แจ็ก แปปโฮสั่นสะเทือนฟูจิ! ดราม่าปีนรถเต้นเปลือยกลางวิวญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นมองยังไง–กฎหมายญี่ปุ่นเอาจริงแค่ไหน?

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ดราม่า แจ็ก แปปโฮ ปีนรถเต้นเปลือยหน้าร้านสะดวกซื้อวิวภูเขาไฟฟูจิ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องขำในไทม์ไลน์อีกต่อไป แต่ลามกลายเป็นประเด็นใหญ่ระดับภาพลักษณ์ นักท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่น ที่ทั้งชาวเน็ตไทย ชาวญี่ปุ่น ไปจนถึงรัฐมนตรีท่องเที่ยวต้องออกมาพูดถึง บ้านกีฬา เลยขอพาไปไล่เรียงทุกมุมแบบแน่นๆ ตั้งแต่เหตุการณ์ต้นเรื่อง กระแสในญี่ปุ่น เสียงสะท้อนจากคนไทยในต่างแดน ไปจนถึง ข้อกฎหมายญี่ปุ่น และ “มารยาทนักท่องเที่ยว” ที่ทุกคนควรรู้ก่อนบินไปต่างประเทศในยุคโซเชียลครองโลก

@jack_papho69 แม้ใครจะดูถูกฉัน ไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น #แจ็กแปปโฮ ♬ เสียงต้นฉบับ – แจ็ก แปปโฮ

สรุปดราม่า “แจ็ก แปปโฮที่ญี่ปุ่น” เกิดอะไรขึ้นหน้าฟูจิ?

แจ็ก แปปโฮ (จตุรงค์ แปปโฮ) ยูทูบเบอร์สายคอนเทนต์จัดหนักที่มีผู้ติดตามมากกว่า 8 ล้านคน โพสต์คลิปสั้นระหว่างทริปเที่ยว ญี่ปุ่น โดยเลือกทำคอนเทนต์สุดหวือหวา ปีนขึ้นไปบนหลังคา รถตู้ ที่จอดอยู่หน้าร้าน Lawson สาขา Riverwalk Kawaguchiko ซึ่งเป็นจุดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในโลเคชั่นยอดฮิตของสายถ่ายรูป เพราะได้ทั้งวิวร้านสะดวกซื้อคู่กับ ภูเขาไฟฟูจิ เต็มเฟรมด้านหลัง

ในคลิป แจ็กถอดเสื้อโชว์ท่อนบน แดนซ์สะบัดบนหลังคารถ แถมยังใส่แคปชั่นทิ้งท้ายแนวท้าทายประมาณว่า

“แม้ใครจะดูถูกฉัน ไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น”

ทำให้หลายคนมองว่า นี่ไม่ใช่แค่การเล่นสนุก แต่ยังเหมือนการตอบโต้หรือท้าทายเสียงวิจารณ์ที่ตัวเองเคยได้รับมาในโลกออนไลน์อีกด้วย

คลิปถูกโพสต์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ก่อนจะไวรัลอย่างรวดเร็วในหมู่คนไทย มีทั้งเสียงหัวเราะ เสียงรับไม่ได้ และเสียงดราม่าจัดเต็ม สุดท้ายคลิปถูกลบภายในวันถัดมา แต่แทบไม่ช่วยให้กระแสลดลงเลย

หลังจากนั้น แจ็กออกมาโพสต์ขอโทษ ยอมรับว่าทำผิดพลาดเอง เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “บทเรียนราคาแพง” พร้อมบอกว่าน้อมรับทุกคำด่า แต่ไฟในโซเชียลยังไม่มอดง่ายๆ เพราะคนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือเรื่อง “หน้าตา” ของทั้งประเทศ

กระแสในไทยเดือดแค่ไหน? จากคลิปฮา กลายเป็น “ความอายระดับชาติ”

ฝั่ง ชาวเน็ตไทย หลายคนมองตรงกันว่า พฤติกรรมแบบนี้ “ขาดมารยาท” แถมยังไปทำในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัยและความเคร่งครัดอย่าง ญี่ปุ่น ทำให้ประเด็นไม่ใช่แค่เรื่องความตลก แต่คือการ ทำเสียภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทย

เสียงวิจารณ์หลักๆ มีประมาณนี้

  • ทำคอนเทนต์โดยไม่สนใจกติกาของประเทศเจ้าบ้าน
  • ใช้สถานที่ยอดฮิตอย่างฟูจิเป็นฉากหลังของการโชว์ความแปลก มากกว่าความสวย
  • ทำให้ชาวญี่ปุ่นอาจเหมารวมว่านักท่องเที่ยวไทย “ไม่รู้กาลเทศะ”

หลายคนถึงขั้นเรียกร้องให้ มีการดำเนินคดี หรืออย่างน้อยให้มีการแจ้งเรื่องต่อทางการญี่ปุ่น ซึ่งก็มีรายงานว่ามีคนส่งเรื่องให้ตำรวจญี่ปุ่นรับทราบแล้ว

ที่ทำให้ดราม่านัวเข้าไปอีก คือข้อความจากภรรยาของแจ็กที่โพสต์ทำนองว่า “เตือนแล้วแต่ไม่ฟัง” ยิ่งตอกย้ำภาพว่า นี่ไม่ใช่การหลุดแบบไม่ตั้งใจ แต่เป็นคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นทั้งที่รู้ว่ามันเสี่ยง

สื่อไทยเองก็หยิบเรื่องนี้ไปขยาย โดยโยงเข้ากับประเด็น overtourism ในญี่ปุ่น ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ก่อนแล้ว เช่น

  • นักท่องเที่ยวล้นเมือง
  • พฤติกรรมไร้มารยาทในแหล่งท่องเที่ยว
  • การถ่ายรูปกีดขวางทาง
  • การไม่เคารพพื้นที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่น

พอมีคนดังไทยไปทำอะไร “โดดเด่นแบบผิดที่ผิดเวลา” เลยกลายเป็นเชื้อไฟก้อนใหญ่ในสายตาทั้งคนไทยและต่างชาติ

คนญี่ปุ่นว่าไง? เสียงจากเจ้าถิ่นต่อดราม่า “ยูทูบเบอร์ไทยเต้นบนรถหน้าลอว์สันฟูจิ”

เมื่อกระแสในไทยลุกลาม สื่อญี่ปุ่นก็เริ่มนำเสนอข่าวนี้ โดยมีการใช้พาดหัวประมาณว่า

“ยูทูบเบอร์ชาวไทยก่อเรื่องในญี่ปุ่น คลิปเต้นบนรถหน้าร้านลอว์สันวิวฟูจิ กลายเป็นดราม่าใหญ่ ถูกชาวไทยด่าเละในโลกออนไลน์”

เนื้อหาในหลายสำนักสะท้อนมุมมองว่า ฝั่งไทยเองมองเหตุการณ์นี้เป็น “ความอับอายของชาติ” ในขณะที่ชาวญี่ปุ่นบางส่วนรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ “แปลกและไม่เหมาะสม” แต่ไม่ได้มีอารมณ์โกรธรุนแรงเท่าคนไทย

บนแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ชาวญี่ปุ่นบางคนแสดงความคิดเห็นในทำนองว่า

“ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แค่เห็นว่าเป็นการเต้นแปลกๆ ในสถานที่ที่ไม่ควรทำมากกว่า”

ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าควรให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเพื่อกันไม่ให้มีคนเลียนแบบ หรือคิดว่าทำอะไรแบบนี้แล้วจะได้ไวรัลเหมือนกัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น หลายคนออกมาคอมเมนต์เชิงขอโทษแทน เช่น

“ในฐานะคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่น ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้”

เพราะกลัวว่าพฤติกรรมของคนดังคนเดียวจะทำให้คนญี่ปุ่นเหมารวมคนไทยทั้งหมดว่า “เสียงดัง ทะเล้น ไร้ขอบเขต”

กฎหมายญี่ปุ่นมองเรื่องนี้ยังไง? ความเสี่ยงที่แปปโฮอาจต้องเจอ

ถ้าแยกเหตุการณ์นี้ออกจากดราม่า แล้วมองในมุม กฎหมายญี่ปุ่น จะพบว่าการปีนหลังคารถ ถอดเสื้อเต้นในพื้นที่สาธารณะ อาจเข้าข่ายความผิดได้หลายข้อ โดยเฉพาะในเขต Yamanashi ที่ช่วงหลังเข้มงวดมากกับนักท่องเที่ยว

1. Public Nuisance (迷惑防止条例) – ก่อความรำคาญสาธารณะ

การทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่สบายใจ สร้างความวุ่นวาย หรือก่อให้เกิดภาพที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่สาธารณะ
โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ

2. Indecent Exposure (公然わいせつ罪) – การแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ

แม้จะไม่ได้เปลือยทั้งตัว แต่การถอดเสื้อ โชว์ท่าทางสื่อไปในทางลามกหรือไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ก็มีสิทธิ์ถูกตีความเข้าใกล้มาตรานี้ได้
โทษ: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 300,000 เยน

3. Property Damage (財産損害) – ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

การปีนขึ้นไปบนหลังคารถ หากเกิดความเสียหายกับรถ เช่น บุบ สีถลอก หรือโครงสร้างเสียหาย เจ้าของรถสามารถฟ้องร้องได้
โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 เยน

จนถึงตอนนี้ ตำรวจจังหวัด Yamanashi ยังไม่ได้ประกาศชัดว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ แต่จากรายงานระบุว่า มีคนส่งข้อมูลและแจ้งเบาะแสไปแล้ว เรื่องจึงยังไม่จบง่ายๆ และอาจถูกหยิบมาพิจารณาได้ทุกเมื่อ หากจำเป็นต้องใช้เป็น “เคสตัวอย่าง”

มุมใหญ่กว่าตัวบุคคล: เมื่อ “คอนเทนต์ไวรัล” ชนกับ “กฎหมายและวัฒนธรรม”

ยุคนี้ ยูทูบเบอร์–อินฟลูเอนเซอร์ แข่งกันทำคอนเทนต์ให้สุดโต่ง เพื่อดึงยอดวิว ยอดแชร์ ยอดคอมเมนต์ เพราะนั่นแปลตรงตัวเป็นรายได้และชื่อเสียง แต่เส้นบางๆ ระหว่าง “ความกล้า” กับ “ความเกิน” บางครั้งก็อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่วินาทีในคลิป

ในมุมของประเทศปลายทางอย่างญี่ปุ่น

  • พวกเขาไม่ได้เกลียดนักท่องเที่ยว
  • แต่ต้องการให้เคารพ กฎ ระเบียบ และพื้นที่ของคนท้องถิ่น

จำไว้เสมอว่า พื้นที่ที่เราเห็นว่า “เป็นฉากสวย” คือ “บ้านและที่ทำมาหากินของคนอื่น”

ข้อมูลพื้นฐานที่ควรรู้: มารยาทนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

การเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกและไม่สร้างปัญหา ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่ต้องใส่ใจมากกว่าปกติสักหน่อย เพราะญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ ระเบียบและพื้นที่ส่วนรวม สูงมาก บ้านกีฬา ขอรวบเป็นจุดจำง่ายๆ สำหรับนักเดินทางชาวไทยทุกคน

  • ห้ามส่งเสียงดังบนรถไฟหรือในที่สาธารณะ
  • ไม่ถ่ายรูปใบหน้าคนอื่นชัดๆ โดยไม่ขออนุญาต
  • ห้ามปีนป่ายป้ายร้านค้า ที่พัก หรือรถของผู้อื่น
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารระหว่างเดินในบางพื้นที่ที่ถือว่าเสียมารยาท
  • ไม่ถอดเสื้อ หรือแต่งกายโป๊เกินไปในสถานที่สาธารณะทั่วไป (ยกเว้นบริเวณที่อนุญาต เช่น ออนเซ็น)
  • เคารพป้าย “ห้ามถ่ายรูป / ห้ามเข้า / ห้ามจอด” อย่างเคร่งครัด

กฎเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ให้กลัว แต่มีไว้ให้ทุกคน “ใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างสบายใจ”

มุมการเมือง–นโยบาย: รมว.ท่องเที่ยวฯ ชี้ชัด “ทุกการกระทำเชิงลบ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ”

เหตุการณ์นี้ดังจนระดับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ต้องออกมาพูดที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 โดยยอมรับตามตรงว่า

  • เรื่องนี้ “กระทบภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทยแน่นอน”
  • แม้ยังไม่ได้เห็นคลิปเต็ม แต่จากข้อมูลที่ปรากฏในข่าวก็เพียงพอให้มองว่าไม่เหมาะสม
  • รัฐไม่สามารถห้ามคนทำคอนเทนต์ได้ เพราะถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
  • แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการกระทำนั้น ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันโดยเฉพาะเรื่อง ภาพลักษณ์ประเทศไทย

รมว.ท่องเที่ยวฯ ยังย้ำว่า ที่ผ่านมาไทยพยายาม รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวไทยในต่างแดนเคารพวัฒนธรรมและกฎระเบียบของประเทศปลายทาง เพราะทุกพฤติกรรมที่เป็นลบ มีผลสะสมต่อความรู้สึกของคนท้องถิ่นที่มีต่อคำว่า “นักท่องเที่ยวไทย”

พร้อมทั้งพูดชัดว่า หากเป็นไปได้ ตัวท่านเองก็อยากให้ “เที่ยวในประเทศมากกว่า” แต่หากจะเดินทางไปต่างประเทศจริงๆ ก็ขอให้ช่วยกันระมัดระวัง ไม่สร้างปัญหาต่อภาพรวมของชาติ

เมื่อถูกถามว่าจะมีการสื่อสารกับต่างชาติ เพื่ออธิบายว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนี้หรือไม่ เจ้าตอบว่า มีการพยายามสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ยิ่งทำให้ภาระงานด้านภาพลักษณ์ต้องทำหนักขึ้นไปอีก

ผลกระทบระยะยาว: ไม่ใช่แค่ดราม่าชั่วคราว แต่อาจโยงถึงวีซ่า–นโยบายท่องเที่ยว

แม้วันนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าเคสนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎวีซ่าหรือไม่ แต่ในเชิงภาพรวมแล้ว สิ่งที่น่ากังวลคือ

  • ญี่ปุ่นอาจเข้มงวดขึ้นในการดูแลกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีข่าวด้านลบถี่
  • บางพื้นที่อาจออกกฎเพิ่ม เช่น จำกัดโซนถ่ายรูป ห้ามจอดรถถ่ายคอนเทนต์ หรือเพิ่มโทษปรับ
  • นักท่องเที่ยวไทยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อาจโดนมองด้วยสายตาระแวงมากขึ้น

ทั้งหมดนี้คือ “ต้นทุน” ที่คนทั้งประเทศต้องรับไปพร้อมกับคอนเทนต์ไม่กี่วินาทีบนโลกออนไลน์

บทเรียนสำคัญจากดราม่าแจ็ก แปปโฮ

  1. คอนเทนต์ไม่ใช่ข้อยกเว้นของกฎหมาย
    แค่ถือกล้องถ่าย ไม่ได้แปลว่าทำอะไรก็ได้ในที่สาธารณะ
  2. ชื่อเสียงในโลกออนไลน์ แลกมากับชื่อเสียงของประเทศไม่ได้
    คนดูอาจจำได้ว่าสนุก แต่คนต่างชาติอาจจำได้ว่า “ไทยคือประเทศที่มียูทูบเบอร์ปีนรถเต้นหน้าฟูจิ”
  3. ทุกคนเป็นตัวแทนประเทศโดยไม่รู้ตัว
    ไม่ว่าจะเป็นดารา อินฟลูเอนเซอร์ หรือคนธรรมดา แค่ถือพาสปอร์ตไทยเดินอยู่ต่างแดน คุณก็กลายเป็นภาพจำของคนต่างชาติแล้ว
  4. มารยาทนักท่องเที่ยวคือพื้นฐานของการเป็นพลเมืองโลก
    การเที่ยวสนุกไม่ได้แปลว่าต้องเหยียบเส้นของคนอื่น การเคารพกติกาของประเทศปลายทางคือการให้เกียรติเจ้าบ้าน และให้เกียรติตัวเอง

สรุปส่งท้ายจากบ้านกีฬา

ดราม่า แจ็ก แปปโฮปีนรถเต้นเปลือยวิวฟูจิ คือเคสตัวอย่างที่ชัดเจนว่า “แค่คลิปไม่กี่วินาที” สามารถลุกลามกลายเป็นดราม่าระดับชาติได้อย่างไร ทั้งในมุมกฎหมาย มุมสังคม และมุม ภาพลักษณ์ประเทศไทย ในสายตาชาวโลก

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าญี่ปุ่นจะเอาผิดตามกฎหมายหรือไม่ แต่บทเรียนที่ทุกคนควรเก็บกลับบ้านคือ

เวลาเราออกนอกประเทศ เราไม่ได้แบกแค่กระเป๋าเดินทางไป
แต่เราแบก ธงชาติไทย ติดตัวไปด้วยทุกก้าว

ขอขอบคุณคลิปจาก @jack_papho69

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ครบทุกมุม ทั้งกีฬา ฮอตท็อปปิก และดราม่าระดับชาติแบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา