ภาพรวมเกม: บาดแผลจากความพ่ายแพ้ แต่ศักดิ์ศรียังเต็มร้อย
แม้ผลการแข่งขันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อ ยูเวนตุส ในบ้านตัวเอง แต่วินเชนโซ่ อิตาเลียโน่ ยืนยันชัดว่า เกมนี้ไม่ได้ทำให้ภาพรวมฤดูกาลของ โบโลญญ่า ดูเล็กลงหรือเสียของแต่อย่างใด สิ่งที่เจ็บคือรายละเอียดในสนาม ทั้งประตูที่เสียจากลูกเซตพีซ และใบแดงที่ตามมาแบบรวดเร็ว จนกลายเป็น “ดับเบิลหมัด” ที่ทีมรับไม่ทัน
ช่วงหลังในศึก กัลโช่ เซเรีย อา โบโลญญ่ากำลังเจอช่วงขาลงเต็มตัว สถิติบอกชัดว่าพวกเขาแพ้คาบ้านสองนัดติด (ต่อเครโมเนเซ่ 1-3 และแพ้ยูเว่ตามมา) เก็บได้แค่หนึ่งแต้มจากสามเกมล่าสุด โมเมนตัมที่เคยพุ่งขึ้นในลีกเริ่มสะดุด แต่มุมมองของอิตาเลียโน่คือ “หนึ่งเกมไม่ได้ทำลายทั้งซีซั่น” และนี่คือสารที่เขาส่งไปถึงนักเตะและแฟนบอล
จุดเปลี่ยนเกม: เซตพีซ-ใบแดง ทำเกมไหลไปเข้าทางยูเว่
ประตูตัดสินเกมมาจากสถานการณ์ที่โบโลญญ่าไม่ควรพลาด – ลูกเตะมุมสั้นที่เปิดเข้ามาให้ฮวน กาบาล ได้โขกแบบไร้ตัวประกบ กลายเป็นประตูสำคัญให้ยูเวนตุสออกนำ จากนั้นเพียง 5 นาที สถานการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อ ทอร์บเยิร์น เฮกเกม ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามหลังทำฟาวล์ใส่โลอิส โอเปนด้า
จากทีมที่ยังอยู่ในเกม กลายเป็นต้องเล่นด้วยผู้เล่นน้อยกว่าและไล่ตามสกอร์ในเวลาอันสั้น เกมนี้จึงกลายเป็นตัวอย่างชัดเจนของฟุตบอลระดับสูง – แค่หลุดไม่กี่จังหวะ ทุกอย่างพังได้ทันที
อิตาเลียโน่ยอมรับยูเว่เฉียบคมในจังหวะใหญ่ของเกม
กุนซือโบโลญญ่าออกมายอมรับตรงๆ ว่าทีมของเขาพลาดในช่วงจังหวะชี้เป็นชี้ตายของเกม และต้องเจอกับคู่แข่งที่พร้อมในช่วงเวลาสำคัญ
“เราเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งและพร้อมในช่วงเวลาสำคัญของเกม ทั้งพละกำลังของ ตูราม, ประสบการณ์ของ โลคาเตลลี่ และความคล่องตัวของ คัมเบียโซ่ กับ แม็คเคนนี่”
อิตาเลียโน่มองว่า ทีมของเขาไม่ได้หลุดจากเกมไปไหน ยังคงสร้างโอกาสได้ แต่ดันโดนลงโทษจากจังหวะเซตพีซ และซ้ำเติมด้วยใบแดงที่ทำให้ตัวเองเล่นยากขึ้นกว่าเดิม
“ในมุมมองของผม เราอยู่ในเกมตลอด เราสร้างโอกาสได้ แต่ดันมาเสียจากลูกเซตพีซ จากนั้นเราก็ทำให้ตัวเองเล่นลำบากขึ้นเพราะใบแดง แต่ก่อนหน้านั้นเรายังอยู่ในเกมอย่างเต็มตัว”
จุดอ่อนที่ถูกเปิดโปง: เกมรับริมเส้นและลูกโด่ง
เกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเซตพีซลูกเดียวที่เล่นงานโบโลญญ่า แต่ยังมีปัญหากับจังหวะบอลยาวและการรับมือเกมริมเส้น ซึ่งอิตาเลียโน่เองก็ยอมรับแบบไม่หลบ
“เราควรจะเคลื่อนบอลให้เร็วขึ้นเพื่อดึงให้ คัมเบียกี และ ออร์โซลินี่ ได้ดวลตัวต่อตัวริมเส้น แต่พอเราสร้างจังหวะโอเวอร์แล็ปได้ช้า แม็คเคนนี่ กับ คัมเบียโซ่ ก็ถอยลงมาช่วยกันจนกลายเป็นแนวรับห้าคน”
“ในเรื่องบอลยาว เราก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง เฮกเกมดันจับบอลติดเท้าและไม่ดุดันพอที่จะเคลียร์ทิ้ง สุดท้ายเลยกลายเป็นวิ่งไปชนคู่แข่ง เราทำผิดพลาดกันเยอะเกินไป ทั้งจังหวะจับบอลและการจ่ายบอล”
จังหวะเหล่านี้คือรายละเอียดที่บอกได้ชัดว่า โบโลญญ่าต้องยกระดับเกมรับ หากคิดจะยืนระยะในกลุ่มทีมลุ้นโควตายุโรป ไม่อย่างนั้นคู่แข่งระดับ “ยักษ์ใหญ่” จะลงโทษทุกความผิดพลาดอย่างไม่ปรานี
โปรแกรมถี่-สภาพร่างกาย: ปัจจัยที่โค้ชมองแต่ไม่ใช้เป็นข้ออ้าง
ความจริงอีกด้านคือ โบโลญญ่าเพิ่งผ่านเกมยุโรปที่ต้องเดินทางไกลและสภาพสนามหนัก ก่อนกลับมาเล่นในลีกแบบแทบไม่มีเวลาพัก อิตาเลียโน่อธิบายถึงผลกระทบนี้อย่างละเอียด
“มันเกิดขึ้นได้เมื่อคุณต้องลงเล่นถี่แบบนี้ เราเพิ่งกลับถึงบ้านตอนตีห้าเช้าวันศุกร์ และมีเวลาซ้อมจริงๆ แค่หนึ่งเซสชั่นก่อนเกม ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยมีโปรแกรมแบบนี้แล้วชนะมาได้ แต่การที่เราอยู่ในเกมได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”
“ทุกคนที่ลงเล่นเมื่อวันพฤหัสฯ ยังมีอาการล้า เพราะฝนที่บิโกตกหนักมากและสภาพสนามก็เหนียว หนักไปหมด ผมเลยต้องโรเตชั่น และเลือกใช้คนที่ฟิตเต็มร้อยลงสนามก่อน”
นี่คือภาพชัดเจนของทีมที่ต้องแบ่งพลังระหว่างบอลลีกกับบอลยุโรป ซึ่งเป็นดาบสองคม – ได้ประสบการณ์และชื่อเสียง แต่ต้องแลกด้วยความล้าและโอกาสพลาดในลีก
ผลกระทบต่อเส้นทางซีซั่น: แพ้แต่ศรัทธาไม่หาย
แม้ฟอร์มในลีกช่วงหลังจะถอยลง แต่ความสำเร็จในเวทียุโรปอย่างการบุกชนะเซลต้า บีโก้ 2-1 ทำให้โบโลญญ่ามีภาพรวมซีซั่นที่ยังดูมีอนาคต พวกเขาอาจขาดความเฉียบคมในเกมนี้ แต่ไม่ได้เสียโครงสร้างหรือคาแรกเตอร์ของทีมไป
“เราอาจจะไม่แม่นยำเหมือนวันอื่นๆ แต่ยูเว่ก็สมควรได้รับเครดิตที่บีบให้เราต้องวิ่งหนักและเจอกับความกดดันตลอดเกม การมีสามเกมใหญ่ติดต่อกันอาจทำให้เกิดอาการล้าบ้าง แต่ผลการแข่งขันนี้ไม่ได้ลดทอนคุณค่าของทีมเราเลย”
คำพูดนี้คือหัวใจสำคัญของบทสัมภาษณ์ – แพ้ได้ แต่ห้ามรู้สึกว่าตัวเอง “เล็กลง”
โฟกัสต่อไป: ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า และศึกใหญ่ในซาอุฯ
