“โค้ชเตี้ย” ชายผู้ใช่! กับการพลิกโฉม “ต่อพิฆาต” สู่เส้นทางที่สดใส

แม้ว่าการพ่ายแพ้ให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายในบ้านของ พีที ประจวบ เอฟซี ไว้ที่ 13 นัด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขากำลังก้าวถอยหลัง เพราะตลอดเกมที่ดวลกับจ่าฝูง พวกเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่พัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจน ภายใต้การคุมทีมของ สะสม พบประเสริฐ หรือที่แฟนบอลรู้จักกันดีในชื่อ “โค้ชเตี้ย”

จากทีมลุ้นตกชั้นสู่ “นักรบแดนใต้” ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา

นับตั้งแต่ พีที ประจวบ เอฟซี ก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดในปี 2018 พวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมที่สร้างความหนักใจให้กับยักษ์ใหญ่ใน ไทยลีก ได้อยู่เสมอ แม้จะไม่มีขนาดทีมใหญ่เทียบเท่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด หรือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แต่ “ต่อพิฆาต” ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่บนลีกสูงสุดมาได้อย่างต่อเนื่อง

จุดเปลี่ยนสำคัญของทีมเริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์คว้า แชมป์ลีกคัพ ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่คาดฝันของทีมระดับกลาง แต่หลังจากนั้น พีที ประจวบ ต้องต่อสู้กับความยากลำบากในลีก และตกอยู่ในสถานการณ์ลุ้นหนีตกชั้นแทบทุกฤดูกาล

📌 ฤดูกาล 2020-21: เคยจมอยู่ในโซนแดงถึง 8 จาก 30 สัปดาห์ ก่อนจะเร่งเครื่องขึ้นมาอยู่ที่ อันดับ 10
📌 ฤดูกาล 2021-22: จมรองบ๊วยนานถึง 18 สัปดาห์ และรอดตกชั้นแบบหวุดหวิด ด้วยแต้มที่เหนือ สุพรรณบุรี เอฟซี เพียง 1 คะแนน
📌 ฤดูกาล 2022-23: แม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนปีก่อนหน้า แต่ทีมก็ต้องดิ้นรนจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย
📌 ฤดูกาล 2023-24: อยู่ในอันดับสุดท้ายของตารางในช่วงเลกแรก และจมบ๊วยถึง 12 สัปดาห์ ก่อนที่สโมสรจะตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการแต่งตั้ง สะสม พบประเสริฐ เข้ามาคุมทีมเมื่อ 31 มกราคม 2024 และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ “ปาฏิหาริย์”

“โค้ชเตี้ย” กับภารกิจเปลี่ยน “ต่อพิฆาต” ให้กลายเป็นทีมที่มีอนาคต

การมาของ สะสม พบประเสริฐ เปรียบเสมือนการเติมเชื้อไฟให้กับทีม เขาเข้ามาปรับโครงสร้าง “พีที ประจวบ” ใหม่ทั้งหมด ไม่เพียงแต่ในเรื่องของแท็กติก แต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจของผู้เล่น ที่สำคัญ “โค้ชเตี้ย” ยังเป็นกุนซือที่สามารถปลุกปั้นนักเตะจนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติได้อีกด้วย

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนคือ พันธมิตร ประพันธ์ แข้งดาวรุ่งที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จัก แต่หลังจากได้รับโอกาสจาก สะสม เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อติดทีมชาติไทยได้อย่างภาคภูมิ

นอกจากนั้น “โค้ชเตี้ย” ยังช่วยให้แนวรับของ พีที ประจวบ กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยพวกเขาเสียประตูน้อยที่สุดเป็น อันดับที่ 6 ของไทยลีก ซึ่งมีเพียงทีมชั้นนำอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ อุทัยธานี เอฟซี ที่มีสถิติที่ดีกว่า

เกมล่าสุดที่พ่าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือสัญญาณของอนาคตที่ดีขึ้น

แม้ว่าเกมล่าสุด พีที ประจวบ จะพลาดท่าต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่พวกเขาไม่ได้เป็นรองเลยแม้แต่น้อย ทีมของ สะสม พบประเสริฐ วางแท็กติกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถต้านทานเกมรุกของ บุรีรัมย์ ได้ดี

แม้บุรีรัมย์จะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า แต่พวกเขากลับแทบไม่มีโอกาสจบสกอร์แบบจะแจ้งเลย เพราะเกมรับของ พีที ประจวบ ที่นำโดย อามีร์ เชกินี่, แอร์ตอน และ เยสเปอร์ นีโฮล์ม สามารถตัดเกมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมี กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ และ ฉัตรมงคล ทองคีรี ช่วยสกรีนเกมในแดนกลาง

อย่างไรก็ตาม คุณภาพผู้เล่นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงสร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ และจังหวะจุดโทษที่ พีที ประจวบ เสียไป ก็เป็นการตัดสินที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับจังหวะล้ำหน้าที่ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสตีเสมอช่วงท้ายเกม

แม้จะแพ้ แต่พวกเขากำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

บททดสอบสำคัญ! 4 นัดถัดไปที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง

แม้ พีที ประจวบ จะรั้งอันดับ 7 และไม่ต้องกังวลเรื่องตกชั้นอีกแล้ว แต่พวกเขากำลังจะเจอกับ บททดสอบที่หนักหน่วงที่สุดของฤดูกาล กับโปรแกรม 4 นัดถัดไปที่ต้องเล่นเป็นทีมเยือนทั้งหมด ได้แก่

📌 พบ ขอนแก่น เอฟซี – ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น และต้องการแต้มทุกนัด
📌 พบ การท่าเรือ เอฟซี – หนึ่งในทีมใหญ่ที่มีขุมกำลังแข็งแกร่ง
📌 พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด – ทีมที่ต้องการไล่ล่าพื้นที่เอเชีย
📌 พบ เชียงราย ยูไนเต็ด (ลีกคัพ) – ต้องเจอทีมแกร่งในฟุตบอลถ้วยที่เต็มไปด้วยความกดดัน

หากพวกเขาผ่านโปรแกรมนี้ไปได้โดยยังรักษาฟอร์มดีเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลสำหรับฤดูกาล 2024-25 และสิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขามี “โค้ชเตี้ย” เป็นกุนซือที่ใช่ สำหรับก้าวต่อไปของสโมสร

บทสรุป: “โค้ชเตี้ย” คนที่ใช่ และอนาคตที่สดใสของ “ต่อพิฆาต”

การมาของ สะสม พบประเสริฐ เปลี่ยน พีที ประจวบ ให้กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้ดีขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และมีระบบที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือ “คนที่ใช่” สำหรับทีมนี้ และหากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่า “ต่อพิฆาต” อาจก้าวไปไกลกว่าที่ทุกคนคาดคิด

ติดตามข่าวบอลไทยอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา