กลายเป็นประเด็นที่สะเทือนใจแฟนบอลไทยไม่น้อย เมื่อ “ท้าวดักแด้” หรือ นายไทยแลนด์ ทองคำ กองเชียร์สายเลือดช้างศึกระดับตำนาน ออกมาโพสต์ระบายความในใจหลังต้อง เสียเงินเกือบหมื่นบาท เพราะการตัดสินใจของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประกาศย้ายสนามฟุตบอลชายของทีมชาติไทยจาก สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา มาเตะที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ แบบกะทันหัน
ย้ายสนามกะทันหัน แฟนบอลกระอักค่าตั๋ว-ที่พักคืนไม่ได้
หลังจากมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ฟุตบอลชายซีเกมส์ 2025 กลุ่มของทีมชาติไทย จะย้ายมาฟาดแข้งที่ราชมังคลากีฬาสถานแทน ทำให้แฟนบอลจำนวนมากที่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักล่วงหน้าเตรียมไปเชียร์ถึงสงขลา ต่างเดือดร้อนทันที โดยเฉพาะกลุ่มกองเชียร์ขาประจำอย่าง “ท้าวดักแด้” ที่ออกมาเปิดเผยว่าได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 8,000 บาท ทั้งค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก ซึ่งไม่สามารถขอคืนได้
เจ้าตัวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า
“ซีเกมส์ยังไม่เริ่ม จ่ายเงินไปแล้ว 8,000 บาท (เครื่องบิน+ที่พักสงขลา คืนไม่ได้ด้วย) เฮ้อ จะย้ายอีกไหมน้อ? จะเบิกกะใครน้อ? อีกแล้วหราาาา…”
ข้อความดังกล่าวได้รับการแชร์ต่ออย่างรวดเร็วในกลุ่มแฟนบอลทั่วประเทศ หลายคนต่างเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเห็นใจ พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายจัดการแข่งขันมีมาตรการเยียวยาแฟนบอลที่ได้รับผลกระทบ
เหตุผลหลักที่ต้องย้ายสนาม
จากรายงานของ คณะกรรมการจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 การตัดสินใจย้ายสนามในครั้งนี้เป็น มติเด็ดขาด ที่เกิดจากการประเมินด้านความปลอดภัยและมาตรฐานสนาม โดยมีความกังวลเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยและความพร้อมของสนามติณสูลานนท์ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคของคณะกรรมการ โอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA)
แม้จะเข้าใจในเหตุผลเรื่องความปลอดภัย แต่การเปลี่ยนแปลงแบบกระชั้นชิดก็สร้างความลำบากให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มกองเชียร์ต่างจังหวัดที่วางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า
“ท้าวดักแด้” ตัวจริงเสียงจริงของแฟนบอลไทย
สำหรับแฟนบอลไทย “ท้าวดักแด้” คือหนึ่งในกองเชียร์ขวัญใจมหาชน ที่ไม่เคยพลาดการตามเชียร์ทีมชาติไทยในรายการสำคัญ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เขามักจะปรากฏตัวพร้อมธงชาติขนาดใหญ่ เสียงตะโกนปลุกใจ และพลังเชียร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักชาติ จนกลายเป็นภาพจำของสนามบอลไทยทุกแห่ง
การที่กองเชียร์สายเลือดช้างศึกคนนี้ต้องเสียเงินและพลาดโอกาสเดินทางไปเชียร์ทีมรักถึงขอบสนาม จึงเป็นสิ่งที่แฟนบอลหลายคนมองว่าไม่ยุติธรรม และสะท้อนถึงความจำเป็นที่ฝ่ายจัดควรคำนึงถึงผลกระทบต่อแฟนบอลให้มากกว่านี้
มุมมองจากแฟนบอลทั่วประเทศ
ในโลกออนไลน์ หลายเสียงต่างแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า ควรมีระบบแจ้งเตือนหรือมาตรการดูแลกรณีเปลี่ยนสนาม เพื่อป้องกันปัญหาความเสียหายซ้ำรอยในอนาคต เพราะแฟนบอลคือหัวใจของเกมกีฬา และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยสีสันและพลังแห่งความสามัคคี
บทเรียนที่ต้องจำของวงการกีฬาไทย
เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่ง “สัญญาณเตือน” ว่าการบริหารจัดการด้านกีฬา ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับ “ผู้ชม” ซึ่งเป็นเสาหลักของความนิยมและแรงสนับสนุนที่ทำให้ฟุตบอลไทยยืนอยู่ได้อย่างภาคภูมิ
ในอนาคต หากประเทศไทยต้องการยกระดับการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน การสื่อสารและการเตรียมพร้อมด้านข้อมูลล่วงหน้าให้กับแฟนบอลถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเสียงเชียร์จากพวกเขาคือพลังที่ผลักดันนักเตะในสนามให้ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด
ติดตามข่าวกีฬาอัปเดตทุกวัน เรื่องจริง เสียงจริง และทุกความเคลื่อนไหวจากขอบสนามได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