แม้จะผิดหวังกับผลในลีก แต่โบโลญญ่ามีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญรออยู่ในสัปดาห์หน้า บนเวที ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า ที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสนามที่รวมเอาแชมป์และทีมระดับท็อปของอิตาลีมาชนกัน
“เราผิดหวังที่แพ้ในค่ำคืนนี้ แต่เราพ่ายให้กับทีมยูเวนตุสที่พร้อมลุ้นหัวตารางในซีซั่นนี้ และเส้นทางของเรายังไม่จบ เรามีศึกซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า รออยู่ในสัปดาห์หน้า และเราควรภูมิใจกับสิ่งนั้น”
โบโลญญ่าจะบินไปซาอุฯ เพื่อดวลกับอินเตอร์ มิลาน ในนัดรองชนะเลิศ ในฐานะแชมป์โคปปา อิตาเลีย ส่วนอีกสายเป็นการพบกันระหว่างนาโปลีกับเอซี มิลาน ใครผ่านเข้าชิงฯ วันที่ 22 ธันวาคม นั่นคือโบนัสใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นว่าโบโลญญ่าก้าวจากทีมกลางตาราง มาเป็นทีมที่ได้สิทธิ์เล่นในเกม “ชิงถ้วยใหญ่” ของประเทศแล้ว
มุมมองระยะยาว: ภาพของโบโลญญ่าบนแผนที่ลูกหนังอิตาลี
หากมองให้กว้างกว่าหนึ่งเกม การที่โบโลญญ่าก้าวมาถึงจุดที่เล่นบอลยุโรป, ได้สิทธิ์ชิงถ้วยซูเปอร์โคปปา และต่อกรกับทีมระดับหัวตารางอย่างยูเวนตุสแบบไม่โดนข่มจนมองไม่เห็นโอกาส ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของสโมสรที่เคยอยู่ในสถานะ “ทีมกลาง” มายาวนาน
สิ่งที่โบโลญญ่าต้องทำต่อจากนี้คือรักษามาตรฐานเกมใหญ่ให้ได้ ยกระดับคุณภาพเกมรับในรายละเอียดเล็กๆ และบริหารสภาพร่างกายเมื่อต้องเล่นหลายรายการพร้อมกัน ถ้าทำได้ต่อเนื่อง พวกเขามีสิทธิ์ยืนระยะในกลุ่มทีมลุ้นพื้นที่ยุโรปอย่างจริงจังในซีซั่นต่อๆ ไป และนี่คือภาพที่แฟนบอลไทยที่ติดตามบอลอิตาลีผ่านบ้านกีฬา จะได้เห็นบ่อยขึ้นในอนาคต – โบโลญญ่าที่ไม่ใช่แค่ “ไม้ประดับ” ของลีกอีกต่อไป
มุมมองจาก บ้านกีฬา
จากทุกคำพูดของอิตาเลียโน่และภาพในสนาม เกมนี้อาจถูกจดลงในตารางคะแนนว่าเป็นความพ่ายแพ้ แต่ในเชิงทัศนคติและการยืนระยะบนเวทีใหญ่ โบโลญญ่ากำลังแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีดีพอจะยืนชนกับทีมลุ้นแชมป์ได้อย่างไม่อายใคร ความผิดหวังวันนี้อาจแสบ แต่ถ้าใช้มันเป็นเชื้อไฟ ซีซั่นนี้ยังเหลืออีกหลายเกมให้ตอบกลับเสียงวิจารณ์ด้วยผลงานในสนาม
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของฟุตบอลอิตาลี ตั้งแต่เกมลีกสุดเดือดไปจนถึงศึกถ้วยใหญ่ ทั้งข่าวก่อนเกม หลังเกม วิเคราะห์แท็กติก และมุมมองแบบเจาะลึก อย่าลืมติดตามความมันส์จัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

