
ประเด็นร้อนของวงการลูกหนังไทยในเวลานี้คงหนีไม่พ้น ทีมชาติไทย ยู-20 ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าในศึก เอเชียนคัพ ยู-20 2025 แม้ว่าจะได้รับการผลักดันและดูแลโดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาเป็นเวลาถึง 2 ปี แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้า อย่างไรก็ตาม “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุดเยาวชน ออกมาแสดงความเห็นสวนกระแส โดยยืนยันว่าปัญหานี้ “ไม่ใช่ความผิดของเนวิน ชิดชอบ หรือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงฝ่ายเดียว”
“โค้ชฉ่วย” มองต่าง! การให้สโมสรดูแลทีมชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ และบุรีรัมย์ทำเต็มที่แล้ว
ทีมงาน ฟุตบอลสยามรายวัน ได้สอบถามความเห็นของ “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ตำนานผู้ปลุกปั้นแข้งเยาวชนไทย และอดีตกุนซือ ทีมชาติไทย ยู-19 ชุดปี 2012 ที่เคยร่วมงานกับ ส.ส.ชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น โดยเจ้าตัวได้ให้มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีที่หลายฝ่ายพุ่งเป้าวิจารณ์ คุณเนวิน ชิดชอบ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่าทำให้ ยู-20 ไทย ประสบความล้มเหลว
“ในมุมของผม ผมมองว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และคุณเนวิน ไม่ควรถูกตำหนิว่าเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวของทีมชาติไทย ยู-20 เพราะเราต้องเข้าใจว่า บุรีรัมย์มีแนวทางของตัวเองมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ จะเข้ามาทำทีมชาติแบบไร้ทิศทาง พวกเขาชัดเจนมาโดยตลอด หากทำแล้วไม่สำเร็จ ก็ต้องยอมรับ และหาทางแก้ไข”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีสโมสรเข้ามามีบทบาทกับฟุตบอลทีมชาติ ก่อนหน้านี้เราก็เคยเห็นการบริหารลักษณะนี้มาก่อน หลายปีที่ผ่านมา มีการนำบุคคลจากสโมสรเข้ามาทำงานในสมาคมฟุตบอล เอาเด็กไปเก็บตัวกับสโมสร เอาโค้ชของทีมไปเป็นเฮดโค้ชทีมชาติ ซึ่งแนวทางเหล่านี้มีมานานแล้ว เพียงแค่ครั้งนี้บุรีรัมย์ทำอย่างเปิดเผยและชัดเจนมากขึ้น“
ระบบฟุตบอลไทยต้องปรับโครงสร้าง ไม่ใช่โยนความผิดให้แค่สโมสรเดียว
โค้ชฉ่วยยังมองว่า ปัญหาหลักของฟุตบอลไทยไม่ได้อยู่ที่ใครเป็นคนทำทีมเยาวชน แต่มันอยู่ที่ระบบพัฒนาผู้เล่นตั้งแต่ระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขในระยะยาว
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ วิธีการหรือผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของ ระบบฟุตบอลไทยทั้งระบบ จริง ๆ แล้วสิ่งที่เราต้องโฟกัสคือ โครงสร้างการพัฒนาเยาวชนที่ต้องยั่งยืน ไม่ใช่หวังพึ่งแค่สโมสรใดสโมสรหนึ่งเข้ามาทำงาน แล้วถ้าผลงานดี ก็ชื่นชม แต่ถ้าผลงานไม่ดี ก็โยนความผิดให้ไปทั้งหมด“
“ฟุตบอลระดับเยาวชนมันต้องมี ความต่อเนื่อง มีแนวทางชัดเจน และต้องพัฒนาในระดับโครงสร้าง ไม่ใช่แค่การนำผู้เล่นไปฝึกซ้อมในสโมสรใดสโมสรหนึ่ง แล้วคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ”
ทางออกของทีมชาติไทย ยู-20 ควรเป็นอย่างไร?
โค้ชฉ่วยยังให้แนวทางว่า การพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนของไทย ต้องมีการวางแผนระยะยาว และต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สโมสรฟุตบอล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ถ้าจะให้ทีมชาติไทย ยู-20 แข็งแกร่งขึ้น เราต้องมีลีกเยาวชนที่แข็งแกร่ง มีแมตช์แข่งขันที่ต่อเนื่อง และมีระบบพัฒนาเยาวชนที่ทั่วถึง ไม่ใช่แค่เอาสโมสรทีมใดทีมหนึ่งมารับผิดชอบทั้งหมด แล้วถ้าผลงานไม่ดี ก็กล่าวโทษกันไปมา”
“บุรีรัมย์ทำหน้าที่ของพวกเขาเต็มที่แล้ว แต่ฟุตบอลเยาวชนมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น มันต้องมีการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ถ้าเราไม่แก้ที่ระบบ ต่อให้เปลี่ยนใครมาทำทีม ก็อาจจะเจอปัญหาแบบเดิม”
สรุป: ไม่ใช่ความผิดของบุรีรัมย์ แต่เป็นเรื่องของระบบฟุตบอลไทยทั้งหมด
จากมุมมองของ โค้ชฉ่วย ชัดเจนว่า ความล้มเหลวของทีมชาติไทย ยู-20 ไม่ใช่ความผิดของเนวิน ชิดชอบ หรือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องของระบบฟุตบอลไทยที่ต้องมีการพัฒนาอย่างจริงจัง
แทนที่จะหาคนผิด เราควรมองไปข้างหน้า และปรับปรุงแนวทางการพัฒนาเยาวชน ให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืนมากขึ้น เพราะหากฟุตบอลไทยต้องการประสบความสำเร็จในระดับเอเชีย เราจำเป็นต้องสร้างระบบที่แข็งแกร่งตั้งแต่รากฐาน ไม่ใช่พึ่งพาสโมสรใดสโมสรหนึ่งเป็นหลัก
ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลไทย และความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทยได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา