ปีไผทอุดมศึกษา ปิดฉากอย่างสง่างาม แต่ทิ้งคำถามใหญ่ให้ทั้งประเทศ

ตลอดเวลากว่า 55 ปี โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เรียน แต่เป็น “บ้านหลังที่สอง” ของเด็กหลายรุ่น เป็นพื้นที่สร้างทั้งความรู้ มิตรภาพ วินัย และความทรงจำที่ยากจะลืม

การปิดตำนานในครั้งนี้ แม้จะเต็มไปด้วยความเสียดาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารเลือกยุติอย่างมีสติ มากกว่าจะฝืนเดินต่อแล้วปล่อยให้คุณภาพการศึกษาถดถอยลงไปพร้อมตัวเลขในบัญชี

จากนี้ไป ชื่อ “ไผทอุดมศึกษา” อาจไม่มีในรายชื่อโรงเรียนที่เปิดรับสมัครใหม่ แต่จะยังอยู่ในหัวใจของศิษย์เก่า ครู บุคลากร และผู้ปกครองอีกนานเท่านาน พร้อมกับทำหน้าที่เป็น “บทเรียนใหญ่” ให้กับวงการการศึกษาไทย ทั้งภาครัฐ เอกชน และทุกครอบครัวที่กำลังมองหาที่ทางที่ดีที่สุดให้ลูกหลานในอนาคต

ใครที่ติดตามข่าวนี้อยู่ เบื้องหลังไม่ใช่แค่เรื่องของโรงเรียนหนึ่งแห่ง แต่คือภาพสะท้อนสังคมไทยทั้งระบบ ที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันมอง และช่วยกันผลักดันให้การศึกษาไทยยังเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง

แฟนข่าวที่อยากตามทุกจังหวะของข่าวสำคัญในบ้านเรา อย่าลืม ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกประเด็นใหญ่ที่กระทบชีวิตคนไทยทุกกลุ่มวัย

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา