ส่อง 5 ประเด็นเข้มข้นหลังเกม ทีมชาติไทย เฉือนศรีลังกา 1-0 รอบคัดเลือกเอเชียนคัพ 2027 – “ชนาธิป” โชว์คลาส, “แนวรุก” ยังขาดคม

เกมแรกของการลุยศึก เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือกได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับ ทีมชาติไทย และแม้ผลการแข่งขันจะออกมาในทิศทางที่ดี เมื่อ “ช้างศึก” ประเดิม 3 แต้มเหนือ ศรีลังกา ไปแบบหืดจับ 1-0 แต่สิ่งที่ตามมาคือคำถามมากมายถึงรูปเกมที่ดูอึดอัด ไม่ลื่นไหล และจังหวะปิดสกอร์ที่ยังไม่เฉียบคมพอ ซึ่งในบทความนี้ บ้านกีฬา ขอสรุปประเด็นร้อน 5 ข้อที่ต้องจารึกหลังเกมนัดนี้อย่างเข้มข้นเหมือนนักข่าวข้างสนามตัวจริง!

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

[1] ปรับแผนถูกจุด – ไม่ฝืนตำแหน่งแบ็กซ้ายให้วุ่น

มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือเลือดซามูไรของทัพช้างศึก เริ่มต้นเกมแรกของรอบคัดเลือกด้วยการจัดทีมแบบมีเหตุมีผล ไม่ดันทุรังเลือกนักเตะผิดตำแหน่งอย่างที่เคยโดนวิจารณ์ในอดีต เขามอบหมายให้ ปฏิวัติ คำไหม ลงเฝ้าเสาตั้งแต่เริ่มเกม ส่วนแผงหลังมี เอเลียส ดอเลาะ ยืนคู่กับ โจนาธาร เข็มดี ที่ฟอร์มดีวันดีคืน

ที่น่าสนใจคือฝั่งซ้ายของแนวรับ อิชิอิตัดสินใจส่ง อิรฟาน ดอเลาะ ลงสนาม แม้ตำแหน่งถนัดของเจ้าตัวจะเป็นมิดฟิลด์ แต่ด้วยความถนัดเท้าซ้ายตามธรรมชาติ และมีประสบการณ์ถูกโยกไปยืนฟูลแบ็กตั้งแต่สมัยยู-23 จึงทำให้การเลือกใช้เขาในเกมนี้ดูลงตัวกว่าการดันนักเตะเท้าขวามาเล่นแบ็กซ้ายอย่างที่เคยเกิดขึ้น ผลลัพธ์คือ อิรฟานไม่เด่นมากแต่รับบทบาทได้ดี และไม่ทำให้เกมเสียจังหวะ

แดนกลางประกอบด้วย วีระเทพ ป้อมพันธ์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาจับคู่กันอีกครั้ง โดยมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เป็นตัวเลือกเสริม ส่วนแนวรุก “อิชิอิ” จัดเต็มตามเสียงเรียกร้องจากแฟนบอล ส่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ ขึ้นเกมริมเส้น ซ้าย-ขวา โดยมี พาทริค กุสตาฟส์สัน ยืนหน้าเป้า

น่าเสียดายที่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ดาวรุ่งผู้เฉิดฉายในเกมอุ่นเครื่องกับอัฟกานิสถานไม่ได้รับโอกาสในเกมนี้ แต่ภาพรวมคือการจัดทัพที่ชัดเจนและไม่มีการฝืนดันนักเตะเล่นผิดธรรมชาติแบบในอดีต

[2] ศรีลังกา ไม่ใช่ทีมแจกแต้มอีกต่อไป

อย่าปล่อยให้ ฟีฟ่า แรงกิ้ง มาหลอกตา เพราะแม้ ศรีลังกา จะรั้งอันดับ 45 จาก 46 ชาติในทวีปเอเชีย แต่พวกเขาในยุคปรับปรุงใหม่ที่นำโดย อับดุลเลาะห์ อัล มูตารี่ กุนซือชาวคูเวต มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดเกินคาด

11 ตัวจริงของพวกเขาที่บุกมาเยือนราชมังคลากีฬาสถานไม่มีนักเตะคนใดค้าแข้งในประเทศตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว! และ 7 รายจาก 11 คนเล่นอยู่ในลีกยุโรป ขณะที่อีก 8 คนเป็นนักเตะลูกครึ่งทั้งหมด โดยเฉพาะดาวเด่นอย่าง อนุจัน ราเจนดรัม (แบ็กซ้ายจากนอร์เวย์) และ อัดหะวัน ราจาโมหัน (กองกลางจากสวีเดน)

มีเพียง สุจัน เปเรรา ผู้รักษาประตูเท่านั้นที่เป็นนักเตะท้องถิ่นโดยกำเนิด ซึ่งเขาเองก็โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบในเกมนี้

เกมครึ่งแรกคือบทพิสูจน์ว่า “ศรีลังกาไม่หมู” พวกเขากดดันสูง ไล่บีบพื้นที่จนไทยต่อบอลกันไม่ถนัด และเปิดโอกาสให้ช้างศึกยิงเพียง 2 หน โดยหนึ่งในนั้นคือประตูเดียวของเกม การเล่นที่เป็นระบบระเบียบแบบนี้ ไม่ได้เห็นจากศรีลังกามานาน และนับจากนี้ไปพวกเขาคงไม่ใช่ “ทีมแจกแต้ม” อีกต่อไปแน่นอน

[3] โอกาสเพียบ แต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้

แม้ครึ่งแรกทีมชาติไทยจะไม่ค่อยมีจังหวะยิงเท่าไร แต่ครึ่งหลังเมื่อปรับแท็กติกและเจอศรีลังกาเปิดเกมบุกมากขึ้น ทำให้มีช่องว่างให้โจมตีมากขึ้น แต่โอกาสทองกว่า 12 ครั้งกลับจบลงด้วยประตูเพียงลูกเดียว!

จังหวะสำคัญมีเพียบ ไม่ว่าจะเป็น

  • นาทีที่ 51 พาทริค กุสตาฟส์สัน หลุดเดี่ยวแล้วยิงเฉียดเสา
  • สุภโชค สารชาติ ซัดหักข้อชนเสา
  • ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้ลุ้นสองหนแต่พลาดหมด ทั้งยิงหลุดกรอบและจ่ายข้ามฟ้ากับสุภโชค
  • ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา มีจังหวะแปเน้นๆ นาที 73 แต่ดันยิงผิดเหลี่ยม

ทั้งหมดสะท้อนปัญหาซ้ำซากในแนวรุกของไทย — ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ และนี่เป็นผลกระทบโดยตรงจากแนวโน้มของบอลไทยลีกที่ยังเน้นใช้งานกองหน้าต่างชาติ ทำให้โอกาสของแข้งท้องถิ่นในการพัฒนาเฉียบคมลดลง หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ก็ยากที่จะได้เห็น ธีรศิลป์ แดงดา คนต่อไป ในเร็ว ๆ นี้

[4] มิติใหม่จากผู้รักษาประตู – เริ่มมีลูกสูตรจากแนวหลัง

หากมีสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเชิงแท็กติกในยุคของ “อิชิอิ” ก็คือแนวคิดใหม่ในการสร้างเกมจากแดนหลัง โดยเฉพาะการใช้ ปฏิวัติ คำไหม วางบอลยาวเพื่อเปิดเกมเร็ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักจากนายทวารรายนี้ในนามทีมชาติ

ที่ผ่านมา ปฏิวัติมักจะเน้นเล่นสั้น หรือเก็บบอลไว้เปิดจังหวะที่ปลอดภัย แต่ในเกมกับศรีลังกา เขามีจังหวะวางบอลไกลบ่อยกว่าปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการบ้านที่อิชิอิสั่งมาเพื่อเตรียมไว้ใช้ในเกมที่ต้องเล่นเกมสวนกลับหรือเร่งจังหวะให้ทันสถานการณ์

แม้เกมนี้ยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่หากใช้ให้คมในเกมถัดไป นี่อาจเป็น “หมากลับเกม” สำคัญของช้างศึกในการเจอกับคู่แข่งที่เน้นรับลึก

[5] ชนาธิป สรงกระสินธ์ – ฟอร์มเทพคืนสังเวียน

ในวันที่ทีมชาติไทยมีโอกาสมากแต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ หนึ่งในไม่กี่คนที่ทำผลงานได้ดีจนเป็นที่จับตาก็คือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ขวัญใจแฟนบอลที่แสดงให้เห็นว่าแม้จะห่างจากทีมชาติไประยะหนึ่ง แต่คลาสยังคงเดิม

ตลอด 90 นาที “เมสซี่เจ” เป็นหัวใจในการสร้างสรรค์เกมรุกให้ช้างศึก มีจังหวะจ่ายบอลแบบ คิลเลอร์พาส ที่สร้างโอกาสเข้าทำได้อย่างน้อย 3 ครั้ง แม้ไม่มีแอสซิสต์ติดมือ แต่การเลือกจังหวะ, การเคลื่อนที่, การคุมจังหวะเกมยังเฉียบขาด

หวังว่าเขาจะฟิตสมบูรณ์และรักษาฟอร์มระดับนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง เพราะชัดเจนว่า ชนาธิป คือ “แมตช์วินเนอร์” ตัวจริงเสียงจริงของไทยที่ไม่มีใครแทนได้ในเวลานี้

ติดตามทุกบทวิเคราะห์ฟุตบอลทีมชาติไทยและคอนเทนต์คุณภาพที่เจาะลึกถึงขั้วหัวใจเกมลูกหนังได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา