การแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 (AFF Championship 2024) เตรียมยกระดับมาตรฐานด้วยการนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) มาใช้ในการตัดสินทุกแมตช์สำคัญ การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มความโปร่งใสและลดข้อครหาที่อาจเกิดขึ้นในศึกชิงเจ้าอาเซียน
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ยืนยันว่าจะเริ่มใช้ระบบ VAR ตั้งแต่ รอบแบ่งกลุ่ม โดยจะมี กล้อง 10 ตัว คอยช่วยจับภาพในจังหวะสำคัญ และเมื่อเข้าสู่รอบ รองชนะเลิศ และ รอบชิงชนะเลิศ จะเพิ่มจำนวนกล้องเป็น 12 ตัว เพื่อให้การตัดสินมีความแม่นยำและเป็นธรรมยิ่งขึ้น
การแข่งขันที่ทุกสายตาจับจ้อง: เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024
การแข่งขันครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มเอ: ทีมชาติไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา, ติมอร์-เลสเต
กลุ่มบี: อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, ลาว
ทีมชาติไทยในฐานะแชมป์เก่าต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งในกลุ่มเอ โดยเฉพาะ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ที่เป็นคู่แข่งดั้งเดิม ขณะที่ อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ในกลุ่มบี ก็เป็นทีมที่ถูกจับตามองในฐานะทีมเต็งที่จะเข้ารอบลึก ๆ
VAR: ตัวช่วยสร้างความยุติธรรมในเกมลูกหนัง
การใช้ VAR ในการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการปรับตัวตามมาตรฐานฟุตบอลระดับโลก นอกจากจะช่วยลดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจของกรรมการแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะและแฟนบอลที่ติดตามการแข่งขัน การเพิ่มจำนวนกล้องในรอบลึก ๆ ยังแสดงถึงความตั้งใจของฝ่ายจัดในการทำให้การแข่งขันมีความเที่ยงธรรมมากที่สุด
จังหวะสำคัญที่ VAR จะมีบทบาทได้แก่:
- การตรวจสอบจังหวะทำประตูว่าล้ำหน้าหรือไม่
- การตัดสินจังหวะฟาวล์ในกรอบเขตโทษ
- การแจกใบแดงในกรณีที่มีการทำฟาวล์ร้ายแรง
- การยืนยันว่าลูกบอลข้ามเส้นประตูหรือไม่
การแข่งขันที่เข้มข้นและความคาดหวังของแฟนบอล
การนำ VAR มาใช้ใน AFF Championship 2024 ไม่เพียงช่วยเพิ่มความยุติธรรมในเกม แต่ยังเพิ่มความเข้มข้นในทุกจังหวะสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้ ศึกครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการแข่งขันเพื่อหาทีมที่ดีที่สุดในอาเซียน แต่ยังเป็นการแสดงถึงการพัฒนามาตรฐานฟุตบอลในภูมิภาคให้ทัดเทียมกับระดับโลก
ติดตามข่าวบอลไทยอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา