ศึกเบอร์ 10 เขย่าซาน ซิโร่
ค่ำคืนที่สนามซาน ซิโร่ จะไม่ใช่เกมธรรมดาแน่นอน เมื่อ อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านรับมือ โคโม่ ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา นัดที่ 14 เกมนี้ไม่ได้เป็นแค่การลุ้นแต้ม แต่คือเวที “แท็งโก้ลูกหนัง” ระหว่างสองเบอร์ 10 ทีมชาติอาร์เจนตินาอย่าง ลาตาโร่ มาร์ติเนซ และ นิโก้ ปาซ ที่พร้อมออกมาเต้นระบำบนผืนหญ้าให้แฟนบอลได้ลุกจากเก้าอี้
ฝั่งเนรัซซูรี่ของกุนซือ คริสเตียน คิววู กำลังไล่ล่าตำแหน่งจ่าฝูง ต้องการ 3 แต้มเพื่อยืนให้สูงที่สุดบนหัวตาราง ขณะที่ทีมเยือนอย่างโคโม่ของกุนซือ เซสก์ ฟาเบรกาส ไม่คิดมาเป็นแค่ทีมผ่านทางอีกแล้ว เป้าหมายชัดเจนคือ “ไม่จำกัดเพดานตัวเอง” และเดินหน้าเบียดกลุ่มทีมใหญ่บนเส้นทางลุ้นพื้นที่ยุโรปให้ได้
นี่คือเกมที่ผสมทั้ง “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” ของทีมชาติอาร์เจนตินาไว้ใน 90 นาทีเดียว และคือหนึ่งในคู่ที่แฟนบอลสาย บอลวันนี้ ต้องจดไว้ในลิสต์ดูแบบห้ามพลาด
ฟอร์มเกมใหญ่ อินเตอร์–โคโม่ ใครนิ่งกว่ากัน
ชัยชนะนอกบ้านที่สนามของปิซา ทำให้ความมั่นใจในแคมป์อินเตอร์กลับมาเต็มถัง หลังเพิ่งสะดุดพ่ายในเกมดาร์บี้เมืองมิลานไม่นาน การตอบสนองด้วยการเก็บสามแต้มข้างนอกบ้านคือสัญญาณว่าทีมของคิววูยังไม่หลุดโฟกัสจากการลุ้นแชมป์
อย่างไรก็ดี หากมองเฉพาะผลงานกับ “ทีมใหญ่–คู่แข่งโดยตรง” อินเตอร์ยังมีการบ้านให้ต้องเคลียร์ พวกเขายกพลบุกโรมไปล้มโรม่าถึงโอลิมปิโกได้สำเร็จ แต่มาพลาดท่าพ่ายต่อทั้งยูเวนตุส นาโปลี และมิลาน นั่นทำให้เกมพบโคโม่ ซึ่งตอนนี้จัดอยู่ในโซนทีมบนๆ ของตาราง กลายเป็นบททดสอบสำคัญอีกครั้งว่าพวกเขาจะจัดการแมตช์ใหญ่ได้ดีขึ้นแค่ไหน
ฝั่งโคโม่ ภาพรวมคือทีมที่ “สนุกกับการท้าทายตัวเอง” ตลอดซีซั่น ลูกทีมของฟาเบรกาสลงเล่นกับบรรดาทีมระดับท็อปของลีกไปแล้วหลายเกม และแพ้แค่หนเดียวเท่านั้น นั่นคือความพ่ายแพ้ในเกมเยือนโบโลญญาในนัดที่สองของฤดูกาล ที่เหลือคือฟอร์มแบบ “แข่งกับใครก็ไม่กลัวหน้าไหนทั้งนั้น”
หนึ่งในผลการแข่งขันที่แฟนบอลยังพูดถึงคือเกมบุกเสมอที่สนามมาราโดน่าในนัดที่ 10 ที่จบด้วยสกอร์ 0-0 นาโปลีกดดันหนักในช่วงท้าย หวังปิดเกมคว้าชัย แต่โคโม่ไม่เพียงรับอยู่ ยังเคยมีโอกาสขึ้นนำจากลูกจุดโทษในครึ่งแรก ทว่าดันยิงพลาด นั่นคือภาพชัดๆ ว่าทีมนี้ไม่ใช่ม้านอกสายตาอีกต่อไป แต่คือแขกรับเชิญระดับ “วีไอพี” ในงานเต้นรำของการชิงพื้นที่ยุโรปจริงๆ
เกมรุกเนรัซซูรี่ vs กำแพงเหล็กโคโม่
หากพูดถึงตัวเลขและสถิติ เกมนี้แทบจะเป็นการปะทะกันของ “สุดยอดเกมรุก” ปะทะ “สุดยอดเกมรับ” ในลีกตอนนี้เลยก็ว่าได้
อินเตอร์ของคิววูมีแนวรุกที่จัดจ้านที่สุดในลีก ยิงไปแล้วถึง 28 ประตูในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล สไตล์การเล่นคือบดบี้คู่แข่งตั้งแต่แดนกลาง กดดันให้เสียบอล แล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว ใช้ความเฉียบคมของลาตาโร่ กับการสนับสนุนจากแนวรุกคนอื่นๆ เป็นไพ่เด็ดในการจบสกอร์
ขณะที่โคโม่ของฟาเบรกาสวางคอนเซ็ปต์ชัดเจนในเรื่องเกมรับ พวกเขาเสียไปเพียง 7 ประตูเท่านั้น ตัวเลขระดับนี้คือหนึ่งในแนวรับที่เหนียวแน่นที่สุดของลีก ร่วมกลุ่มกับทีมใหญ่แถวบน ตาราง โปรแกรมบอล ก่อนเกมนี้จึงถูกมองว่ามีโอกาสออกได้ทุกหน้า
หนึ่งฝ่ายหวังใช้พลังเกมรุกกดคู่แข่งให้จมเขตโทษ อีกฝ่ายเล่นด้วยวินัยเกมรับสูงและรอโอกาสสวนกลับ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจตัดสินเกมนี้ได้ทันที
ลาตาโร่ มาร์ติเนซ เสาหลักแนวรุกอินเตอร์
เส้นทางของ ลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับอินเตอร์เริ่มต้นในปี 2018 หลังจากแจ้งเกิดเต็มตัวกับสโมสรเรซซิ่ง คลับ ในลีกอาร์เจนตินา ตั้งแต่ย้ายเข้าซาน ซิโร่ เขาค่อยๆ ยกระดับตัวเองจากดาวรุ่งความหวังใหม่ สู่การเป็นกัปตันและเบอร์หนึ่งในแดนหน้าของทีมอย่างเต็มภาคภูมิ
ตั้งแต่ฤดูกาลที่สองเป็นต้นมา ลาตาโร่ทำประตูแตะหลัก “สองหลัก” แทบทุกปี และล่าสุดกับการเหมายิงอีกครั้งในเกมเยือนปิซา ทำให้ยอดรวมของเขากับอินเตอร์พุ่งไปถึง 163 ประตู เรียบร้อยแล้ว ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่แค่สวยหรู แต่ยังทำให้เขาทำสถิติยิงได้กับทีมในอิตาลีถึง 29 สโมสรแตกต่างกัน กลายเป็นกองหน้าที่กองหลังแทบทุกทีมในประเทศต้องเคยโดนเขาเล่นงานมาแล้ว
อีกหนึ่งไมล์สโตนสำคัญคือการแซงหน้าตำนานอย่าง ซานโดร มัตโซล่า ที่ยิงไป 161 ลูก ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรแบบเดี่ยวๆ เป็นที่เรียบร้อย
ในซีซั่นปัจจุบัน ลาตาโร่ซัดครบ 10 ประตูในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน แบ่งเป็น 6 ลูกในลีก และอีก 4 ลูกในเวทีแชมเปียนส์ลีก ถ้ารวมผลงานกับทีมชาติอาร์เจนตินาจากเกมพบปอร์โต ริโก (ยิงสองประตู) และแองโกลา ตัวเลขรวมพุ่งไปถึง 13 ลูกแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในโหมด “ทุกอย่างกลายเป็นประตูได้หมด” อย่างแท้จริง
