ประชุมสรุปผลงานและวางแผนระยะยาว
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินหน้าเตรียมความพร้อมของ ทีมชาติไทย U23 อย่างจริงจัง หลังจบภารกิจอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติจีน U23 ทั้งสองนัดในช่วง ฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม ล่าสุดมีการประชุมหารือภายในเพื่อวางแผนเก็บตัวและโปรแกรมการแข่งขันในระยะยาว ก่อนสู้ศึก ซีเกมส์ 2025 และ ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย
การประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมอาคาร FA Thailand โดยมี เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สภากรรมการและผู้จัดการทีมชาติไทยชุดซีเกมส์–ชิงแชมป์เอเชีย U23 เป็นประธาน พร้อมด้วย ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าผู้ฝึกสอน และทีมสตาฟฟ์โค้ชครบชุด เพื่อสรุปและประเมินผลงานจากเกมอุ่นเครื่องกับจีนที่เพิ่งจบลง
วิเคราะห์ผลงานจากเกมอุ่นเครื่องกับจีน
ตลอด 2 เกมที่ลงสนามในประเทศจีน ทีมชาติไทย U23 ลงเล่นทั้งแบบปิด 1 นัดและแบบเปิดถ่ายทอดสดอีก 1 นัด โดยผลการแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ทั้งสองนัด ถึงแม้จะไม่มีประตูเกิดขึ้น แต่เกมดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเวทีสำคัญในการทดสอบระบบการเล่น กลยุทธ์ และประสิทธิภาพของผู้เล่นแต่ละตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญก่อนเดินหน้าสู่ทัวร์นาเมนต์จริงในปลายปีนี้
ธวัชชัยและทีมงานใช้เกมนี้เพื่อประเมินฟอร์มของผู้เล่นหน้าใหม่หลายราย รวมถึงปรับจูนเกมรับและการประสานงานในแดนกลาง ซึ่งถือเป็นจุดที่ต้องพัฒนาให้ชัดเจนหากต้องการไปไกลในระดับเอเชีย นอกจากนี้ยังเป็นการดูความพร้อมด้านสภาพร่างกายและแท็คติกที่เหมาะสมกับการเจอทีมระดับทวีป
แผนเก็บตัวช่วงฟีฟ่า เดย์ พฤศจิกายน
หนึ่งในหัวข้อสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการวางแผน เก็บตัวทีมชาติไทย U23 ช่วง ฟีฟ่า เดย์ เดือนพฤศจิกายน เพื่อเตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบก่อนเข้าสู่ศึกซีเกมส์ โดยทีมมีโปรแกรมอุ่นเครื่องอีก 2 นัด ระหว่างวันที่ 10–18 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเรียกผู้เล่นแกนหลักกลับมารวมตัวพร้อมขุมกำลังใหม่ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกซ้อม
การเก็บตัวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเตรียมทีมระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนระยะยาวสำหรับปี 2569 ที่ไทยตั้งเป้าทำผลงานให้ดีที่สุดบนเวทีเอเชีย
ซีเกมส์ 2025 บนแผ่นดินไทยกับเป้าหมายที่ชัดเจน
ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2568 เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของทีมชุดนี้ โดยการแข่งขันจะใช้ผู้เล่นอายุไม่เกิน 22 ปี และชุดเดียวกันนี้จะต่อยอดไปสู่ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในเดือนมกราคม 2569
ไทยถูกจับอยู่ใน กลุ่ม A ร่วมกับ กัมพูชา และ ติมอร์ เลสเต ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความท้าทายแต่ไม่เกินศักยภาพของทีม การวางแผนและเตรียมตัวอย่างเป็นระบบจะเป็นกุญแจสำคัญในการไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีนี้
สัญญาณที่ดีต่อการพัฒนาเยาวชนไทย
หนึ่งในจุดแข็งของโครงสร้างฟุตบอลไทยยุคใหม่ คือการวางแผนระยะยาวให้กับทีมเยาวชนชุดต่างๆ ไม่เพียงแต่การเตรียมทีมเพื่อการแข่งขันรายการใดรายการหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความเข้าใจแท็คติก และความต่อเนื่องของผู้เล่นในระบบทีมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ทีมชุดนี้มีความพร้อมมากขึ้นเมื่อถึงเวลาลงสนามจริง
ผู้เล่นหลายรายจากชุดนี้ยังถือเป็นความหวังของทีมชาติชุดใหญ่ในอนาคต ดังนั้นประสบการณ์ที่ได้รับจากการลงแข่งระดับนานาชาติในซีเกมส์และชิงแชมป์เอเชีย จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและผลักดันศักยภาพของวงการลูกหนังไทยโดยรวม
ความคาดหวังจากแฟนบอลไทย
แฟนบอลชาวไทยต่างเฝ้ารอที่จะเห็นผลงานของทีมชาติไทย U23 ชุดนี้ เพราะไม่ใช่เพียงการลุ้นเหรียญทองซีเกมส์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบศักยภาพของทีมที่จะไปต่อในเวทีเอเชีย การมีโปรแกรมเก็บตัวและอุ่นเครื่องอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ทีมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่รออยู่
เมื่อระบบและความพร้อมเริ่มลงตัว ความหวังของแฟนบอลในการเห็นทีมชาติไทยกลับมายิ่งใหญ่ในระดับอาเซียนและเอเชียก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ติดตามข่าวสารฟุตบอลทีมชาติไทยแบบครบทุกมิติได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา
