ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกโซเชียลเดือดพล่านกับคำว่า “หมอนทองวิทยา” ทีมฟุตบอลมัธยมเล็กๆ จาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่กลายเป็นไวรัลแห่งปีในวงการกีฬาไทย จากโรงเรียนที่ไม่มีใครรู้จัก สู่การเป็น “ทีมมหาอัศจรรย์” ในศึก ฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD แชมเปียนคัพ 2025 และเส้นทางทั้งหมดนี้กำลังจะพาเด็กๆ กลุ่มหนึ่งไปถึง “สนามศุภชลาศัย” สนามฟุตบอลแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศ

⚽ จากทีมเล็กๆ สู่วิรกรรมครั้งใหญ่บนเวที 7 สี
ทีมหมอนทองวิทยาไม่ใช่ทีมโรงเรียนดัง ไม่มีงบ ไม่มีผู้สนับสนุนใหญ่ แต่สิ่งที่มีคือ หัวใจและความฝัน เด็กๆ กลุ่มนี้ถูกพามาแข่งโดย อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ ครูพลศึกษาผู้เป็นทั้งโค้ชและพ่อคนที่สองของพวกเขา เขาขับ รถหกล้อสีน้ำเงินเก่าๆ ที่ถูกขนานนามว่า “รถขนฝัน” พาเด็กๆ เดินทางจากบางน้ำเปรี้ยวเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อแข่งขันในรายการใหญ่ระดับประเทศ
ในรอบก่อนหน้า พวกเขาสร้างปรากฏการณ์ “ล้มยักษ์” เมื่อสามารถโค่นอดีตแชมป์อย่าง โรงเรียนเทพศิรินทร์ และต่อยอดคว้าชัยเหนือ อัสสัมชัญศรีราชา ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยสกอร์สุดมัน 6-3 จนได้สิทธิ์เข้าชิงชนะเลิศกับ อบจ.ชัยนาท

🏟 สนามศุภชลาศัย – เวทีแห่งความฝันของเด็กไทย
การที่ “หมอนทองวิทยา” จะได้ลงแข่งที่ สนามศุภชลาศัย หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “สนามกีฬาแห่งชาติ” ถือเป็นเกียรติสูงสุดของทีมฟุตบอลระดับนักเรียน เพราะสนามนี้คือ เวทีที่เคยใช้จัดการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ ตั้งแต่เอเชียนเกมส์, ซีเกมส์, AFF Suzuki Cup รวมถึงแมตช์อุ่นเครื่องของทีมชาติไทย
สนามแห่งนี้เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2478 ถือเป็นสนามฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของไทย มีความจุประมาณ 25,000 ที่นั่ง และเป็นสัญลักษณ์ของ “ความฝันของนักฟุตบอลเยาวชนไทย” ที่อยากสัมผัสสนามนี้สักครั้งในชีวิต
ดังนั้น การที่เด็กๆ จากโรงเรียนเล็กในชนบท จะได้เดินลงสนามเดียวกับรุ่นพี่ที่เคยกลายเป็นแข้งทีมชาติ เช่น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน หรือชนาธิป สรงกระสินธ์ จึงไม่ใช่แค่การแข่งขันธรรมดา แต่มันคือ “ชัยชนะของหัวใจ” ที่ก้องไปทั่วประเทศ

🚛 “รถขนฝัน” สัญลักษณ์แห่งความเชื่อและความหวัง
แม้จะมีผู้ใหญ่ใจดีจากหลายสโมสรและภาครัฐเสนอรถบัสใหม่ให้ใช้เดินทาง แต่ อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ และเด็กๆ กลับเลือกที่จะใช้ “รถคันเดิม” เพราะเชื่อว่ามันคือรถนำโชค พาหัวใจและความฝันจากบ้านเกิดสู่ความสำเร็จ
“เราเริ่มต้นด้วยรถคันนี้ ก็อยากจะจบด้วยรถคันนี้ เพราะมันพาเราฝ่าฝน ฝ่าพายุ จนมาถึงวันนี้”
— คำกล่าวของ อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ
รถหกล้อสีน้ำเงินคันนี้ไม่เพียงเป็นพาหนะเดินทาง แต่เป็น “แรงบันดาลใจ” ของทั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อชาวบ้านกว่า 500 คน ร่วมกันระดมทุน สนับสนุน และเดินทางด้วยรถบัส 10 คัน เพื่อเข้าไปเชียร์ทีมบ้านเกิดที่สนามศุภชลาศัย พร้อมเงินอัดฉีดรวมกว่า 3 หมื่นบาทต่อประตู ที่เด็กๆ ยิงได้

👨🏫 อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ – ครูผู้สร้างนักฟุตบอลจากศูนย์
ก่อนหน้านี้ อ.สกล เคยสร้างชื่อกับโรงเรียน สุรศักดิ์มนตรี พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล 7 สี 3 สมัย และปั้นดาวดังเข้าสู่ทีมชาติหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ศศลักษณ์ ไหประโคน, หรือ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์
แต่วันนี้ เขาเลือกกลับมาปั้นทีมโรงเรียนเล็กที่แทบไม่มีทรัพยากร เพราะเชื่อใน “ศักยภาพของเด็กต่างจังหวัด” ที่หากได้รับโอกาส ก็สามารถก้าวไกลได้ไม่แพ้ใคร เขามักพูดเสมอว่า
“การสร้างนักฟุตบอลที่ดี ต้องเริ่มจากการสร้างคนที่ดี”
แนวคิดนี้สะท้อนชัดเจนในทุกการซ้อม ทุกการแข่งขัน ที่เขาสอนเด็กๆ ให้มีระเบียบ วินัย และเคารพในเกมมากกว่าผลลัพธ์

🧡 ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า “ถ้วยรางวัล”
ไม่ว่าผลการแข่งขันรอบชิงที่สนามศุภชลาศัยจะออกมาอย่างไร “หมอนทองวิทยา” ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับฟุตบอลนักเรียนไทยแล้ว พวกเขาคือภาพแทนของ ความมุ่งมั่น ความอดทน และพลังของครูผู้ศรัทธาในศักยภาพของเด็กไทย
ในยุคที่สังคมบางส่วนมองว่าฟุตบอลเป็นเพียงกีฬา “ของคนมีเงิน” ทีมหมอนทองวิทยาได้พิสูจน์ว่า “หัวใจ” สำคัญกว่างบประมาณ และ “ความฝัน” สามารถขับเคลื่อนรถหกล้อเก่าๆ ให้วิ่งถึงสนามแห่งเกียรติยศได้จริง

🌤 บทเรียนจากหมอนทองวิทยา: ฟุตบอลไทยต้องเริ่มจากรากหญ้า
เรื่องราวของหมอนทองวิทยาไม่ใช่แค่ไวรัล แต่เป็นบทเรียนของระบบพัฒนาเยาวชนไทยว่า ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ขนาดของโรงเรียน แต่อยู่ที่คนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
หากประเทศไทยมีระบบสนับสนุนแบบยั่งยืนสำหรับโรงเรียนเล็กๆ เช่นนี้มากขึ้น เราอาจได้เห็น “เพชรเม็ดงาม” เกิดขึ้นจากทุกจังหวัด
สนามศุภชลาศัยในวันนี้ จึงไม่ได้เป็นแค่เวทีแข่งขันฟุตบอล แต่คือ “สนามแห่งศรัทธา” ที่จะส่องประกายให้วงการฟุตบอลเยาวชนไทยเดินต่ออย่างมั่นคง

บ้านกีฬา ขอชื่นชม “อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ” และลูกทีมทุกคนจากหมอนทองวิทยา ที่ไม่เพียงสร้างตำนาน แต่ยังปลุกพลังของคำว่า “ฟุตบอลเพื่อชีวิต” ให้กลับมาอีกครั้ง
📍 ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่ออัปเดตทุกความเคลื่อนไหวของกีฬาไทย — ทั้งในสนามและนอกสนาม

