สโมสรฟุตบอลอินเตอร์ นาซิโอนาเล มิลาโน Football Club Internazionale Milano S.p.A หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าอินเตอร์ มิลาน ฉายา งูใหญ่เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีฐานอยู่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี 1909 ถือเป็นทีมเดียวที่ไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดของอิตาลีอย่าง กัลโช เซเรีย อา สโมสรนี้ตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดีของอิตาลี โดยเฉพาะในเมืองมิลาน อินเตอร์ มิลานมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี
ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรอินเตอร์ มิลาน
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
ประวัติสโมสรกว่า 116 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลอินเตอร์ มิลานขึ้นมา กลายเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยให้ เมืองมิลานมีการแข่งขันที่น่าสนใจ ช่วยเพิ่มเติมแฟนบอลจำนวนมาก รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย เริ่มจากในปี ค.ศ. 1908 ซึ่งถือว่าไม่ใช่สโมสรฟุตบอลในช่วงก่อตั้งสมาคม และไม่ได้ใช้ชื่ออย่างทุกวันนี้ กลับเป็นการใช้ชื่อ ฟุตบอล คลับ อินแตร์นาซีโอนาเล มีสมาชิกภายในสโมสรแยกตัวมาจาก มีลาโนตคริกเกร็ตแอนด์ฟุตบอลคลับ ต้องยอมรับว่าสโมสรในเมืองนี้ที่ก่อตั้งมาก่อนก็คือ เอซี มิลาน มีกลุ่มคนชาวอิตาลีและจิตรกรชาวสวิสร่วมก่อตั้งในครั้งนั้น
สาเหตุที่มีการแยกและตั้งสโมสรใหม่ มีข้อมูลดังนี้ว่าต้องการที่จะพัฒนาและเปิดโอกาสให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในประเทศอิตาลี สามารถที่จะลงแข่งขันและพัฒนามาตรฐานได้อย่างดี ทำให้จุดมุ่งหมายของทั้ง 2 สโมสรมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หลังจากมีดการก่อตั้งใช้เวลานานกว่า 2 ปี จึงจะสามารถเข้าลงแข่งขันในลีกชั้นนำภายในประเทศได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานอีก 10 ในปี ค.ศ. 1920 ถึงจะขึ้นไปสร้างชื่อละคว้าแชมป์รายการแรกได้สำเร็จ แต่ทว่าหลังจากนั้น 2 ปี สโมสรกลับมีผลงานตกต่ำลงอย่างมากมาย
ทำให้เกือบที่จะตกชั้นลงไปแข่งขันในลีกดิวิชัน 2 ภายในประเทศ ซึ่งผลงานในรอบเพลย์ออฟช่วยให้รอดพ้นในครั้งนั้นได้ 6 ปีต่อมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น มีการถูกบังคับให้ควบรวมสโมสรกับ สมาคมฟุตบอลมิลานีสยูเนี่ยน สปอร์ติวา ทำให้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น สปอร์ติวา แอมโบรเซียนา และการแต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่อย่างเป็นทางการ โอเรสเต ซิโมนอต รวมไปถึงเปลี่ยนแปลงชื่อสโมสรใหม่อีกครั้งว่า Associazione Sportiva Ambrosiana แต่ในฐานะของแฟนบอลมากมาย ยังคงเรียกและคุ้นชินกับชื่อสโมสรอินเตอร์
