
วงการครูสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ บอร์ดคุรุสภา มีมติ “ยกเลิกการสอบวิชาเอก” ในการขอรับ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู อย่างเป็นทางการ เพื่อปรับระบบการทดสอบให้ทันสมัยและลดภาระของผู้เข้าสอบ โดยจะมีผล ทันทีตั้งแต่เดือนมกราคม 2569 เป็นต้นไป — ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของวงการการศึกษาไทย
เปิดเหตุผลสำคัญ: ทำไมต้องยกเลิก “การสอบวิชาเอก”
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภาได้มีมติชัดเจนให้ยกเลิกการสอบกลุ่มวิชาเอกในการขอใบประกอบวิชาชีพครู โดยให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาดำเนินการแก้ไขข้อบังคับคุรุสภา พ.ศ. 2565 เพื่อให้ประกาศใช้ข้อบังคับฉบับใหม่โดยเร็ว
เหตุผลหลักคือ “เพื่อไม่ให้เป็นภาระซ้ำซ้อนของผู้เข้าสอบ” เนื่องจากครูผู้สมัครสอบทุกคนได้ผ่านการเรียนในสาขาวิชาเอกมาแล้วจากมหาวิทยาลัย อีกทั้งเมื่อเข้าสอบบรรจุเป็น ข้าราชการครู หรือ ครูผู้ช่วย ก็มีการสอบในกลุ่มวิชาเอกอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสอบซ้ำอีกครั้งในขั้นตอนขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
นอกจากนี้ ผู้แทนจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ยังเสนอแนะในที่ประชุมว่า การสอบซ้ำซ้อนอาจ “ก้าวก่าย” อำนาจของมหาวิทยาลัยที่ดูแลคุณภาพการสอนอยู่แล้ว เพราะสถาบันอุดมศึกษามีระบบประเมินหลักสูตรและคุณวุฒิที่เข้มงวดอยู่ภายใต้การควบคุมของ อว.
กล่าวได้ว่า คุรุสภากำลัง “คืนอำนาจ” ให้กับมหาวิทยาลัยดูแลคุณภาพทางวิชาการ ขณะที่ตนเองจะโฟกัสในด้าน “จรรยาบรรณและสมรรถนะวิชาชีพครู” มากขึ้น

ระบบใหม่ของคุรุสภา: เน้นสอบวิชาครู–ลดซ้ำซ้อน เพิ่มคุณภาพ
จากเดิมที่ผู้ขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูต้องสอบทั้ง 2 ส่วน ได้แก่
- การสอบวิชาครู (ทั่วไป) เช่น ความรู้ทางการสอน จิตวิทยาการศึกษา และจรรยาบรรณครู
- การสอบวิชาเอก (เฉพาะสาขา เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ ฯลฯ)
แต่หลังจากมติใหม่นี้ คุรุสภาจะ คงไว้เฉพาะการสอบวิชาครูเท่านั้น โดยเน้นการวัดความพร้อมทางวิชาชีพ การเข้าใจบทบาทหน้าที่ และจรรยาบรรณในการสอน
นางนฤมลระบุว่า “สิ่งที่สำคัญคือเราต้องการครูที่มีคุณภาพทั้งความรู้และคุณธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ท่องตำราสอบให้ผ่าน แต่ต้องเข้าใจการเป็นผู้สอนในเชิงลึก และสามารถดูแลนักเรียนได้ทั้งใจและกาย”
เปิดช่องทางใหม่ “P-License” ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ คุรุสภายังเปิดทางให้ผู้ที่จบหลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แต่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพ สามารถเข้าเรียนใน หลักสูตร 7 โมดูล เพื่อขอรับ “ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู (P-License)” ได้ ซึ่งเป็นใบอนุญาตชั่วคราว สำหรับผู้ที่ผ่านการรับรองจากคุรุสภาแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการทดสอบสมรรถนะทางวิชาชีพ
ระบบนี้ช่วยเปิดโอกาสให้ครูรุ่นใหม่ได้เข้ามาฝึกปฏิบัติจริงในสถานศึกษา พร้อมต่อยอดไปสู่การขอใบอนุญาตถาวรในอนาคต เป็นแนวทาง “ครูฝึกหัดยุคใหม่” ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานครูในปัจจุบัน

รายชื่อมหาวิทยาลัยที่ได้รับรองหลักสูตรใหม่
ที่ประชุมคุรุสภายังอนุมัติรับรองคุณวุฒิทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย 17 แห่ง รวมทั้งหมด 23 หลักสูตร ประกอบด้วย
- ปริญญาตรีทางการศึกษา 11 หลักสูตร
- ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 5 หลักสูตร
- ประกาศนียบัตรบัณฑิตบริหารการศึกษา 1 หลักสูตร
- ปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพครู) 1 หลักสูตร
- ปริญญาโททางการศึกษา (บริหารการศึกษา) 5 หลักสูตร
รวมถึงการปรับแผนการรับนักศึกษาปริญญาโทด้านการศึกษาอีก 5 สถาบัน เพื่อให้สอดคล้องกับระบบใหม่ของคุรุสภา
ความหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต่อวงการครูไทย
การยกเลิกสอบวิชาเอก ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของครูจะลดลง ตรงกันข้าม นี่คือ “การยกระดับมาตรฐานในอีกมิติ” — จากการวัดความรู้ทางทฤษฎี สู่การประเมิน “จิตวิญญาณของความเป็นครู”
เพราะในความเป็นจริง ครูยุคใหม่ต้องมีความเข้าใจด้านจิตวิทยา การจัดการชั้นเรียน และการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา ซึ่งเป็นทักษะที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วในศตวรรษที่ 21 ไม่ต่างจากการที่ประเทศพัฒนาแล้วเน้น “การประเมินทักษะการสอนจริง” มากกว่า “การสอบข้อเขียนซ้ำซ้อน”
นอกจากนี้ การยกเลิกการสอบซ้ำยังเป็นการลด “ค่าใช้จ่ายและเวลา” ของครูผู้เข้าสอบ ช่วยให้พวกเขามีโอกาสเตรียมตัวสำหรับการสอบบรรจุครู หรือการพัฒนาทักษะสอนในโรงเรียนจริงได้ดียิ่งขึ้น
มองไปข้างหน้า: คุรุสภายุคใหม่กับภาพอนาคตของวิชาชีพครู
สิ่งที่คุรุสภากำลังทำคือการ “รีแบรนด์” วิชาชีพครูไทยให้เข้ากับโลกยุคใหม่ — ครูไม่ใช่แค่ผู้สอน แต่เป็น “ผู้ออกแบบการเรียนรู้” ที่ต้องมีทั้งความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และจรรยาบรรณ
ในอนาคตอันใกล้ การมีใบอนุญาตครูอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว แต่อาจรวมถึง “แฟ้มสะสมงาน (Portfolio)”, “การสอนจำลอง (Micro Teaching)” และ “การประเมินสมรรถนะเชิงพฤติกรรม” ซึ่งสะท้อนการเป็นครูอย่างแท้จริง

ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในเดือนมกราคม 2569 นี้ อาจถือเป็น “จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์” ของวงการครูไทย ที่กำลังจะก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง “ครูมืออาชีพที่มีหัวใจแห่งการสอน” อย่างแท้จริง
บ้านกีฬา มองว่านี่ไม่ใช่แค่การปรับเกณฑ์สอบ แต่คือการสร้างรากฐานใหม่ของการศึกษาไทย ที่จะส่งผลต่อเด็กไทยรุ่นต่อ ๆ ไปโดยตรง เพราะ “ครูที่ดี” คือรากฐานของ “การศึกษาที่มั่นคง”
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดการอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวในวงการการศึกษาไทย

