
เมื่อเอ่ยถึง “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ชาวไทยทุกคนต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงเป็น สัญลักษณ์แห่งความรัก ความเสียสละ และความงดงามของหญิงไทย ทรงเป็น “แม่แห่งแผ่นดิน” ผู้ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพ เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นที่ราบลุ่มหรือภูเขาห่างไกล เพื่อประทานความช่วยเหลือให้พสกนิกรได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“ศิลปาชีพ” พระราชดำริที่โอบอุ้มแผ่นดินไทย
หนึ่งในพระราชกรณียกิจสำคัญที่ชาวไทยรู้จักอย่างกว้างขวาง คือการก่อตั้ง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ” เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบทให้มีอาชีพ มีรายได้ และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ พระองค์ทรงเล็งเห็นคุณค่าของหัตถกรรมไทยที่ซ่อนอยู่ในทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอ เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องเงินพื้นบ้าน พระองค์ทรงผลักดันให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณค่าและสร้างรายได้แก่ชุมชน
พระราชดำรัสหนึ่งที่ยังคงตราตรึงใจของคนไทยคือ
“ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน… ขอเพียงแต่ให้เขาได้โอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้”
ทุกวันนี้ ศูนย์ศิลปาชีพกว่า 300 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ผลิตผลงานอันงดงามประณีตที่ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยอย่างยั่งยืน

ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
พระองค์ทรงดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพัฒนาระบบสาธารณสุขและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ยากไร้และผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้รัฐบาลไทยมีมติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ”

พระราชกรณียกิจด้านการทหารและมนุษยธรรม
พระองค์ทรงดำรงตำแหน่ง พันเอกผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ทรงให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ และยังทรงยื่นพระหัตถ์ช่วยเหลือผู้อพยพในเหตุการณ์สงครามเขมรแดง พ.ศ. 2522 ด้วยการจัดตั้ง “ศูนย์ราชการุณย์” ที่จังหวัดตราด เพื่อให้ความช่วยเหลือและอบรมวิชาชีพแก่ผู้ลี้ภัย
พระเมตตาของพระองค์ได้รับการยกย่องจากนานาชาติ พระองค์ทรงได้รับรางวัลและเกียรติยศระดับโลกมากมาย อาทิ เหรียญซีเรสจาก FAO (พ.ศ. 2522), รางวัลบุคคลดีเด่นด้านพิทักษ์เด็ก (พ.ศ. 2524), รางวัลจากยูเนสโก (พ.ศ. 2535) และยูนิเซฟ (พ.ศ. 2535) ยืนยันถึงพระเกียรติคุณในฐานะผู้นำด้านมนุษยธรรมและสิทธิสตรีระดับโลก
ด้านเกษตรกรรมและน้ำ พระมรดกแห่งความยั่งยืน
พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการเกษตร วิจัยพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้ โดยยึดแนวคิดการพัฒนาแบบพอเพียง ทรงเน้น “เกษตรผสมผสาน” เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม แนวทางนี้เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเกษตรกรรมไทยจนถึงปัจจุบัน
“ชุดไทยพระราชนิยม” พระอัจฉริยภาพที่ยกระดับแฟชั่นไทย
พระองค์ทรงเป็น ผู้ออกแบบและฟื้นฟู “ชุดไทยพระราชนิยม” ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2503 เพื่อเป็นการแสดงอัตลักษณ์ของชาติไทยบนเวทีโลก โดยร่วมงานกับดีไซเนอร์ระดับโลก ปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain) ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ได้แก่
- ชุดไทยเรือนต้น
- ชุดไทยจักรี
- ชุดไทยจักรพรรดิ
- ชุดไทยอมรินทร์
- ชุดไทยศิวาลัย
- ชุดไทยบรมพิมาน
- ชุดไทยจิตรลดา
- ชุดไทยดุสิต
พระสิริโฉมและรสนิยมอันเลิศหรูของพระองค์ทำให้ไทยได้รับการยกย่องบนเวทีแฟชั่นโลก พระองค์ทรงติดอันดับ “สตรีแต่งกายงามที่สุดในโลก” หลายปีซ้อน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีไทยรุ่นแล้วรุ่นเล่า

พระราชประวัติ พระพันปีหลวง “สิริกิติ์” ศรีแห่งแผ่นดิน
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ กรุงเทพมหานคร ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร ทรงเติบโตในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และซึมซับทั้งความเข้มแข็งและศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่วัยเยาว์
พระองค์ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชินีและเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ก่อนเสด็จฯ ไปต่างประเทศ เนื่องจากพระบิดารับตำแหน่งทูตไทย ทรงเปิดโลกทัศน์ทางศิลปะและดนตรีคลาสสิก จนเมื่อปี พ.ศ. 2491 ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ณ กรุงปารีส และภายหลังทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 กลายเป็น “คู่พระบารมี” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย

พระแม่แห่งชาติ “ต้นแบบของสตรีไทย”
พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีไทยทั้งประเทศ ทรงยึดถือความอ่อนโยนและความเข้มแข็งอย่างมีสมดุล พระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายและเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา ทำให้ชาวไทยถวายพระสมัญญาว่า “แม่แห่งชาติ” และเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ได้รับการประกาศให้เป็น “วันแม่แห่งชาติ” เพื่อรำลึกถึงพระคุณแม่และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
เสด็จสู่สวรรคาลัย
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 21.21 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระศพด้วยพระเกียรติยศสูงสุด ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พสกนิกรไทยร่วมถวายความอาลัยอย่างสมพระเกียรติ

สตรีไทยผู้เป็นนิรันดร์
พระองค์มิใช่เพียงสมเด็จพระราชินีของชาติ แต่ทรงเป็น “แรงบันดาลใจนิรันดร์” ของหญิงไทย พระเมตตา ความเสียสละ และพระราชจริยวัตรอันงดงามจะสถิตอยู่ในใจของคนไทยตราบนานเท่านาน
“พระแม่แห่งแผ่นดิน” จะคงอยู่ในใจไทยทุกคนตราบชั่วนิรันดร์
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

