ไทย U17 เปิดหัวสุดช้ำ! จเด็จ มีลาภ ยอมรับพ่าย อุซเบกิสถาน 1-4 ยังตามหลังระดับเอเชีย

ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ภายใต้การคุมทีมของ จเด็จ มีลาภ เริ่มต้นศึก AFC U-17 Asian Cup 2025 ได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับ อุซเบกิสถาน ไปด้วยสกอร์ 1-4 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม A นัดแรก ที่จัดขึ้น ณ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย เมื่อคืนวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

แม้ว่า ซิลวา เม็กเซส กองหน้าดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-เวลส์ จาก อะคาเดมี่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถยิงประตูแรกให้กับทีมชาติไทยได้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยทีมให้ผ่านพ้นความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไปได้ โดย เม็กเซส เพิ่งเดินทางมาสมทบกับทีมและยังไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นข้อเสียเปรียบสำคัญที่ทำให้เขาไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่

จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ได้ให้สัมภาษณ์อย่างจริงจังหลังเกมการแข่งขัน โดยยอมรับว่าทีมชาติไทยยังคงเป็นรองในระดับเอเชีย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับทีมที่แข็งแกร่งและมีการพัฒนาที่ก้าวล้ำไปกว่าพวกเราอย่าง อุซเบกิสถาน

“น่าเสียดายช่วง 15 นาทีแรก เรากำชับนักเตะแล้วแต่กลับเสีย 2 ประตูเร็วเกินไป ทำให้ต้องปรับแผนทันที” จเด็จ กล่าวอย่างหนักแน่น “เกมนี้เราขาด ปรเมศ ละอองดี และ เม็กเซส ก็เพิ่งมา ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อฟอร์มการเล่นของทีม”

ในช่วงครึ่งหลัง ทีมชาติไทยต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นเมื่อพวกเขาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เนื่องจากการบาดเจ็บของ ชัชวัสส์ สหนันชัยชิต ทำให้ทีมขาดกำลังสำคัญในแนวรับ และส่งผลให้สถานการณ์ในสนามยิ่งยากขึ้นไปอีก

“พอเหลือ 10 คน เราต้องเซฟตัวหลักไว้ เกมหน้าเราต้องสู้เต็มที่ แนวรับก็มีปัญหา เพราะ ชัชวัสส์ สหนันชัยชิต บาดเจ็บ ทำให้ต้องตัดชื่อออกจากทีม” จเด็จ กล่าวอย่างชัดเจน “หวังจะบี้คืนช่วง 20 นาทีสุดท้าย ถ้าสกอร์อยู่ที่ 2-1 แต่ก็ยากเพราะผู้เล่นน้อยกว่า”

การแพ้ในนัดนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเริ่มต้นที่ไม่น่าพอใจ แต่ยังสะท้อนถึงความแตกต่างของมาตรฐานการเล่นระหว่างทีมชาติไทยกับทีมคู่แข่งในระดับเอเชีย ซึ่งมีความแข็งแกร่งทั้งด้านร่างกาย ความสามารถในการเล่นเป็นทีม และทักษะเฉพาะตัวที่เหนือกว่า

“ระดับเอเชีย ไม่เหมือนอาเซียน พวกเรามีอาการตื่น พอมาเห็นอะไรต่างๆ หลายคนเป็นเด็กใหม่ ต้องเจอทีมที่แข็งแกร่ง ดุดัน เล่นบอลเป็นระบบ โลกฟุตบอลของเราต่างกับเขาเยอะ เขามีจังหวะ มีระบบ และเทคนิคส่วนตัว กล้ามเนื้อเขาแข็งแกร่ง เรายังเป็นรองตรงนี้” จเด็จ กล่าวถึงความท้าทายที่ทีมชาติไทยต้องเผชิญในการแข่งขันครั้งนี้

ในแง่ของการเล่น เกมรุกของทีมชาติไทยพยายามที่จะสร้างโอกาสด้วยการเล่นบอลทั้งสั้นและยาว แต่การเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีความเร็วสูงและความสามารถในการกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาต้องรีบออกบอลอยู่เสมอ การตั้งเกมบุกที่วางแผนไว้จึงไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

“เราพยายามให้เขาเปิดพื้นที่ ทั้งหน้าไลน์ และหลังไลน์ พยายามเซ็ตบอลแล้ว แต่พอโดนกดดัน เรามาผิดพลาดกันเยอะ เลยต้องเปลี่ยนวิธีการในบางสถานการณ์” จเด็จ กล่าวอย่างละเอียดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสนาม

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดถัดไปของ ทีมชาติไทย U17 คือการพบกับ ซาอุดีอาระเบีย U17 ทีมเจ้าภาพ ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมในทุกด้าน นัดนี้จะลงแข่งขันในคืนวันที่ 6 เมษายน 2568 เวลา 00.15 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่สนาม คิง ฟาฮัด สปอร์ตส์ ซิตี้ ถ่ายทอดสดผ่านทาง T Sports 7 และ Facebook / YouTube : ช้างศึก

การพบกับ ซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นเจ้าภาพย่อมไม่ใช่งานง่ายสำหรับทีมชาติไทย แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการเรียนรู้จากความผิดพลาดในเกมที่ผ่านมา และพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อที่จะสามารถสร้างผลงานที่ดีขึ้นได้ในการแข่งขันที่สำคัญนี้

ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ ฟุตบอลทีมชาติไทย U17 และการเดินหน้าสู่ความสำเร็จในศึก AFC U-17 Asian Cup 2025 ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา เว็บเดียวที่คุณไว้ใจได้เสมอ

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา