ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “ยุคแห่งการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่” หลังคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เห็นชอบในหลักการโครงการ “ซื้อหนี้เสียรายย่อยผ่าน AMC” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ติดหนี้เสีย (NPLs) กว่า 2.3 ล้านบัญชี มูลค่ากว่า 6.2 หมื่นล้านบาท ให้สามารถกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้

💰 จุดเริ่มต้นของโครงการ “AMC แก้หนี้คนไทย”
นาย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ภายใต้กรอบ “การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชน” ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยมาหลายปี
โดยโครงการนี้จะใช้กลไกของ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC – Asset Management Company) เข้ามาซื้อหนี้เสียรายย่อยจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อบริหารจัดการและปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้แต่ละราย
เป้าหมายหลักคือให้ลูกหนี้ สามารถปิดจบหนี้และกลับมามีประวัติสินเชื่อดีได้อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อใหม่ในอนาคต และลดแรงกดดันต่อระบบการเงินโดยรวม
📊 ตัวเลขชี้ชัด – หนี้เสียรายย่อยกว่า 3.45 ล้านรายทั่วประเทศ
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังระบุว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสีย (NPLs) ไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 รวมกว่า 3.45 ล้านราย (4.76 ล้านบัญชี) คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 1.22 แสนล้านบาท
ในเฟสแรกของโครงการ จะช่วยเหลือได้ประมาณ 2 ล้านราย (2.36 ล้านบัญชี) มูลค่าหนี้รวมราว 62,400 ล้านบาท โดยจะเน้นกลุ่มลูกหนี้ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและต้องการโอกาสในการเริ่มต้นใหม่

🏦 กลไกการดำเนินงาน – “รัฐซื้อหนี้คืน” แล้วรีเซ็ตชีวิตลูกหนี้
โครงการนี้แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 กลุ่มใหญ่
กลุ่มที่ 1: การโอนหนี้ไปบริหารใน AMC
ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินจะถูกโอนหนี้ไปบริหารโดย
- บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM)
- บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC)
AMC ทั้งสองแห่งจะนำหนี้ที่ซื้อมา ปรับโครงสร้างใหม่อย่างเป็นธรรม เช่น
- ลดดอกเบี้ย
- ยกเว้นค่าธรรมเนียม
- เสนอเงื่อนไขผ่อนชำระระยะยาว
- เปิดทางให้ลูกหนี้ปิดบัญชีด้วยการชำระบางส่วน
กลุ่มที่ 2: การช่วยเหลือตรงโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)
สำหรับลูกหนี้ที่อยู่กับธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส., ออมสิน หรือ ธอส. รัฐบาลให้อำนาจดำเนินมาตรการเฉพาะ เช่น
- การลดเงินต้นหรือดอกเบี้ยบางส่วน
- การชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชี
- การติดตามหนี้อย่างผ่อนปรน
- และในบางกรณีอาจตัดเป็นหนี้สูญหากลูกหนี้ขาดศักยภาพจริง
ทั้งสองแนวทางนี้ถือเป็น “โอกาสทองของลูกหนี้ไทย” ที่จะได้หลุดพ้นจากวงจรหนี้เสียและกลับมามีศักยภาพทางการเงินอีกครั้ง
🧩 เป้าหมายใหญ่: ปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือน
นาย วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเสริมว่า หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 87% ของจีดีพี ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นของเอเชีย การผลักดันโครงการนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการ “เปิดทางออก” ให้หนี้ครัวเรือนกลับสู่ระบบ
“ลูกหนี้รายย่อยเหล่านี้จำนวนมากมียอดหนี้ไม่ถึงแสนบาท แต่กลับกลายเป็นหนี้เสียที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อีก โครงการนี้จะช่วยให้พวกเขากลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ธปท. ยังร่วมกับ เครดิตบูโร เพื่อสร้าง “รหัสพิเศษ (Code 16)” สำหรับลูกหนี้ในโครงการ โดยระบุสถานะว่าเป็น “กลุ่มได้รับการช่วยเหลือ” ซึ่งจะไม่ถูกจำกัดสิทธิ์ในการขอสินเชื่อใหม่เหมือนเดิม หากมีวินัยการชำระหนี้ดีต่อเนื่อง

🔄 ความแตกต่างจากการขายหนี้เดิม
นาย ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า การขายหนี้ให้ AMC ครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีต เพราะรัฐบาลตั้งเป้า “ช่วยลูกหนี้ให้รอด” ไม่ใช่ “ขายหนี้ให้เก็บ”
ลูกหนี้ที่อยู่ในโครงการจะได้รับการดูแลแบบ Case by Case โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการฟื้นตัว เช่น หากลูกหนี้ชำระดีติดต่อกัน 3–6 เดือน ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้ทันที เพื่อกลับมาทำงานหรือทำธุรกิจใหม่
💡 มุมมองเชิงโครงสร้าง: โอกาสรีเซ็ตระบบหนี้ไทย
โครงการนี้ไม่ได้ช่วยเพียงรายบุคคล แต่ยังเป็นการฟื้นฟูเสถียรภาพของระบบการเงินไทยในระยะยาว เพราะหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อ การลดภาระหนี้และรีเซ็ตสถานะลูกหนี้จึงเป็นการ “ปลดล็อกวงจรเศรษฐกิจ”
เมื่อหนี้ถูกปรับโครงสร้างและลูกหนี้กลับมาชำระได้อีกครั้ง สถาบันการเงินก็จะสามารถหมุนเงินกลับเข้าสู่ระบบ ผ่านการปล่อยกู้ใหม่ในภาคธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในระยะยาว
📅 กำหนดการดำเนินงาน
ครม.เศรษฐกิจได้เห็นชอบในหลักการแล้ว โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ เพื่ออนุมัติอย่างเป็นทางการ พร้อมลงนาม บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคารไทย และบริษัท AMC ต่าง ๆ
หลังจากนั้นจะเริ่มโอนบัญชีหนี้ชุดแรกภายในปลายปี 2568 และตั้งเป้าช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยกว่า 2 ล้านราย ให้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในปี 2569

🏁 บทสรุป: จุดเริ่มต้นของ “ประเทศไทยไร้หนี้เสีย”
การเดินหน้าโครงการซื้อหนี้เสียครั้งนี้นับเป็นหนึ่งใน มาตรการประวัติศาสตร์ของระบบการเงินไทย ที่มุ่งช่วยคนมากกว่าช่วยสถาบัน สะท้อนความตั้งใจของภาครัฐในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ “มีหัวใจของประชาชน” เป็นศูนย์กลาง
“โครงการนี้ไม่ใช่แค่ช่วยปลดหนี้ แต่คือการคืนศักดิ์ศรีและความหวังให้คนไทยอีกครั้ง”
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกกระแสเศรษฐกิจและนโยบายสำคัญของประเทศ