เกมนี้เขาจะกลับมาสวมปลอกแขน ก้าวลงสู่สนามในฐานะหัวใจแนวรุกของอินเตอร์ และในฐานะ “พี่ใหญ่ทีมชาติ” ที่ต้องรับมือรุ่นน้องร่วมชาติอย่างนิโก้ ปาซ แบบตรงๆ
นิโก้ ปาซ อัจฉริยะโคโม่จากโรงงานราชัน
ด้าน นิโก้ ปาซ อาจเพิ่งเล่นในกัลโช่ เซเรีย อา ได้ไม่นาน แต่ชื่อของเขาเริ่มกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่แฟนบอลทั้งลีกพูดถึงอย่างจริงจัง
ปาซเกิดที่เมืองซานตา ครูซ เด เตเนริเฟ ในสเปน แต่สายเลือดฟุตบอลที่ไหลในตัวคืออาร์เจนตินาแท้ๆ มาจากคุณพ่อ ปาโบล ปาซ อดีตแนวรับทีมชาติฟ้าขาวยุคปลาย 90s ด้วยความเป็นลูกครึ่งแบบนี้ ทำให้เขาเลือกเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาด้วยหัวใจ มากกว่าจะมองแค่เรื่องสัญชาติที่เกิด
เส้นทางสู่การเป็นแข้งระดับสูงเริ่มชัดเจนเมื่อ เรอัล มาดริด ดึงตัวเขาเข้าศูนย์ฝึกเยาวชนในปี 2016 “ลา ฟาบริก้า” โรงงานปั้นดาวรุ่งของราชันชุดขาว กลายเป็นเวทีที่ปล่อยให้พรสวรรค์ของนิโก้ได้เติบโตเต็มที่ ในปี 2023 เขาได้โอกาสประเดิมชุดใหญ่ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็ยิงประตูใส่นาโปลีในศึกแชมเปียนส์ลีก ส่งสัญญาณให้ทั้งยุโรปเริ่มจำชื่อเขาให้ดี
เส้นทางกับโคโม่เริ่มต้นในปี 2024 และเขาตอบแทนความเชื่อมั่นด้วยผลงาน 6 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ในซีซั่นแรก กับสโมสรใหม่ ก่อนจะเปิดฤดูกาลปัจจุบันด้วยฟอร์มจัดจ้านยิงไปแล้ว 5 ลูก และจ่ายอีก 5 ครั้ง ในช่วงเวลาไม่นาน
หนึ่งในเกมที่ถูกรื้อฟื้นมาพูดถึงบ่อยคือแมตช์กับยูเวนตุสเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่สนามซินิกาเลีย ซึ่งนิโก้ลากทีมขึ้นมาท้าชนเบอร์ใหญ่แบบไม่เกรงใจ ทำทุกอย่างเพื่อพาโคโม่ยืนหยัดในเกมยากอย่างสมศักดิ์ศรี
วันนี้เขาจะก้าวลงสนามในฐานะ “เพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 ของโคโม่” ฝั่งตรงข้ามคือ “เบอร์ 10 ตัวจริงทีมชาติ” อย่างลาตาโร่ การปะทะกันของสองคนนี้ไม่ใช่แค่การแย่งบอลในสนาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของการสานต่อสายเลือดแท็งโก้ในยุโรปด้วย
มุมแท็กติก: เกมนี้สำคัญต่อภาพรวมซีซั่นอย่างไร
สำหรับอินเตอร์ เกมนี้คือโอกาสทดสอบว่าพวกเขาเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ในเกมใหญ่ก่อนหน้าได้มากแค่ไหน การเจอคู่แข่งที่จัดระบบดี มีทีมเวิร์กสูง และคุมวินัยเกมรับแน่นอย่างโคโม่ จะบังคับให้คิววูต้องหาวิธีเจาะ “กำแพงเย็นชา” ให้แตกให้ได้ ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์สะดุดอีกครั้งในบ้านตัวเอง
ส่วนโคโม่ การเก็บผลการแข่งขันเชิงบวกจากซาน ซิโร่ ไม่ว่าจะเป็นแต้มเดียวหรือถึงขั้น 3 แต้ม จะกลายเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่บอกทั้งลีกว่า พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับการยืนอยู่ในกลุ่มทีมลุ้นพื้นที่ยุโรปจริงๆ ไม่ใช่แค่ทีมฟอร์มดีช่วงต้นฤดูกาลแล้วหายไป เฟรมเกมนี้จึงเป็นเหมือน “เวทีสอบไฟนอล” ของฟาเบรกาสและลูกทีมในสายตาคนทั้งวงการ
แท็กติกในสนามเราน่าจะได้เห็นอินเตอร์ดันเกมสูง ใช้การเคลื่อนที่ของลาตาโร่ดึงตัวประกบ ขณะที่นิโก้ ปาซ จะพยายามหาพื้นที่ระหว่างไลน์ เพื่อพาทีมเยือนออกบอลสวนกลับแบบแม่นและเร็ว หากใครคุมแดนกลางได้อยู่หมัด โมเมนตัมของเกมจะไหลไปหาทีมนั้นแทบจะทันที
เสน่ห์เบอร์ 10 แท็งโก้ ที่แฟนบอลไม่มีวันเบื่อ
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เบอร์ 10 ของอาร์เจนตินามีเรื่องเล่าไม่เคยจบ ตั้งแต่ยุคมาราโดน่า ผ่านจนถึงเมสซี่ และวันนี้เราได้เห็นคลื่นลูกใหม่อย่างลาตาโร่ และนิโก้ ปาซ เดินตามรอยบนเวทีสโมสรในยุโรป
สำหรับแฟนบอลไทย เกมแบบนี้คือโอกาสดีที่จะได้ศึกษาเรื่อง “บทบาทเบอร์ 10 สมัยใหม่” ที่ไม่ใช่แค่ยืนปั้นเกมอยู่หน้ากองกลาง แต่ต้องวิ่งช่วยเพรส ซ้อนเกมรับ และสร้างจังหวะจบสกอร์เองด้วย การจับตามองรายละเอียดเล็กๆ เช่น การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอล การเชื่อมเกมกับเพื่อน การเปลี่ยนสปีดเข้าโซนอันตราย จะช่วยให้การดูบอลของเรา “มันส์และลึกขึ้น” กว่าเดิม
ไม่ว่าผลสกอร์จะจบแบบไหน สิ่งที่ได้แน่ๆ จากเกมนี้คือภาพจำของสองแข้งเบอร์ 10 ที่กำลังเขียนชื่อของตัวเองบนแผนที่ลูกหนังโลกในยุคต่อไป
รอชมแท็งโก้ลูกหนังกลางซาน ซิโร่ ไปพร้อมกับบ้านกีฬา
เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งฟอร์มร้อนแรงของอินเตอร์ ความเหนียวแน่นของโคโม่ บวกกับเสน่ห์ของสองเบอร์ 10 อย่างลาตาโร่และนิโก้ ปาซ เกมนี้มีทุกองค์ประกอบของคำว่า “บิ๊กแมตช์ที่ห้ามกะพริบตา”
คืนนี้แฟนบอลเตรียมตัวให้ดี เช็กตาราง บอลวันนี้ ให้พร้อม เปิดจอรอชมแท็งโก้ลูกหนังกลางซาน ซิโร่ แล้วดูไปพร้อมกันว่าใครจะเป็นคนชูมือขึ้นมาหลังจบ 90 นาที ระหว่างกัปตันเนรัซซูรี่ หรือเพลย์เมกเกอร์โคโม่ที่กำลังหิวความสำเร็จไม่แพ้กัน
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ข่าวเด็ดแมตช์มันส์ และเรื่องราวลูกหนังรอบโลกแบบจัดเต็ม อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

