F1 ลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์สุดเดือด! Verstappen ซิ่งฝ่าความกดดัน เฉือน Norris คว้าชัย Piastri ฟื้นจากนรกกลับมาที่ 4 สุดเหลือเชื่อ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ศึกความเร็ว Formula 1 กลับมาระเบิดความมันกลางแสงสีแห่งลาสเวกัส และเป็น Max Verstappen ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการ ที่คืนฟอร์มเดือด กดความเร็วระดับสุดขีดซิวชัยเหนือคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง Lando Norris แบบหมดรูป พร้อมลดช่องว่างคะแนนแชมป์โลกเหลือเพียง 42 แต้ม ด้าน Oscar Piastri วายร้ายหน้าใสแห่ง McLaren พลิกนรกจากโดนชนร่วงไปถึง P7 ก่อนกลับมาจบที่ อันดับ 4 อย่างน่าทึ่ง

การแข่งขัน Las Vegas Grand Prix 2025 บนถนนสายคาสิโนสุดหรูถูกย้อมเป็นสีส้มด้วยพลังของ Red Bull เจ้าเก่า ขณะที่ McLaren, Mercedes และ Ferrari ไล่กดดันตลอด 50 รอบ บ้านกีฬา พาเจาะลึกเหตุการณ์เดือดทุกมุมแบบครบสูตร พร้อมอัดแน่นข้อมูลที่คอ F1 ต้องรู้แบบจุใจ รวมเรื่องราวที่ทุกยุคอ่านได้ไม่ตกยุค

ผลการแข่งขัน Las Vegas GP 2025 (อย่างไม่เป็นทางการหลังจบเซสชั่น)

  1. Max Verstappen – P1
  2. Lando Norris – P2 (ช้าลงช่วงท้ายรถมีปัญหา)
  3. George Russell – P3
  4. Oscar Piastri – P4
  5. Kimi Antonelli – P5 (โดนโทษสตาร์ตผิดกติกา 5 วินาที)
  6. Charles Leclerc – P6
  7. Carlos Sainz – P7
  8. Hadjar – P8
  9. Nico Hulkenberg – P9
  10. Lewis Hamilton – P10

ศึกเปิดโค้งแรก Norris พลาดเอง – Verstappen คว้าภาษีก่อนตั้งแต่เซกเตอร์แรก

ไฟแดงดับลง Norris ที่ออกสตาร์ตจาก โพล ใช้จังหวะพุ่งขวางหน้า Verstappen อย่างดุดัน แต่ดันเบรกพลาดลึกไปในโค้งหนึ่ง ทำให้ต้องวิ่งออกขอบแทร็กก่อนเสียโมเมนตัมทันที

Verstappen เห็นช่องพุ่งเสียบด้านในแบบไม่ลังเล กลายเป็นตำแหน่งนำอย่างรวดเร็ว Russell ก็ฉกฉวยจังหวะขึ้นแซง Norris เข้า P2

สำหรับคอ F1 ที่ตามมานาน นี่คือคลาสสิกของสนามลักษณะ “Street Circuit” ที่มักเกิดการแย่งไลน์โค้งแรกแบบสุดระห่ำ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการสตาร์ตดีถึงเป็นหัวใจของชัยชนะในหลายสนามทั่วโลก

Russell สู้สุดแรงแม้ปัญหา “พวงมาลัย” โผล่ – ด้าน Antonelli ดาวรุ่ง Mercedes ฟอร์มแจ้งเกิด!

George Russell พยายามกด DRS ไล่ Verstappen หลายรอบ แต่ปัญหา พวงมาลัยสั่น ทำให้ความหวังถูกตัดทอนทีละน้อย

ขณะเดียวกัน Kimi Antonelli ดาวรุ่งวัย 18 ปีจาก Mercedes ที่ขึ้นมาจาก P17 สร้างผลงานโคตรปัง ไล่บี้ทุกคันข้างหน้า ขยับขึ้นมาติดกลุ่มหัวตารางเร็วมาก แต่สุดท้ายโดนโทษ False Start ทำให้ต้องบวกเวลา 5 วินาที ถึงอย่างนั้นยังรักษา P5 ไว้ได้ ห่าง Leclerc แค่ 0.1 วินาทีเท่านั้น!

ซึ่งสำหรับแฟนๆ F1 นี่คือหนึ่งในเนื้อหาที่อ่านได้ทุกยุค – “การผลักดันดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมใหญ่” เป็นแนวทางที่ Mercedes ยึดถือมานาน จนเกิดดาวดังหลายคนในกริดปัจจุบัน

Norris ไล่ทัน–แต่ต้องรักษารถช่วงท้าย ทำให้ Verstappen ฉีกหนีเกือบ 21 วินาที!

Norris เร่งเครื่องจนกลับเข้า DRS ของ Russell และแซงได้ในโค้ง 14 กลับขึ้นมา P2 แต่ทันทีที่จะแต่งร่างนักล่าไล่ Verstappen รถกลับมีปัญหาเชื้อเพลิง ต้องลดพลังเครื่องยนต์ ทำให้ช่องว่างรีดออกเป็นเกือบ 21 วินาทีเมื่อเข้าเส้นชัย

สำหรับใครเป็นแฟน Norris บทสรุปวันนี้เจ็บหน่อย แต่แสดงให้เห็นว่าฟอร์มปีนี้ของเขามีลุ้นแชมป์โลกจริง

Piastri โดนชนตั้งแต่โค้ง 1 แต่ฮึดสู้กลับมา P4

หนึ่งในฮีโร่ของวันคือ Oscar Piastri แม้โดน Lawson ทำเสียจังหวะตั้งแต่โค้งแรก ตกไปถึง P7 แต่ยังเจาะแทร็กแบบนิ่งและเฉียบ ไล่เก็บ Sainz, Hadjar, Leclerc จนขึ้นมาจบ P4

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Piastri ถูกคาดไว้ว่าเป็นอนาคตของวงการ F1 และมีศักยภาพพอเป็นแชมป์โลกในอนาคต การจัดการยาง–หาจังหวะแซง–คุมไลน์ เขาทำครบทุกบทเรียนแบบโคตรสะอาด

Leclerc “โหมบุกบ้าคลั่ง” แต่อยู่ไม่สุด – Ferrari ยังมีคำถามใหญ่เรื่องจังหวะ Pit Stop

Leclerc ออกตัวจาก P9 ก่อนทะยานขึ้นกลุ่มหน้าด้วยความดุดัน แต่สุดท้ายเจอรถหน้าเร็วขึ้นเมื่อยางเริ่มร้อนจัด และโดนสั่งเกมบริหารเครื่องยนต์ช่วงท้าย ทำให้จบแค่ P6

แฟน Ferrari คงรู้ดีว่า การจัดการจังหวะเข้าพิทและการวางแผนยางคือจุดที่ทีมยังต้องแก้ให้ไวที่สุดถ้าอยากกลับสู่ความยิ่งใหญ่ในยุคต่อไป

มุมลึกสำหรับแฟน F1: ยุคของยาง–กลยุทธ์–DRS ที่ตัดสินชัยชนะ

ไม่ว่าจะปีไหน ความเข้าใจพื้นฐานของ F1 ยังคือสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชม:

  • ยาง Medium–Hard กลายเป็นสูตรผสมที่สำเร็จที่สุดในสนามเมือง
  • DRS Zone คืออาวุธสำคัญ โดยเฉพาะเส้นหลังยาวของลาสเวกัส
  • Pit Window มีผลชี้ขาด โมเมนต์เข้าฮาร์ดเร็วกว่าคู่แข่งคือสิ่งช่วย Verstappen ทิ้ง Russell ได้
  • รถแบบ “Downforce สูง” สำคัญมากในโค้งยาวสนามนี้

องค์ประกอบเหล่านี้คือแก่นของการแข่งขัน F1 ทุกยุคทุกสมัย แฟนใหม่หรือแฟนเก่าก็ควรรู้ไว้เป็นเบสิกการดูแข่งให้มันส์ที่สุด

คำพูดหลังแข่งของ Verstappen – คีย์สำคัญของชัยชนะ

Verstappen เปิดใจว่า

“วันนี้เราคุมยางได้ดีกว่าทุกครั้ง รู้สึกสบายกับรถมากขึ้น สามารถผลักดันได้เต็มที่ ทุกอย่างลงล็อกหมด”

สั้น ๆ แต่สะท้อนชัดว่า Red Bull ยังมีพื้นฐานรถที่ดีที่สุดในกริดปีนี้

สถานีต่อไป: Qatar Grand Prix – สนามที่เวทีพลิกอันดับได้เสมอ

F1 จะเดินทางต่อไปยังสนาม Lusail International Circuit ประเทศกาตาร์ (28–30 พ.ย.) สนามแห่งลมทะเลทรายและโค้งความเร็วสูงที่ขึ้นชื่อว่า “กินยางที่สุด” ของปฏิทิน

ใครฟอร์มดี–ใครยางพัง–ใครพลาดนิดเดียวแล้วจบอันดับหายวับ ความมันยังรออยู่แน่นอน

เตรียมลุ้นกันต่อได้ที่ บ้านกีฬา อัปเดตข่าวตลอดทุกเซสชั่น เหตุการณ์สำคัญไม่มีตกหล่นแน่นอน

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่ออัปเดต F1 และข่าวกีฬาแบบสดใหม่ทุกวัน

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา