
พรรคประชาธิปัตย์เปิดหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง เมื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวใจสีน้ำเงินคนเดิม คัมแบ็กขึ้นนั่งหัวหน้าพรรคแบบ ไร้คู่แข่ง หลังสมาชิกโหวตไว้วางใจอย่างท่วมท้น ในที่ประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เสียงปรบมือดังกึกก้องทั้งห้องประชุม พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างเต็มรูปแบบ เดินหน้าเข้าสู่ยุคปรับโฉม ปชป.ให้กลับมายืนแถวหน้าการเมืองไทยอีกครั้ง
🗳️ อภิสิทธิ์นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค “ไร้คู่แข่ง” เสียงท่วมท้น 96.18%
ภายใต้บรรยากาศการประชุมที่เข้มข้น สมาชิกพรรคจากทุกภาคทั่วประเทศ ส.ส. อดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรี ร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อถึงเวลาการเสนอชื่อหัวหน้าพรรค นาย เทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ได้เสนอชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ให้กลับมานำทัพ ปชป. อีกครั้งแบบไร้คู่แข่ง ก่อนเปิดให้สมาชิกลงคะแนนเสียงตามสัดส่วน — ส.ส. 40%, อดีต ส.ส. 40%, สมาชิกพรรค 20% และผลก็ออกมาอย่างไม่พลิกล็อก อภิสิทธิ์คว้าคะแนนไปถึง 96.1810%

🧭 เปิดไลน์อัปผู้บริหารชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์
หลังได้หัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการแล้ว ที่ประชุมได้เสนอชื่อคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญที่ถูกจับตา ดังนี้
- นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ดูแลด้านนโยบาย
- นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
- นายจุรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต๊อก รองหัวหน้าพรรค ด้านสื่อสารองค์กร
- น.ส.รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค ด้านสตรี เยาวชน ความยั่งยืน
- นายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรค ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
- นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรค ด้านยุทธศาสตร์การเมืองและประสานงานภาคประชาสังคม
- นายอิสรา สุนทรวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ด้านการต่างประเทศ
- นายอัมพร พินะสา รองหัวหน้าพรรค ด้านการศึกษาและภาคอีสาน
- นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ได้รับเลือกเป็น เลขาธิการพรรค
🗣️ “อภิสิทธิ์” ลั่น! ใครดูด ส.ส. เตรียมรับความคม
ในช่วงปราศรัย อภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงความท้าทายของการเมืองยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ “การดูด ส.ส.” ซึ่งกำลังเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ในสนามเลือกตั้งไทย เขายกตัวอย่างจาก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เปรียบเทียบการซื้อนักเตะค่าตัวแพง แต่ย้ายไปแล้ว “ยิงไม่ได้สักประตู” เพื่อสื่อถึงความไม่มั่นคงของระบบที่ขับเคลื่อนด้วยเงินและอำนาจรัฐ พร้อมทิ้งวลีเด็ดที่สะเทือนวงการว่า
“ใครมาทุบประชาธิปัตย์ เหมือนกำลังทุบแก้วที่แตก…ผมจะเอาความคมของแก้วไปตัดวงจรอุบาทว์การซื้อเสียงและคอร์รัปชั่น”
นอกจากนี้เขายังพูดถึงสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ — “พระแม่ธรณี” ในฐานะพยานแห่งสัจจะ และย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่หวั่นไหวต่อเกมการเมืองที่บิดเบี้ยว พร้อมเชิญชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างการเมืองที่มีหลักการและความโปร่งใส

🌿 ประชาธิปัตย์กับ “สัญลักษณ์พระแม่ธรณี” ความยืนหยัดของพรรคเก่าแก่
พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2489 มีรากฐานทางการเมืองแบบประชาธิปไตยอันมั่นคง และมีจุดยืนชัดเจนเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น ความซื่อสัตย์สุจริต และการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า สัญลักษณ์ “พระแม่ธรณี” ที่อยู่คู่พรรคมานาน ถูกยกขึ้นมาเป็นสัญญาณของการ “กลับสู่ราก” เพื่อสร้างพลังการเมืองแบบสร้างสรรค์อีกครั้ง
ในอดีต พรรคประชาธิปัตย์เคยมีบทบาทนำรัฐบาลไทยหลายสมัย โดยเฉพาะช่วงที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี (2551–2554) ที่ถูกจดจำในฐานะผู้นำรุ่นใหม่สายปฏิรูป แม้ผ่านมาหลายปี พรรคยังคงเป็น “แกนนำทางความคิด” บนเวทีการเมืองไทย
📣 เปิดตำแหน่งสำคัญ “เอิร์ธ-ราเมศ” เข้าทีมสื่อสาร
- ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง หรือ “เอิร์ธ” อดีตโฆษก กทม. ได้รับตำแหน่ง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
- นายราเมศ รัตนะเชวง ได้รับตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรค
- นางกันตวรรณ ตันเถียร, นายขยัน วิพรหมชัย, นายเจะอามิง โตะตาหยง, นายประชา ยอดวานิช, นายอภิมงคล โสณกุล ได้รับเลือกเป็น รองเลขาธิการพรรค
- นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นั่งเก้าอี้เหรัญญิกพรรค
- น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นั่งนายทะเบียนพรรค

🏛️ ปชป. กับโจทย์ใหญ่ “ฟื้นศรัทธา – ชิงพื้นที่คืน”
การกลับมาของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ถือเป็นจังหวะสำคัญ เพราะพรรคประชาธิปัตย์กำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ในการ ฟื้นฐานเสียง หลังความนิยมในภาคใต้และกรุงเทพฯ ลดลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังต้องแข่งขันกับพรรคการเมืองใหม่ที่มีพลังคนรุ่นใหม่เข้ามาอย่างรุนแรง
หลายฝ่ายมองว่า การดึงแกนนำรุ่นเก๋าอย่าง “มาร์ค–กรณ์” กลับมาจับมือกัน พร้อมเสริมทีมโฆษกและรองเลขาธิการที่เป็นคนรุ่นใหม่ ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าจับตา เพราะสะท้อนการ “ผสานรุ่น” ระหว่าง พลังเก่าและพลังใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนอีกครั้ง
📊 พรรคประชาธิปัตย์ในสมรภูมิการเมืองไทย
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคเก่าแก่ที่ ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วมากกว่า 20 ครั้ง และเคยเป็นรัฐบาลหลายสมัย มีบุคลากรที่โดดเด่น เช่น ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช เป็นต้น พรรคนำเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ ประชาธิปไตย, สิทธิเสรีภาพ, การพัฒนาเศรษฐกิจ, และ การปฏิรูปภาครัฐ อย่างต่อเนื่อง
แม้ในช่วงหลังจะประสบปัญหาฐานเสียงลดลง แต่พรรคก็ยังมีเครือข่ายที่แข็งแรงในภาคใต้ และเป็น “พรรคแม่เหล็ก” ในประเด็น นโยบายเศรษฐกิจและประชาธิปไตยเชิงสถาบัน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งไม่สามารถมองข้ามได้

🔥 คำประกาศ “กลับมาเพื่อสู้”
อภิสิทธิ์ส่งสารชัดถึงสมาชิกพรรคและประชาชนว่า “ประชาธิปัตย์จะไม่ยอมแพ้” และพร้อมต่อสู้กับวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ด้วยหลักการและความซื่อสัตย์ที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น พร้อมเรียกร้องให้คนที่เบื่อการเมืองแบบเก่ามาร่วมกันสร้างทางใหม่ไปด้วยกัน เป้าหมายของพรรคไม่ใช่เพียง “อยู่รอด” แต่คือ “นำการเปลี่ยนแปลง” ให้ประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
✨ บทสรุป: ปชป.ยุค “มาร์ค–กรณ์” กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
การกลับมาของอภิสิทธิ์ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหัวหน้า แต่เป็นสัญญาณของการ “รีสตาร์ตพรรคเก่าแก่” ให้กลับมาเป็นทางเลือกสำคัญของประชาชนอีกครั้ง ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป ปชป.จะต้องเผชิญกับศึกหนัก แต่การมีทีมที่ผสมผสานระหว่างประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ อาจเป็นก้าวแรกของ “การฟื้นศรัทธา” ที่ทุกคนรอคอย
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

