ชูวิทย์จี้ “อนุทิน” ฉวยจังหวะทอง ปราบสแกมเมอร์กลาง ครม. หากเดินเกมนี้สำเร็จ คะแนนนิยม “ภูมิใจไทย” พุ่ง

สถานการณ์ “สแกมเมอร์ข้ามชาติ” กลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่ร้อนแรงที่สุดของไทยในขณะนี้ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นชนวนทางการเมืองครั้งใหญ่ เมื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลเชื่อมโยงนักการเมืองไทยกับเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฉวยจังหวะนี้ “ล้างบาง” เครือข่ายสีเทาในคณะรัฐมนตรี เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชนและกวาดคะแนนนิยมทางการเมืองในสนามเลือกตั้ง

🧭 จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ “สแกมเมอร์”

ชูวิทย์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมว่า ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์นี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ถูกสืบต่อมาตั้งแต่ยุค “จีนเทา” และเกี่ยวพันกับบุคคลที่มีตำแหน่งระดับสูงในภาครัฐ ซึ่งบางรายเริ่มมีความพยายาม “ลบชื่อ” ออกจากเอกสารบริษัทและธุรกรรมต่าง ๆ ที่อาจเชื่อมโยงไปถึงแก๊งสแกมเมอร์

“อย่าไปถามผมเลย แค่ถามประชาชนก็รู้กันหมดแล้ว” — ชูวิทย์กล่าว พร้อมยืนยันว่า ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับ รังสิมันต์ โรม และ รักชนก ศรีนอก ส.ส.พรรคประชาชน ซึ่งทั้งคู่ได้นำไปใช้ในการขับเคลื่อนประเด็นนี้ภายในสภาอย่างจริงจัง

🧨 อนุทินถูกมองเป็น “จุดเปลี่ยน”

ในมุมของนักยุทธศาสตร์การเมือง ชูวิทย์มองว่า หาก อนุทิน สามารถจัดการปัญหาสแกมเมอร์ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็น “หมากการเมือง” สำคัญที่จะเปลี่ยนสมดุลพลังทางการเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ฐานเสียงไม่ใช่จุดแข็งของพรรคภูมิใจไทย

“หากจัดการได้ คะแนนนายกรัฐมนตรีและภูมิใจไทยจะมาเยอะ เพราะตอนนี้กัมพูชาเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์ของโลก ถ้าล้างตรงนี้ได้ พรรคจะพุ่งเลย” — ชูวิทย์กล่าวย้ำ

ในวงสนทนาระหว่างชูวิทย์กับนายกรัฐมนตรี ระหว่างร่วมกิจกรรมฟุตบอลที่สนามโปโลฟุตบอลพาร์ค ปทุมวัน ทั้งสองพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีขอร้องให้ “ด่านายกน้อยหน่อย” ซึ่งชูวิทย์ตอบว่า “ด่าเพราะรัก” พร้อมให้คำแนะนำตรงไปตรงมา ว่านี่คือโอกาสทองที่จะสร้างความนิยมมหาศาล

🕸️ เครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา: ปัญหาระดับโลก

ปัจจุบัน กัมพูชาถูกจับตาจากหลายประเทศว่าเป็นศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือข่ายเหล่านี้ไม่ได้ทำงานแบบกระจัดกระจาย แต่เป็นโครงสร้างที่เชื่อมโยงกับทั้งกลุ่มทุนสีเทา เครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย และการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความซับซ้อน

ข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงไทยและต่างประเทศระบุว่า คนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งสแกมเมอร์นับหมื่นราย ความเสียหายรวมหลายหมื่นล้านบาท และมีสัญญาณว่า “บางเครือข่าย” อาจมีผู้มีอิทธิพลทางการเมืองให้การคุ้มครองอยู่เบื้องหลัง

🛡️ รัฐบาลตั้งคณะปราบปรามสแกมเมอร์ระดับชาติ

ในขณะที่กระแสข่าวโยงการเมืองเริ่มร้อนแรง ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีอนุทินได้ลงนามแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาล “เอาจริง” กับการล้างเครือข่ายสแกมเมอร์

การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปง. ป.ป.ท. ธนาคารแห่งประเทศไทย กสทช. และ ก.ล.ต. เพื่อไล่ปิดช่องทางทางการเงินของเครือข่ายสแกมเมอร์ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

💬 บทบาท “โรม-ไอซ์” ตัวแทนฝ่ายค้านที่จุดไฟกลางสภา

ชูวิทย์ยังกล่าวชมเชย รังสิมันต์ โรม และ รักชนก ศรีนอก ส.ส.พรรคประชาชน ว่ามีความกล้าในการนำเรื่องนี้มาเปิดประเด็นอย่างเปิดเผย และพร้อมจะต่อสู้กับกลุ่มผลประโยชน์ โดยทั้งคู่ได้รับข้อมูลเชิงลึกไปแล้ว และเริ่มเปิดเกมในสภาเพื่อกดดันให้รัฐบาลดำเนินการอย่างโปร่งใส

การขยับของทั้งสองฝ่าย — ฝ่ายรัฐบาลที่ตั้งคณะกรรมการ และฝ่ายค้านที่เปิดโปงข้อมูล — ทำให้ปฏิบัติการปราบสแกมเมอร์ครั้งนี้ถูกจับตาอย่างหนักจากสังคมและสื่อมวลชน

🪙 สแกมเมอร์กับระบบเศรษฐกิจไทย

ปรากฏการณ์สแกมเมอร์ไม่ได้กระทบเพียงรายบุคคลเท่านั้น แต่ยังส่งผลเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการฟอกเงิน การไหลออกของเงินทุน และความเชื่อมั่นในระบบการเงินออนไลน์ของไทย ปัญหานี้จึงเป็น “ภัยความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ที่รัฐบาลไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป

⚖️ ถ้าอนุทินเดินเกมนี้สำเร็จ…จะเปลี่ยนสมการการเมืองไทย

สำหรับ อนุทิน ชาญวีรกูล นี่อาจเป็นหนึ่งใน “หมากการเมือง” ที่สำคัญที่สุดในชีวิตทางการเมืองของเขา เพราะถ้าสามารถล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ที่โยงถึงกลุ่มการเมืองได้จริง นอกจากจะสร้างคะแนนนิยมในกรุงเทพฯ ยังอาจปูทางสู่ชัยชนะในสนามใหญ่ระดับชาติ

และที่สำคัญกว่านั้น — มันจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้การเมืองไทย ว่า “ใครก็ตามที่พัวพันกับอาชญากรรม ต้องไม่สามารถยืนอยู่ในวงอำนาจได้อีกต่อไป”

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ การเมือง เศรษฐกิจ และความเคลื่อนไหวร้อนแรงในไทยและต่างประเทศ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา