ประเด็นร้อนทางการเมืองที่กำลังจุดไฟกลางโลกโซเชียลคือศึกปะทะระหว่าง “ไอซ์ รักชนก” ส.ส.หญิงพรรคประชาชน กับ “กัน จอมพลัง” ฮีโร่ชายแดนที่กลายเป็นบุคคลสาธารณะฝ่ายขวาที่ถูกจับตามองอย่างหนัก ล่าสุดการเปิดศึกด้วยคำพูดสาดกันไปมาไม่ใช่แค่ดราม่าชั่วคราว แต่กำลังโยงเข้าสู่ประเด็นเชิงโครงสร้างทางอำนาจที่ลึกกว่านั้น

📌จุดเริ่มต้นของศึก
- ไอซ์ รักชนก ออกมาตั้งคำถามและวิพากษ์บทบาทของ กัน จอมพลัง ที่ลงพื้นที่ช่วยชายแดน
- เธอตั้งประเด็นเรื่อง “เส้นเงิน” และความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี
- โลกโซเชียลฝ่ายกองเชียร์ไอซ์ และฝ่ายกัน ปะทะกันดุเดือดตลอด 24 ชั่วโมง
🧭ปมที่โยงถึงอำนาจการเมือง
- กัน จอมพลัง เคยได้รับการสนับสนุนและมีภาพร่วมกับ ธรรมนัส ซึ่งถูกขุดคลิปเป็นเจ้าภาพงานแต่งของเขา
- ฝ่ายไอซ์มองว่า นี่คือความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างอำนาจ ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว
- คำพูด “บะหมี่มีแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก” กลายเป็นไวรัล เพราะสะท้อนการเสียดสีถึงจุดกำเนิดของกันที่เริ่มจากพ่อค้าบะหมี่
🪙มุมของฝ่ายไอซ์ รักชนก
- ต้องการตั้งคำถามสาธารณะ ไม่ใช่โจมตีส่วนบุคคล
- เชื่อว่าเมื่อมีอิทธิพล–เงิน–อำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ
- หากกันโปร่งใสจริง ไม่ควรกลัวการตรวจสอบ
- ชี้ว่าการระดมทรัพยากรช่วยชายแดนถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรมี “แบ็กการเมือง” อยู่เบื้องหลังโดยไม่บอกประชาชน
🛡มุมของฝ่าย กัน จอมพลัง
- ปฏิเสธการได้รับเงินสนับสนุนจากธรรมนัส ยืนยันว่าได้จาก “แฟนคลับ”
- พร้อมเปิดบัญชีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
- ชี้ว่าไอซ์มีอคติ และการขุดเรื่องส่วนตัวมาปะทะคือการเบี่ยงประเด็นจากปัญหาชายแดนจริง
- ปฏิเสธว่าไม่เคยสั่งแฟนคลับ “ล่าแม่มด”

🧨โซเชียลคือสนามรบสำคัญ
- การปะทะกันครั้งนี้ลามไปทั่วโลกโซเชียล
- มีกลุ่มกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายระดมโพสต์โจมตีและปกป้องฝ่ายของตน
- กระแสนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของทั้งคู่
- ชี้ให้เห็นว่า “การเมืองยุคใหม่” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสภา แต่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์
📜ประเด็นสิทธิมนุษยชนและภาพจำของไอซ์
- ไอซ์ รักชนก เคยเป็นผู้เคลื่อนไหวทางโซเชียลที่รุนแรง ใช้ถ้อยคำแรง
- เธอโดนคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี (ไม่รอลงอาญา) เมื่อปี 2566
- แม้ปัจจุบันมีบทบาทโดดเด่นในการตรวจสอบ แต่ภาพจำในอดีตยังคงตามหลอกหลอนและถูกนำมาโจมตีซ้ำ
🪖บทบาทของกันในภาวะชายแดนตึงเครียด
- กัน จอมพลัง ระดมความช่วยเหลือไปแนวหน้าชายแดนไทย–กัมพูชา
- ภาพการทำงานจริงในพื้นที่ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนจำนวนมาก
- แต่บทบาทนี้เองที่กลายเป็น “ดาบสองคม” เมื่อถูกจับตาเรื่องเส้นทางการสนับสนุน

🕵️ทำไมเรื่องนี้สำคัญกับประชาชน
- ประชาชนมีสิทธิ์รู้ว่าใครสนับสนุนใคร และเงินที่ใช้มาจากไหน
- ความโปร่งใสเป็นหัวใจของประชาธิปไตย ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ต้องถูกตรวจสอบ
- ดราม่าครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การด่ากันของนักการเมือง แต่สะท้อนความไม่ไว้วางใจของสังคมต่อโครงสร้างอำนาจ
🧠บทเรียนจากเหตุการณ์
- การใช้สื่อออนไลน์เป็นเวทีการเมืองต้องรับผิดชอบคำพูด
- การตรวจสอบต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่อารมณ์
- ทั้งสองฝ่ายควรเปิดเผยข้อมูลมากกว่าการโจมตีส่วนตัว
- สังคมควรยึด “ข้อเท็จจริง” ไม่ใช่ “ฝั่งที่ชอบ”
📌สิ่งที่สังคมควรทำต่อ
- ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์หรือเชื่อข่าว
- สนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลทางการเมืองของทุกฝ่าย
- กดดันนักการเมืองให้โปร่งใสเท่าเทียมกัน ไม่ว่าฝ่ายใด
- แยก “ความนิยมส่วนตัว” ออกจาก “หน้าที่สาธารณะ”

🏁มุมมองในระยะยาว
- ศึกนี้ไม่จบง่าย เพราะโยงทั้งการเมืองระดับชาติ ฐานเสียง และภาพลักษณ์สาธารณะ
- อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทั้งกันและไอซ์ในเวทีการเมืองจริง
- สะท้อนชัดว่า การเมืองไทยยุคนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังโซเชียล พอๆ กับในรัฐสภา
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

