SPORTS BOX สื่อกีฬาชั้นนำของรัสเซียเผยบทสัมภาษณ์พิเศษจาก วาเลรี คาร์ปิน กุนซือใหญ่ของทีมชาติรัสเซีย โดยกล่าวถึงเหตุผลที่เลือกอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติไทย และ เวียดนาม ในช่วงปฏิทิน ฟีฟ่าเดย์ เดือนกันยายน 2567 นี้
วาเลรี คาร์ปิน ได้ชี้แจงเหตุผลที่เขาตัดสินใจให้รัสเซียเดินทางมาอุ่นเครื่องที่ประเทศเวียดนาม ว่าเขาต้องการหาประโยชน์สูงสุดจากการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก และการหาเกมกระชับมิตรที่เหมาะสมกับระดับของทีมชาติรัสเซียเป็นเรื่องยาก เนื่องจากหลายทีมที่เหมาะสมได้จัดตารางการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีเพียง 28 ทีมทั่วโลกเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่แข่งกับรัสเซียได้ในรอบนี้
ในขั้นตอนการคัดเลือกทีมที่สามารถลงแข่งขันกับรัสเซียได้ มีการคัดกรองรายชื่อกว่า 38 ทีม เพื่อหาทีมที่ยังไม่มีกำหนดการแข่งขันนัดกระชับมิตร ซึ่งสุดท้ายทำให้มีตัวเลือกที่จำกัด และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทีมชาติรัสเซียต้องลงเล่นกับ ทีมชาติไทย และ เวียดนาม แทนที่จะเป็นทีมจากยุโรปหรืออเมริกาใต้ นอกจากนี้ คาร์ปินยังระบุว่าการเล่นกับทีมจากอาเซียนยังดีกว่าเล่นกับทีมที่มีระดับต่ำกว่า เช่น ศรีลังกา หรือ ภูฏาน
ในการให้สัมภาษณ์กับ Match TV เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา คาร์ปินได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ถึงแม้ทีมที่เราเลือกเล่นจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับฝรั่งเศส แต่ทางเลือกอื่นๆ แย่ยิ่งกว่าอย่าง ศรีลังกา หรือภูฏาน”
กุนซือวัย 55 ปียังยืนยันว่าการมีเกมแข่งขันอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญต่อการพัฒนาทีมชาติรัสเซียมากกว่าไม่มีเกมแข่งขันเลย แม้ว่าเขาจะอยากให้รัสเซียเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปไม่ได้ การไม่มีเกมแข่งขันทำให้นักวิจารณ์และแฟนบอลตั้งคำถามว่าทำไมทีมชาติถึงไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ได้
“เราพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีมชาติรัสเซียอยู่เสมอ แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า การเล่นกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่านี้มันเป็นไปไม่ได้” คาร์ปินกล่าวเสริม
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอล 3 เส้าในช่วงปฏิทิน ฟีฟ่าเดย์ ที่จะจัดขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ประกอบด้วย:
- วันที่ 5 กันยายน 2567: เวียดนาม พบ รัสเซีย
- วันที่ 7 กันยายน 2567: รัสเซีย พบ ไทย
- วันที่ 10 กันยายน 2567: เวียดนาม พบ ไทย
การเลือกอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยและเวียดนามของรัสเซียในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับทีมชาติรัสเซียเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับทั้งสองทีมจากอาเซียน ที่จะได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งระดับนานาชาติและเพิ่มพูนทักษะเพื่อการพัฒนาฟุตบอลในภูมิภาคนี้ต่อไป
ติดตามข่าวบอลไทยอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา