บทสรุปคำตัดสินจากสมาคมฯ
วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ออกมติสำคัญในการประชุมครั้งที่ 19 ประจำฤดูกาล 2025/26 สรุปบทลงโทษต่อเจ้าหน้าที่ทีม ราชประชา เอฟซี จากเหตุการณ์เดือดท้ายเกมฟุตบอลถ้วย บีจีซี เมืองไทยประกันภัย คัพ จนถูกสั่งทั้งแบนและปรับเงิน โทนชัดเจนว่าใครล้ำเส้น “วินัยข้างสนาม” เตรียมเจอผลลัพธ์หนักแน่นอนไม่ว่าชื่อจะเล็กหรือใหญ่
เหตุการณ์เดือดท้ายเกม สมุทรสาคร ซิตี้ ถล่มราชประชา 5-1
ต้นเรื่องมาจากเกมฟุตบอลถ้วย บีจีซี เมืองไทยประกันภัย คัพ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นคู่ระหว่าง สมุทรสาคร ซิตี้ เปิดสนามกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร พบ ราชประชา เอฟซี ซึ่งจบเกมด้วยสกอร์ 5-1 เจ้าถิ่นถล่มขาดลอย แต่ดราม่าของเกมไม่ได้จบแค่ในสนาม
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+3 นายวิษณุ อิสมาแอล เจ้าหน้าที่ทีมราชประชา เอฟซี ถูกระบุว่าได้ออกมาใช้ถ้อยคำด่าทอผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ด้วยคำหยาบคาย จากนั้นผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 เรียกผู้ตัดสินหลักให้มาดำเนินการไล่ออกจากสนามด้วยเหตุ “ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม”
ระหว่างที่นายวิษณุกำลังเดินออกจากสนามนั้น ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน แต่เรื่องไม่จบแค่ใบไล่ เมื่อทีมงานผู้ตัดสินกำลังเดินเข้าห้องพัก นายวิษณุได้เข้ามาผลักบริเวณไหล่ของผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้ผู้ตัดสินบาดเจ็บทางร่างกาย แต่ก็เพียงพอให้ถูกตีความเป็นการ “ทำร้ายร่างกาย” ตามระเบียบการแข่งขัน ก่อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้ามาคุมสถานการณ์และนำทีมผู้ตัดสินเข้าห้องพักได้อย่างปลอดภัย
มติโทษแบน 6 นัด ปรับเงินรวม 20,000 บาทในถ้วยบีจีซี คัพ
จากการพิจารณา สมาคมฯ จัดการลงโทษนายวิษณุ อิสมาแอล ในฐานะเจ้าหน้าที่ทีมราชประชา เอฟซี จากพฤติกรรมเข้าข่าย ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.8 (1)
โทษพื้นฐานตามข้อหานี้คือ พักการทำหน้าที่ 3 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่อ “เจ้าหน้าที่การแข่งขัน” ซึ่งในที่นี้คือผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ระเบียบได้ระบุชัดว่าต้อง เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า จึงมีคำสั่งเพิ่มโทษพักการทำหน้าที่อีก 3 นัด และเพิ่มค่าปรับอีก 40,000 บาท
เมื่อนำโทษมารวมกัน เท่ากับว่า
- ถูกพักการทำหน้าที่รวมทั้งสิ้น 6 นัด
- ถูกปรับเงินตามเกณฑ์เดิมรวม 80,000 บาท
แต่ด้วยความที่เหตุเกิดในฟุตบอลรายการ บีจีซี เมืองไทยประกันภัย คัพ ซึ่งมีเงื่อนไขเฉพาะเรื่องการคิดค่าปรับ ทำให้มีการลดโทษปรับเงินเหลือหนึ่งในสี่ จากจำนวนเต็ม 80,000 บาท เหลือ ปรับจริง 20,000 บาท ขณะที่โทษแบน 6 นัดยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถือเป็นสัญญาณเตือนแรงๆ ว่าอารมณ์หลุดเพียงชั่ววูบอาจต้องแลกด้วยการหายจากข้างสนามยาวๆ
แกะระเบียบข้อ 2.8 ว่าด้วยการทำร้ายร่างกายในเกมฟุตบอล
ระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 2.8 ว่าด้วยกรณีทำร้ายร่างกายบุคคลใดในบริเวณการแข่งขัน ฟุตบอลไทยวางกรอบโทษเอาไว้ค่อนข้างชัดเจน แบ่งเป็นระดับความรุนแรงดังนี้
- กรณีไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย
ถูกพักการทำหน้าที่ตั้งแต่ 3 นัด ถึง 6 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท - กรณีเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย
ถูกพักการทำหน้าที่ตั้งแต่ 6 นัด ถึง 9 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท - กรณีเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส
ถูกพักการทำหน้าที่ตั้งแต่ 9 นัด ถึง 12 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท - กรณีเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต
ถูกห้ามทำหน้าที่และห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลตลอดชีวิต พร้อมถูกปรับเงินตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 150,000 บาท
นอกจากนี้ หากเข้าข่ายตามข้อ (2) ถึง (4) ผู้กระทำต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่โทษตามข้อ (1) ถึง (3) หากเป็นการกระทำต่อ “เจ้าหน้าที่การแข่งขัน” เช่น ผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขัน จะต้อง เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่าทันที ส่วนกรณีตามข้อ (4) เพิ่มเฉพาะค่าปรับเป็น 2 เท่า
ระเบียบยังเปิดช่องให้องค์คณะตุลาการสามารถพิจารณาเพิ่มโทษได้ หากเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวสร้างความเสียหายหรือบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลไทยในภาพรวม
วินัยข้างสนามคือเส้นบางๆ ระหว่างอารมณ์กับอาชีพ
ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ใช่แค่ฟอร์มในสนามที่ถูกจับตามอง แต่ พฤติกรรมของผู้เล่น เจ้าหน้าที่ทีม และสตาฟฟ์โค้ช บริเวณข้างสนามก็สำคัญไม่แพ้กัน ฟุตบอลเต็มไปด้วยอารมณ์ ความกดดัน และเดิมพันทั้งชื่อเสียงของสโมสร รวมไปถึงอาชีพของแต่ละคน แต่ทุกการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในช่วงวูบเดียว สามารถเปลี่ยนอนาคตของตัวเองและทีมได้ทันที
สำหรับฟุตบอลไทย การรักษาภาพลักษณ์การแข่งขันให้ดูเป็นมืออาชีพ เป็นเรื่องที่สมาคมฯ พยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องมาตรฐานสนาม ระบบจัดการเกม ไปจนถึงการควบคุมวินัยของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ หากข้างสนามไร้ระเบียบ หรือมีภาพการปะทะกับผู้ตัดสินออกไปสู่สายตาแฟนบอลและต่างชาติ ก็ย่อมกระทบต่อความน่าเชื่อถือของลีกโดยตรง
กรณีของนายวิษณุครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่โทษส่วนบุคคล แต่เป็นตัวอย่างให้ทุกสโมสร ทุกเจ้าหน้าที่ทีม และทุกคนที่ยืนอยู่ข้างสนามต้องตระหนักว่า การก้าวข้ามเส้น “เคารพผู้ตัดสิน” มีราคาแพงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลระดับไหนก็ตาม
แฟนบอลไทยติดตามทุกมุมสนามไปกับบ้านกีฬา
เคสนี้สะท้อนชัดเจนว่า วินัยเกมลูกหนังไม่ได้มีแค่ใบเหลืองใบแดงในสนาม แต่รวมถึงทุกการกระทำของคนรอบๆ เกม หากควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก็ต้องยอมรับผลการตัดสินตามระเบียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณเตือนไปยังทุกทีมให้เข้มงวดเรื่องมารยาทของเจ้าหน้าที่และสตาฟฟ์มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคต
แฟนบอลที่อยากตามทุกมุมของฟุตบอลไทย ทั้งผลแข่ง ดราม่าข้างสนาม ข่าวโทษแบน ไปจนถึงบทวิเคราะห์เจาะลึกสไตล์ดุดัน อ่านมันส์แบบคนดูบอลตัวจริง อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวแบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