ทำให้เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนทุกอย่างก็ไม่แตกต่างไปจากเดิม เรื่องของผลงานก็ถือว่าทำได้ดีตามลำดับ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1931 มีการเปลี่ยนชื่อของสโมสรอีกครั้งเป็น สปอร์ติวา แอมโบรเซียนา อินเตอร์ เนื่องจากว่าในเวลานั้นหุ้นของสโมสรมากมาย รวมตัวกันกดดันให้มีการเปลี่ยนชื่อเกิดขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงว่าเป็นสโมสรอินเตอร์อย่างแท้จริง ยุคเริ่มต้นของฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ สโมสรแห่งนี้สามารถที่จะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ในปี ค.ศ. 1938-1939 ได้ขึ้นไปคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยการนำทีมจาก จูเซปเป เมอัซซา ต้องบอกได้ว่าบุคคลนี้มีความสำคัญอย่างมาก ช่วยให้มีทิศทางและแผนการทำทีมที่ช่วยให้ทุกอย่างง่ายและชัดเจน
แต่ยังไม่หมดเท่านั้น 2 ปี ต่อมาสามารถขึ้นไปครองแชมป์ลีกสูงที่สุดได้อีกรายการ กลายเป็นยุคทองของสโมสรแห่งนี้อย่างแท้จริงนั่นเอง และเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกอย่างจบลง ทางสโมสรได้เปลี่ยนชื่อและกลับมาใช้งาน สโมสรอินเตอร์ ตามเดิม แต่ก็ยังรักษามาตรฐานได้ มีการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเพิ่มเติมอีก 2 สมัยติดต่อกันในปี ค.ศ. 1953 และ 1954 ก้าวเข้าสู่ยุคทองที่แท้จริงในปี ค.ศ. 1960 มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามา ซึ่งมีประวัติน่าสนใจเคยคุมสโมสรชั้นนำในประเทศสเปนอย่าง บาร์เซโลน่า ต้องบอกว่าสโมสรแห่งนี้ยิ่งใหญ่มานานมาแล้ว การมาของเขาคนนี้ช่วยให้ยกระดับและมาตรฐานการแข่งขันได้อย่างมากมาย
เอเลนิโอ เอร์เรรา ยังมีการดึงตัวนักเตะชื่อดังเข้าร่วมทีมอีกด้วย ลุยส์ ซัวเรซ มิรามอนเตส หนึ่งในตำนานนักเตะที่เก่งและดีที่สุดในเวลานั้น เคยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมระดับโลกมาแล้ว กล่าวได้ว่าทุกอย่างจากภายในประเทศ กลายมาเป็นการพัฒนาสู่ระดับยุโรปอย่างแท้จริง ต้องยอมรับว่าในประเทศถือว่าน่าสนใจและมีมาตรฐานมากแล้ว แต่ถ้าเทียบกับระดับของทางยุโรป ลีกจากประเทศอิตาลียังเป็นรองประเทศในยุโรปมากมาย การปรับเปลี่ยนและยกระดับ ช่วยให้ทิศทางและการพัฒนาฟุตบอล ช่วยให้ก้าวไปสู่ที่ดีมากยิ่งขึ้น และยังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสรที่มีการใช้แผนการเล่น 5-3-2 กองหลังถึง 5 คน กองกลาง 3 และกองหน้า 2 ซึ่งบอกได้ว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากในยุคนั้น
การที่มีกองหลังเพิ่มขึ้นกลายเป็นเอกลักษณ์ของฟุตบอลอิตาลีมาถึงทุกวันนี้ การที่สามารถตั้งรับพร้อมกับรอจังหวะสวนกลับที่มีความเด็ดเดี่ยว ทำให้แพ้ยากมากและส่งผลให้สโมสรที่ทำการแข่งขันด้วย เกิดความผิดพลาดนั่นเอง เชื่อเถอะว่าฟุตบอลอิตาลีเป็นความน่าสนใจที่แฟนบอลทั่วโลกให้การยอมรับมากที่สุด เมื่อมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงแชมป์ใหญ่ระดับยุโรปก็ไม่ไกลเกินจริง สามารถที่จะคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน 2 สมัย ติดต่อกัน ในปี ค.ศ. 1964 และ 1965 ทางสื่อชั้นนำจากทั่วโลก มีการตั้งฉายาให้กับผู้จัดการทีมรายนี้ว่าพ่อมด ที่พร้อมที่จะสร้างความแตกต่างและแปลกใหม่
เหมือนกับการเสกคาถานั่นเอง หลังจากที่สโมสรอินเตอร์ มิลานสร้างประวัติศาสตร์ไว้มากมายเมื่อถึงปี ค.ศ. 1971 ก็ยังเกินหน้าคว้าแชมป์อีกมากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อมดประทีมอีกแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับปี 60 นั่นเอง เนื่องจากว่าแชมป์ที่ทำได้เป็นภายในประเทศทั้งหมด ไม่มีแชมป์ระดับยุโรปเพิ่มเติม อาจจะเข้าแข่งขันแต่ก็ไม่สามารถทำผลงานหรือว่าจบด้วยความยิ่งใหญ่อีกต่อไป เข้าสู่ช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำสำหรับสโมสรแห่งนี้ จะเรียกว่ายุคตกต่ำที่สุดก็ถือว่าเหมาะสม อาจจะมาจากสโมสรอื่น ๆ ในประเทศอิตาลี มีการพัฒนาและก้าวขึ้นมาแข่งขัน จนทำให้สโมสรแห่งนี้ลดมาตรฐานลงไป และเกือบที่จะตกชั้นในปี ค.ศ. 1993-1994
มีผลคะแนนมากกว่าสโมสรอันดับที่ 17 แค่ 1 คะแนนเท่านั้น บอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่วิกฤตอย่างแท้จริง แต่ในระดับการแข่งขันยุโรป ทางสโมสรกลับทำผลงานสวนทางกับภายในประเทศอย่างสิ้นเชิง คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพถึง 4 สมัยด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1995 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้ การเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมรายใหม่ มัสซิโม โมรัตติ เข้ามาซื้อหุ้นส่วนมากและขึ้นไปเป็นประธานสโมสรคนใหม่อย่างเป็นทางการ และนี่เองก็ส่งผลให้สโมสรสร้างประวัติศาสตร์การซื้อตัวของนักเตะที่มีมูลค่าสูงที่สุด อันนี้จะเป็นข้อมูลในช่วงเวลาดังกล่าว โรนัลโด หรือว่า R9 หนึ่งในตำนานที่แฟนบอลทั่วโลก ต่างก็ยอมรับว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา มูลค่าในเวลานั้น 31 ล้านปอนด์
แต่การมากลับไม่ตอบสนองกับแฟนบอลที่คาดหวัง ไม่มีแชมป์ภายในประเทศเลย จนทำให้มีคำวิจารณ์มากมายว่า การลงทุนในครั้งนั้นมีความคุ้มค่าจริงหรือไม่ จนทำให้มีการปลดผู้จัดการทีมและมีการแต่งตั้ง ซิโมนี และการมาของเข้าคนนี้ สร้างความหวังให้กับแฟนบอลมากมาย ซึ่งเขาก็ทำให้แฟนบอลไม่ผิดหวัง พร้อมกับทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนได้รับผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมมาครองได้
ผลงานการคว้าแชมป์และการแข่งขันในอดีตของสโมสรอินเตอร์ มิลาน
ถ้าในเมืองมิลาน ต้องมี 2 สโมสรที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเทียบการคว้าแชมป์แล้วสโมสรอินเตอร์ มิลาน นับตั้งแต่มีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้นมา ไม่เคยที่จะตกชั้นลงไปแข่งขันในลีกรองเลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ได้น่าสนใจ เชื่อเถอะว่าสโมสรฟุตบอลที่ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน กลับรักษาและคงมาตรฐานที่ดีเอาไว้ได้ และยังสามารถทำได้ดีมากกว่าอันนี้นับแค่ในประเทศเท่านั้น เนื่องจากว่าเสือ 2 ตัว อยู่ในเมืองเดียวกัน การแย่งชิงความยิ่งใหญ่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่จะเป็นสโมสรไหนที่จะขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 มาดูข้อมูลการคว้าแชมป์ทั้งหมดของสโมสรอินเตอร์ มิลาน แล้วจะรู้ว่าความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมาจากผลงานทั้งหมด
เริ่มต้นจากแชมป์เซเรียอา 20 สมัย มากกว่าสโมสรร่วมเมือง 1 สมัย เริ่มต้นจากปี ค.ศ. 1909–1910 , 1919–1920 , 1929–1930 , 1937–1938 , 1939–1940 , 1952–1953 , 1953–1954 , 1962–1963 , 1964–1965 , 1965–1966 , 1970–1971 , 1979–1980 , 1988–1989 , 2005–2006 , 2006–2007 , 2007–2008 , 2008–2009 , 2009–2010 , 2020–2021 และ 2023–2024 โกปปาอีตาเลีย 9 สมัย ในปี ค.ศ. 1938–1939 , 1977–1978 , 1981–1982 , 2004–2005 , 2005–2006 , 2009–2010 , 2010–2011, 2021–2022 และ 2022–2023
ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 8 สมัย ในปี ค.ศ.1989 , 2005 , 2006 , 2008 , 2010 , 2021 , 2022 และ 2023 ต่อมาจะเป็นความยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป ยูโรเปียนคัพ 3 สมัย ในปี ค.ศ. 1963–1964 , 1964–1965 และ 2009–2010 ยูฟ่าคัพ 3 สมัย ในปี ค.ศ. 1990–1991 , 1993–1994 และ 1997–1998 มาต่อด้วยผลงานระดับนานาชาติ ทางสโมสรก็มีข้อมูลที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มจาก อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1964 และ 1965 กลายเป็นการคว้าแชมป์รายการสำคัญถึง 2 สมัยติดต่อกัน สร้างประวัติศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย ในปี ค.ศ. 2010 ต้องบอกว่าในเวลานั้น คือสโมสรที่ดีที่สุดในโลกที่แท้จริง
สรุปสถานการณ์โดยรวมของสโมสรอินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาล 2023-2024
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ และผลงานภายในลีกสูงที่สุด บอกได้ว่าทำออกมาได้อย่างเด็ดขาด ทิ้งห่างอันดับที่ 2 ถึง 19 คะแนน เรียกได้ว่ายกระดับมาตรฐานได้อย่างแท้จริง รวมไปอันดับที่ 2 ก็คือสโมสรร่วมเมืองอย่าง เอซี มิลาน ยิ่งทำให้ทุกอย่างลงตัวและกลายเป็นฤดูกาลที่แฟนบอลจะต้องจดจำไปอีกนาน มาดูกันว่าทำผลงานในอันดับอย่างไรบ้าง ลงแข่งขันไป 38 นัดด้วยกัน มีผลชนะถึง 29 นัด เสมอ 7 และแพ้ไปเพียงแค่ 2 นัด เชื่อเถอะว่ารายละเอียดแบบนี้ ช่วยให้แฟนบอลที่ไม่ได้ติดตามผลงาน ยังเข้าใจว่ามาตรฐานและความสำเร็จในครั้งนี้พิเศษแค่ไหน มีผลต่างประตูได้เสียยิงไปถึง 89 ประตู เสีย 22 ผลต่าง 67 ประตู ทั้งที่สโมสรไม่ได้มีนักเตะระดับโลกมากมาย
การพัฒนานักเตะดาวรุ่งและการวางแผน ถือว่าทุกอย่างออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก และจบด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงที่สุด ทำให้แฟนบอลมากมายหวังว่าในฤดูกาลต่อไป จะยังสามารถรักษามาตรฐานและป้องกันแชมป์ได้อีก ต้องบอกแบบนี้ว่าสโมสรยูเวนตุส ที่มาถึงจุดตกต่ำทำให้สโมสรอื่น ๆ ทำผลงานที่สวนทางการ เรียกได้ว่าเปลี่ยนยุคสมัยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นในฤดูกาลที่จะเริ่มต้นใหม่แฟนบอล จะต้องติดตามและเชียร์สโมสรแห่งนี้ มั่นใจได้ว่าต้องมีความสนุกและนักเตะแจ้งเกิดอีกมากมาย