ภาพรวมเกมเดือด โคโม่ vs โรม่า ที่จบลงด้วยความคาใจ
เซสก์ ฟาเบรกาส กุนซือหนุ่มไฟแรงของโคโม่ ออกมาให้สัมภาษณ์แบบดุเดือดหลังเกมที่ทีมของเขาพ่ายโรม่าจากประตูตัดสินของ เวสลีย์ ฟรานก้า ในจังหวะยิงเฉียดคมลอดขา อเล็กซ์ บาเย่ กลายเป็นช็อตเดียวที่ชี้ขาดเกมระหว่างสองทีมที่แทบจะสู้กันได้สูสีทั้งแท็กติกและความเข้มข้น
เกมนี้ทั้งโคโม่และโรม่าเน้นสไตล์เพรสซิ่ง ดวลกำลังกันแทบทุกจังหวะ ชนิดที่ว่าใครแพ้ในเกมดวลตัวต่อตัวก็เสี่ยงโดนลงโทษทันที และในสายตาของฟาเบรกาส เขามองว่าลูกทีมของตัวเองสู้ได้ดี มีคาแรกเตอร์ แต่ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งและคุณภาพรายบุคคลของโรม่าโดยเฉพาะ มาติอัส โซเล่ (Matias Soulé) คือจุดต่างสำคัญในค่ำคืนนี้
ฟาเบรกาสให้สัมภาษณ์กับ Sky Sport Italia ว่า
โดยหากแปลเป็นไทย ฟาเบรกาสสื่อชัดเจนว่า เขาเห็นโรม่าเป็นทีมที่เน้นร่างกายจัดจ้าน ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โคม่ายังขาดอยู่ ถ้าไม่กล้าเอาบอลลงเล่นกับพื้นก็จะเจอปัญหาแน่นอน
ฟาเบรกาสชมโซเล่จัดเต็ม ยกเป็นแข้งระดับสูงของเซเรีย อา
ฟาเบรกาสไม่ลืมยกเครดิตให้โรม่า โดยเฉพาะดาวเด่นอย่าง มาติอัส โซเล่ ที่เล่นได้โดดเด่นเกินวัยทั้งการพาบอล การหาพื้นที่ และการสร้างความแตกต่างในพื้นที่สุดท้าย
ฟาเบรกาสย้ำชัดว่า เขาภูมิใจกับความทุ่มเทของลูกทีมที่สู้ได้จนจบเกม แม้รู้สึกว่าควรมีประตูติดมือ แต่ก็ต้องยอมรับว่าโรม่าเล่นด้วยความแข็งแกร่งและมีนักเตะชั้นยอดอย่างโซเล่ ซึ่งในมุมมองของเขา เป็นแข้งระดับสูงที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ใหญ่ในอนาคต และเป็นคนที่ “ทำให้เกิดความแตกต่าง” ในเกมนี้อย่างแท้จริง
โคโม่สภาพทีมไม่พร้อม แต่ยังฝืนส่งแข้งสำคัญลงสนาม
ก่อนเกมนี้ โคโม่เจอปัญหาสภาพทีมอย่างหนัก ทั้งอาการบาดเจ็บของ แอลบาโร่ โมราต้า, แซร์จี้ โรแบร์โต้, อัลแบร์โต้ ดอสเซนน่า, เอดูอาร์โด้ โกลดานิก้า รวมถึง มักซี่ เปร์โรเน่ ที่ติดโทษแบน ทำให้ฟาเบรกาสต้องลองแก้หมากโดยการใช้ นิโก้ ปาซ เป็น “ฟอลส์ไนน์” แก้ขัด
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่าฟาเบรกาสแทบไม่มีตัวเลือก ต้องจำใจส่ง นิโก้ ปาซ ที่เพิ่งหายจากไข้และแทบไม่ได้ซ้อมลงไปช่วยทีม เพราะขุมกำลังแนวรุกมีให้เลือกใช้น้อยเหลือเกินในเกมสำคัญแบบนี้
เกมดวลกำลังกลางสนาม และมุมมองเรื่องมาตรฐานเซเรีย อา
เกมนี้โคโม่เจอปัญหาใหญ่ในเรื่องการเจาะแนวรับของโรม่า แม้จะพยายามใช้ความเร็วของ อัสซาเน่ ดิอาโอ ในครึ่งแรก และ เปอราน ปอช ในครึ่งหลัง แต่ก็ยังติดกำแพงเกมรับกับความแข็งแกร่งตัวต่อตัวของโรม่าอยู่ดี
ฟาเบรกาสอธิบายว่า เกมประเภทนี้ใครกล้าพุ่งเข้าใส่มากกว่าจะได้เปรียบ โคม่าพยายามทำแบบนั้นกับดิอาโอและปอช แต่ก็ยังแพ้ในเกมดวลตัวต่อตัว โดยเฉพาะในแดนกลาง เขายังชี้ด้วยว่า กัลโช่ เซเรีย อา เป็นลีกที่มีเวลา “บอลกลิ้งจริงๆ” น้อย เพราะทุกอย่างเล่นกันดุดัน เน้นชน เน้นแท็กเกิล และกรรมการในเกมนี้ก็เลือกปล่อยเกมให้ไหลลื่นมากขึ้น ซึ่งโคม่าต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน
ดราม่าจังหวะ VAR และทัศนคติเรื่องแฟร์เพลย์
หนึ่งในจังหวะที่อาจเรียกเสียงบ่นจากหลายทีมคือช่วงที่ เจย์เดน อัดได ล้มเจ็บระหว่างการบuildup ก่อนเสียประตูให้โรม่า แต่ฟาเบรกาสกลับไม่เลือกใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้าง
จากคำพูดนี้ ฟาเบรกาสมองเกมแบบมืออาชีพ เขายอมรับว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องยากสำหรับนักเตะในสนาม ใครจะกล้าหยุดบอลเองในจังหวะลุ้นเกมบุก และในยุคที่มี VAR เขามองว่าฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไป รอการตัดสินทีหลัง มากกว่าจะยืนโวยอยู่กับที่ พร้อมตัดจบว่าเป็นเพียง “โชคร้าย” มากกว่าการเจตนาร้ายของใคร
เจ็บนี้มีผลถึงทีมชาติ ดราม่าระหว่างฟาเบรกาสกับเซเนกัล
จุดที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นประเด็นร้อนยิ่งกว่าผลการแข่งขัน คืออาการบาดเจ็บของ อัสซาเน่ ดิอาโอ ตัวรุกดาวรุ่งที่ถูกคาดหวังว่าจะมีชื่อในทีมชาติ เซเนกัล ชุดลุยแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์
ดิอาโอเจ็บกล้ามเนื้อจากจังหวะสปีดเต็มกำลังเข้าไปลุ้นประตู ก่อนจะต้องเดินกะเผลกออกในนาทีที่ 37 ซึ่งทำให้โอกาสไปเล่นให้ทีมชาติเซเนกัลในทัวร์นาเมนต์ใหญ่สั่นคลอนทันที
ฟาเบรกาสเผยว่าก่อนหน้านี้เขามี “บทสนทนาที่ไม่ราบรื่น” กับ ป๊าป ติอาว (Pape Thiaw) เฮดโค้ชทีมชาติเซเนกัลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของดิอาโอ และสถานการณ์ก็ยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีกหลังแข้งคนสำคัญมาเจ็บในเกมนี้
ฟาเบรกาสย้ำว่าเขาเคารพทีมชาติ และดีใจทุกครั้งที่ลูกทีมได้รับเรียกติดธง แต่กรณีของดิอาโอ เขาแค่ขอ “สามัญสำนึก” เพราะนักเตะรายนี้แทบไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องมาร่วม 8 เดือน เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่มีจังหวะสร้างความสม่ำเสมอ แม้กระทั่งเกมนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ควรฝืนใช้ แต่ฟาเบรกาสตัดสินใจส่งลง เพราะอีกไม่กี่วันนักเตะต้องเดินทางไปทีมชาติ และโคม่าจะไม่มีดิอาโอให้ใช้งานถึง 5 สัปดาห์ ทั้งที่สโมสรเป็นฝ่ายจ่ายค่าเหนื่อยอยู่ทุกเดือน
ถูกกดดันเรื่องไปฟุตบอลโลก ฟาเบรกาสมองว่าไม่ยุติธรรม
ดราม่าระหว่างโค้ชโคม่ากับเซเนกัลเดือดขึ้นไปอีกขั้น เมื่อฟาเบรกาสเล่าถึงคำพูดของโค้ชทีมชาติที่ทำให้เขารู้สึก “ไม่ถูกต้อง” อย่างแรง
แปลเป็นไทยได้ว่า โค้ชทีมชาติเซเนกัลบอกกับดิอาโอว่า หากไม่มาร่วมทีมคราวนี้ ก็จะไม่ได้ไปฟุตบอลโลกในอนาคต ซึ่งในสายตาของฟาเบรกาส นี่คือการใช้ความกลัวของนักเตะวัยเพียง 20 ปี มากดดันจนเกินเหตุ เขาจึงมองว่า “ไม่ยุติธรรม และไม่ถูกต้อง” ทั้งในเชิงจิตวิทยาและการบริหารจัดการนักเตะอาชีพ
มุมมองยาวๆ เรื่องสมดุลระหว่างทีมชาติและสโมสร
กรณีของ อัสซาเน่ ดิอาโอ ไม่ใช่เคสแรกในวงการฟุตบอลที่เกิดความตึงเครียดระหว่างสโมสรกับทีมชาติ โดยเฉพาะในยุคที่โปรแกรมแข่งแน่น นักเตะต้องเดินทางข้ามทวีปบ่อยครั้ง การบริหารสภาพร่างกายและการสื่อสารอย่างโปร่งใสจึงสำคัญมาก สโมสรต้องการให้นักเตะฟิตพร้อมในระยะยาว ขณะที่ทีมชาติก็อยากใช้งานแข้งที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์สำคัญ
สำหรับแฟนบอล การมองเรื่องนี้แบบเข้าใจทั้งสองฝั่งช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำไมโค้ชระดับ ฟาเบรกาส ถึงกล้าพูดตรงและแรง เขาไม่ได้ต่อต้านทีมชาติ แต่ต้องการปกป้องเส้นทางอาชีพของนักเตะวัยหนุ่มให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม และไม่ถูกกดดันเกินความจำเป็นในช่วงต้นเส้นทางค้าแข้ง
แฟนบอลไทยเกาะติดดราม่า ฟังมุมมองคอบอลได้ที่บ้านกีฬา
ควันหลงจากเกมโคโม่ชนโรม่าไม่ได้มีแค่แท็กติกในสนาม แต่ลามไปถึงประเด็นดราม่าเรื่องทีมชาติ เซเนกัล, อนาคตของ อัสซาเน่ ดิอาโอ และแนวคิดของ เซสก์ ฟาเบรกาส ในฐานะกุนซือยุคใหม่ที่กล้าปกป้องลูกทีมต่อหน้าสื่อ
แฟนบอลที่อยากตามทุกมุม ทั้งข่าวในสนาม นอกสนาม ดราม่าทีมชาติ-สโมสร รวมถึงวิเคราะห์สไตล์การเล่นของแข้งอย่าง มาติอัส โซเล่ และดาวรุ่งยุคใหม่จากลีกใหญ่ยุโรป ห้ามพลาดอัปเดตต่อเนื่องได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เพราะเราพร้อมเสิร์ฟทั้งข่าวเด็ด บทวิเคราะห์ และเรื่องราวภาษาบอลแบบถึงอารมณ์ให้แฟนลูกหนังชาวไทยได้อินไปพร้อมกันทุกวัน
