ฟีฟ่า ออกเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการ อนุมัติให้ จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ แข้งลูกครึ่งไทย–อังกฤษ มีสิทธิ์ลงสนามรับใช้ ทีมชาติไทย ในการแข่งขันภายใต้การรับรองของทั้ง เอเอฟซี และ ฟีฟ่า ได้อย่างถูกต้องตามกฎ ระเบิดข่าวดีให้แฟนบอล “ช้างศึก” ได้เฮกันสนั่น ก่อนเข้าสู่ช่วงโปรแกรม ฟีฟ่าเดย์ เดือนพฤศจิกายน 2568
ฟีฟ่ายืนยันสิทธิ์ “จู๊ด เบลล์” พร้อมรับใช้ทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ
เอกสารรับรองจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ถูกส่งมายังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันสิทธิ์ของดาวรุ่งวัย 21 ปีรายนี้ให้สามารถลงเล่นในนามทีมชาติไทยได้ในทุกระดับการแข่งขัน ทั้งเกมกระชับมิตรระดับ FIFA Day และทัวร์นาเมนต์อย่าง เอเชียน คัพ หรือแม้แต่ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในอนาคต
นี่คือก้าวสำคัญของ “จู๊ด เบลล์” ที่ตัดสินใจเลือกสวมเสื้อทีมชาติไทยอย่างภาคภูมิ หลังเคยผ่านการเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาก่อน ถือเป็นการปิดดีลอย่างสมบูรณ์ในฝันของแฟนบอลชาวไทยที่เฝ้ารอคอยเห็นเขาลงสนามในสีเสื้อ “ช้างศึก”
จู๊ด เบลล์ มีชื่อร่วมทัพ 23 แข้งไทย ภายใต้การคุมของ “แอนโธนี ฮัดสัน”
ภายใต้การนำของกุนซือชาวอังกฤษ แอนโธนี ฮัดสัน ทีมชาติไทยประกาศรายชื่อผู้เล่น 23 คนสำหรับศึก ฟีฟ่าเดย์ เดือนพฤศจิกายน 2568 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์” ศูนย์หน้าดาวรุ่งที่กำลังค้าแข้งอยู่ในยุโรป
เขาถูกวางให้เป็นอีกหนึ่งความหวังในแนวรุกของ “ช้างศึก” โดยจะมีโอกาสลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติสิงคโปร์ และในศึก เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 พบ ศรีลังกา ซึ่งถือเป็นแมตช์ที่มีความสำคัญต่ออันดับของทีมในโซนเอเชีย
กำหนดการรายงานตัวและโปรแกรมฝึกซ้อม
“จู๊ด เบลล์” จะเดินทางมาสมทบกับเพื่อนร่วมทีมชาติไทยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 โดยทันทีที่ถึงแคมป์เก็บตัว เขาจะลงฝึกซ้อมร่วมกับทีมภายใต้โปรแกรมเข้มข้นของ “ฮัดสัน” เพื่อปรับจูนระบบการเล่นและเคมีในทีมให้เร็วที่สุด ก่อนเข้าสู่แมตช์สำคัญทั้งสองนัด
โปรแกรมแข่งขันของทีมชาติไทยช่วงฟีฟ่าเดย์
- วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.30 น.
ทีมชาติไทย เปิดบ้านพบ สิงคโปร์ ที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต - วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.15 น.
ทีมชาติไทย ออกไปเยือน ศรีลังกา ที่สนามโคลอมโบ เรซคอร์ส สเตเดียม ประเทศศรีลังกา
สองเกมนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญของ “ช้างศึก” ทั้งในแง่ของระบบทีม และการผสมผสานแข้งเลือดใหม่อย่าง “เบลล์” เข้ากับโครงสร้างเดิมที่นำโดยแข้งหลักอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์, และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ความสำคัญของการได้ “จู๊ด เบลล์” เสริมแกร่งแนวรุก
การที่ “จู๊ด เบลล์” สามารถลงเล่นให้ทีมชาติไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎของ ฟีฟ่า นับเป็นข่าวดีระดับชาติ เพราะเขามีจุดเด่นเรื่องพละกำลัง ความเร็ว และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ซึ่งแตกต่างจากศูนย์หน้าไทยทั่วไป
การเข้ามาของเขาอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ “ช้างศึก” กลับมามีเกมรุกที่หลากหลายและอันตรายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในศึก เอเชียน คัพ 2027 ที่ทีมชาติไทยตั้งเป้าเข้าถึงรอบน็อกเอาต์ให้ได้
มุมมองเชิงลึก: การเปิดทางให้แข้งลูกครึ่งในยุคใหม่ของ “ช้างศึก”
การที่ ฟีฟ่า รับรองเอกสารของ “เบลล์” ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางใหม่ของสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย ที่เริ่มเปิดรับแข้งลูกครึ่งมากขึ้น ทั้งจากอังกฤษ, เยอรมนี, และญี่ปุ่น เพื่อยกระดับคุณภาพทีมชาติให้ทัดเทียมชาติชั้นนำในเอเชีย
ที่ผ่านมา เราเห็นตัวอย่างจาก ชนาธิป, สุภโชค, โจนาธาน เข็มดี, และ เบน เดวิส ที่ต่างสร้างอิมแพ็กให้ทีม “ช้างศึก” การได้ “จู๊ด เบลล์” เข้ามาเติมเต็มจึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนภาพรวมของวงการฟุตบอลไทยในระยะยาว
มองไปข้างหน้า: เป้าหมายใหม่ของทีมชาติไทย
การมี “จู๊ด เบลล์” อยู่ในทีม ทำให้กุนซือ แอนโธนี ฮัดสัน มีตัวเลือกในแนวรุกที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งสามารถใช้ระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ได้อย่างยืดหยุ่น
ขณะที่แฟนบอลต่างจับตาดูว่า ดาวยิงลูกครึ่งรายนี้จะโชว์ฟอร์มได้สมกับความคาดหวังหรือไม่ โดยเฉพาะในเกมแรกที่จะลงเล่นในแผ่นดินไทยต่อหน้าแฟนบอลกว่า 20,000 คน ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต
ฟุตบอลไทยก้าวใหม่ที่ต้องติดตาม
ข่าวการรับรองเอกสารของ ฟีฟ่า สำหรับ “จู๊ด เบลล์” ไม่ได้เป็นเพียงข่าวดีของทีมชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาของระบบบริหารจัดการในสมาคมฟุตบอลไทย ที่เริ่มมีมาตรฐานระดับสากลมากขึ้น
แฟนบอลทั่วประเทศต่างเฝ้ารอวันได้เห็นเขาสวมเสื้อหมายเลข 9 ลงสนาม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ “ช้างศึก” จะกลับมาเป็นทีมที่คู่แข่งในเอเชียต้องเกรงใจอีกครั้ง
อย่าพลาดติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของ ทีมชาติไทย, โปรแกรมการแข่งขัน, และผลบอลสด ครบทุกแมตช์ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา เว็บเดียวที่แฟนบอลไทยไว้ใจ
