ภาพรวมสถานการณ์ PM 2.5 วันนี้ทั่วประเทศ
สถานการณ์ PM 2.5 วันนี้ เข้าสู่จุดที่ทุกคนต้องหันมาระวังแบบจริงจัง ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานคุณภาพอากาศเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.00 น. พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนในหลายพื้นที่ของไทย “เกินค่ามาตรฐาน” รวมแล้วอย่างน้อย 28 จังหวัด
จังหวัดที่ค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มีทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และกรุงเทพฯ–ปริมณฑล เช่น ปทุมธานี กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย พิจิตร เพชรบูรณ์ สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง ราชบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ชลบุรี ระยอง ชุมพร บึงกาฬ หนองคาย ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยโสธร
ถ้าไล่เป็นรายภาค ตามรายงานภาพรวมล่าสุด
- ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ค่าฝุ่นอยู่ราว 4.6 – 46.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 7 พื้นที่ วัดได้ 24.2 – 81.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ วัดได้ 22.8 – 52.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 4 พื้นที่ วัดได้ 22.5 – 58.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ภาคใต้ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ วัดได้สูงสุดราว 39.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดว่า “ปัญหาฝุ่นไม่ใช่เรื่องของกรุงเทพฯ อย่างเดียวอีกต่อไป” แต่กระจายไปแทบทุกภาคของประเทศ

กทม.วันนี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 45 เขต ทะลุมาตรฐานหลายจุด
ฝั่งกรุงเทพมหานคร สถานการณ์วันนี้จัดว่าหนัก ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม. รายงานช่วงเช้า (07.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2568) ว่า ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยทั้งเมืองอยู่ที่ประมาณ 45 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานของไทยที่กำหนดไว้ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอย่างชัดเจน
ไฮไลต์สำคัญคือ มีเขตที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานสูงถึง 45 เขต โดย 12 เขตที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงสุด ได้แก่
- บางรัก 55.3 µg/m³
- สาทร 54.6 µg/m³
- ลาดกระบัง 54.6 µg/m³
- หนองแขม 53 µg/m³
- ราชเทวี 52.4 µg/m³
- ปทุมวัน 51.9 µg/m³
- ตลิ่งชัน 51.4 µg/m³
- คลองสามวา 50.3 µg/m³
- ทวีวัฒนา 50.3 µg/m³
- บางคอแหลม 50 µg/m³
- บางพลัด 49.7 µg/m³
- ภาษีเจริญ 49.2 µg/m³
หากดูตามโซน กทม.เหนือ กทม.ตะวันออก กทม.กลาง กทม.ใต้ รวมถึงฝั่งกรุงธนฯ ส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในระดับ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” หรือโซนสีส้มแล้วทั้งแถบ
PM 2.5 คืออะไร ทำไมตัวเลข 37.5 ถึงสำคัญ
ค่าฝุ่น PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เล็กกว่าผมคนเราหลายสิบเท่า เล็กจนทะลุผ่านระบบกรองตามธรรมชาติของร่างกาย เข้าไปลึกถึงถุงลมปอดและกระแสเลือดได้ง่าย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังในระยะยาว
ประเทศไทยเคยใช้มาตรฐานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก่อนจะปรับเข้มขึ้นเป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักฐานทางการแพทย์ที่พบว่าแม้ค่าฝุ่นจะไม่สูงมาก แต่ถ้าเกินระดับนี้ต่อเนื่องก็เริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว
พูดง่าย ๆ เลยคือ ถ้าวันไหนค่าฝุ่นเกิน 37.5 µg/m³ ขึ้นไป นั่นคือสัญญาณเตือนว่า “ไม่ใช่อากาศดี” อีกต่อไป
อ่านสี AQI ให้เป็น เข้าใจให้ถูกว่าอากาศวันนี้อยู่โซนไหน
การดูค่าฝุ่นไม่ได้จบแค่ดูตัวเลข ต้องรู้ด้วยว่าอยู่ใน “ระดับสี” อะไร ระบบดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของไทยแบ่งสีออกเป็น 5 ระดับหลัก ๆ เพื่อให้ประชาชนอ่านง่าย
โดยทั่วไป
- สีเขียว – อากาศดีมาก คนทั่วไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- สีเหลือง – พอใช้ เริ่มต้องระวังบ้าง กลุ่มเสี่ยงควรเช็กอาการ
- สีส้ม – เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ต้องเริ่มป้องกันอย่างจริงจัง
- สีแดง – มีผลกระทบต่อสุขภาพชัดเจน คนทั่วไปควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง
- สีม่วง – อันตรายต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงออกนอกอาคารให้ได้มากที่สุด
วันนี้หลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ถูกจัดอยู่ใน “ระดับสีส้ม” แล้ว นั่นหมายความว่าการใส่หน้ากาก การลดเวลาอยู่นอกอาคาร และการสังเกตอาการผิดปกติ ไม่ใช่เรื่องเกินจริง แต่เป็นเรื่องจำเป็น
ผลกระทบต่อสุขภาพ ใครคือกลุ่มเสี่ยงตัวจริง
ฝุ่นระดับ ฝุ่นพิษ อย่าง PM2.5 ไม่ได้ทำให้แค่แสบคอแล้วจบ แต่สามารถกระตุ้นให้โรคประจำตัวกำเริบ หรือทำให้คนที่แข็งแรงอยู่แล้วสะสมความเสี่ยงในระยะยาวได้
กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น
- ผู้สูงอายุ
- เด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่วิ่งเล่นกลางแจ้งบ่อย
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด หรือโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
ผลกระทบอาจเริ่มจากอาการเบสิกอย่าง ไอ แสบคอ ระคายเคืองตา หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายขึ้น ถ้าปล่อยให้เจอฝุ่นหนัก ๆ บ่อย ๆ ก็อาจนำไปสู่โรคเรื้อรังที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ในอนาคต

วิธีป้องกันตัวจาก PM 2.5 วันนี้ เล่นเกมชีวิตให้เหมือนวางแท็กติกในสนาม
ในวันที่อากาศเข้าขั้น “สีส้ม” เราไม่อาจเปลี่ยนลม เปลี่ยนฟ้าได้เหมือนปรับแท็กติกในเกมฟุตบอล แต่เราคุม “เกมรับของร่างกายตัวเอง” ได้ บ้านกีฬาเลยสรุปแนวทางรับมือที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน
- ตรวจเช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ผ่านเว็บหรือแอป เช่น Air4Thai, AirBKK, AQICN และแพลตฟอร์มของกรมควบคุมมลพิษ
- เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงเยอะในวันที่ค่าฝุ่นสูง โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่และค่ำที่ลมสงบ
- ใช้หน้ากากมาตรฐาน เช่น หน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่ระบุว่าสามารถกรอง PM2.5 ได้อย่างเหมาะสมเมื่อจำเป็นต้องออกนอกอาคาร
- ถ้าจำเป็นต้องออกกำลังกาย ให้เปลี่ยนไปทำในที่ร่ม มีระบบกรองอากาศ หรือปรับลดความหนักของการออกกำลังลง
- กลุ่มเสี่ยงควรพกยาประจำตัว เช่น ยาขยายหลอดลม ยาพ่น รวมถึงเบอร์ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน
- ภายในบ้าน หากอยู่ใกล้ถนนใหญ่หรือแหล่งฝุ่น ควรปิดประตู–หน้าต่างช่วงที่ค่าฝุ่นสูง และถ้ามีเครื่องฟอกอากาศ ให้เปิดใช้งานพร้อมปรับโหมดให้เหมาะกับขนาดห้อง
การป้องกันตั้งแต่วันนี้ ช่วยลดทั้งผลกระทบฉับพลัน และความเสี่ยงโรคเรื้อรังในอนาคตได้แบบชัดเจน
Cell Broadcast, T-Alert และยุคใหม่ของการแจ้งเตือนฝุ่น
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำคัญของปีนี้คือ การที่รัฐบาลเริ่มใช้ระบบ Cell Broadcast ส่งข้อความแจ้งเตือน PM2.5 ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องโหลดแอป ไม่ต้องสมัครอะไรเพิ่มเติม ข้อความจะเด้งเข้ามาเหมือนประกาศฉุกเฉินทันทีเมื่อค่าฝุ่นสูงเกินเกณฑ์
ระบบนี้ถูกบูรณาการอยู่ในแพลตฟอร์ม “T-Alert” ซึ่งออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนภัยหลายประเภท ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ และตอนนี้รวมถึงมลพิษทางอากาศอย่าง PM2.5 ด้วย
สำหรับคนเมือง นี่คือ “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ที่ช่วยให้วางแผนชีวิตได้ทัน เช่น เลื่อนการออกกำลังกายกลางแจ้ง เปลี่ยนเวลาพาเด็กออกไปข้างนอก หรือเตรียมหน้ากากให้พร้อมก่อนออกจากบ้าน
เช็กค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้จากช่องทางไหนได้บ้าง
ยุคนี้คนไทยไม่ได้ต้องรอข่าวโทรทัศน์เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป เพราะมีแพลตฟอร์มให้เช็กค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์หลายช่องทาง
ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น
- เว็บไซต์และแอปของกรมควบคุมมลพิษ และศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม. ที่แสดงค่าฝุ่นรายเขต
- เว็บไซต์แสดงดัชนีคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ อย่าง AQICN หรือแพลตฟอร์มต่างประเทศที่เชื่อมข้อมูลกับสถานีตรวจวัดไทย
- เพจหน่วยงานท้องถิ่น และสื่อหลัก ที่รายงานค่าฝุ่นเป็นระยะ พร้อมคำแนะนำด้านสุขภาพ
- ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เช่น Cell Broadcast และแอปที่รองรับระบบ T-Alert
การเช็กค่าฝุ่นให้เป็นนิสัยในทุกเช้า ก็เหมือนแฟนบอลที่เช็กโปรแกรมเตะ “ตารางบอลวันนี้” ก่อนเริ่มวัน รู้ล่วงหน้า ช่วยให้วางแผนชีวิตได้ง่ายกว่าเยอะ
ทำไมวันนี้ฝุ่นถึงหนัก และแนวโน้มอีกไม่กี่วันข้างหน้า
รองโฆษกรัฐบาลและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมระบุสาเหตุสำคัญของฝุ่นรอบนี้ว่า มาจากสภาพอากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวที่ “อากาศปิด ลมอ่อน มวลอากาศเย็นกดทับ” ทำให้การระบายอากาศไม่ดี ฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์ โรงงานก่อสร้าง รวมถึงการเผาในที่โล่งสะสมตัวในชั้นบรรยากาศต่ำ ไม่ลอยสูงเหมือนวันที่ลมแรง
นอกจากนี้ การตรวจพบจุดความร้อน (Hotspots) ในภาคกลาง ภาคอีสาน และแนวเหนือ–อีสานของกรุงเทพฯ ยิ่งทำให้ควันจากการเผาแผ่เข้ามาสมทบในเขตเมืองมากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม หากทิศทางลมเปลี่ยน หรือมีมวลอากาศใหม่เข้ามาช่วยพัดพาฝุ่นออกไป หลายหน่วยงานคาดว่าในช่วง 3–5 ธันวาคม ระดับฝุ่นอาจเริ่มลดลง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพอากาศจริงในแต่ละวัน และมาตรการลดการเผา–ลดการปล่อยมลพิษในพื้นที่ด้วย

สรุป PM 2.5 วันนี้ อยู่กับฝุ่นอย่างมีสติ เสียน้อยที่สุด
- วันนี้ค่าฝุ่นในหลายจังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเกินมาตรฐาน ส่วนใหญ่จัดอยู่โซนสีส้ม “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ”
- กทม.มี 45 เขตที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน เขตบางรัก สาทร และลาดกระบัง ขึ้นแท่นค่าฝุ่นสูงสุดของเมืองในช่วงเช้า
- มาตรฐานฝุ่น PM2.5 ของไทยอยู่ที่ 37.5 µg/m³ ต่อ 24 ชั่วโมง ถ้าเกินตัวเลขนี้ต่อเนื่อง สุขภาพเริ่มเสี่ยง
- กลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคหัวใจ–ปอด ต้องระวังเป็นพิเศษ
- วิธีรับมือคือ เช็กค่าฝุ่นทุกวัน ใส่หน้ากากป้องกันที่ได้มาตรฐาน เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งหนัก ๆ และดูแลตัวเองให้พร้อม
- รัฐบาลเริ่มใช้ระบบแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast และ T-Alert ช่วยเตือนภัยฝุ่นแบบทันสถานการณ์
เกมนี้ไม่ใช่เกมสั้น ๆ แต่คือ “มาราธอนด้านสิ่งแวดล้อม” ที่ทุกคนต้องลงสนามร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ถ้าเราช่วยกันลดการเผา ลดการปล่อยควัน ตรวจเช็กค่าฝุ่น และป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง โอกาสกลับไปหายใจอากาศดี ๆ ก็ไม่ใช่แค่ความฝัน
อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

