เดือด! เด เลาเรนติสฟาดระบบตกชั้นเซเรีย อา ทำสโมสร–นักลงทุนไม่กล้าทุ่ม

ประธานนาโปลีของขึ้น วิจารณ์โครงสร้างบอลยุโรปไม่ยั้ง

ออเรลิโอ เด เลาเรนติส ประธานสโมสร นาโปลี เจ้าของแชมป์ลีกอิตาลีซีซั่นล่าสุด จุดประเด็นร้อนกลางงานกาล่า เมื่อเจ้าตัวออกมาวิจารณ์โครงสร้างลูกหนังยุโรปแบบตรงไปตรงมา มองว่าระบบที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ “พังแล้ว” ทั้งในมิติธุรกิจและในมุมของนักเตะที่ต้องรับภาระหนักเกินมนุษย์จะรับไหว

เด เลาเรนติสมองว่า ฟุตบอลอิตาลีและ กัลโช่ เซเรีย อา กำลังติดหล่มกับกติกาเดิมๆ โครงสร้างเดิมๆ ที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนระยะยาว และทำให้สโมสรต้องอยู่ในโหมดเอาตัวรอด มากกว่าโหมดพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ระบบเลื่อนชั้น–ตกชั้น จุดที่ประธานนาโปลีมองว่าเป็น “ตัวถ่วง”

หนึ่งในประเด็นใหญ่ที่เขาหยิบมาพูดแบบไม่เกรงใจใคร คือการตั้งคำถามต่อ “ระบบเลื่อนชั้น–ตกชั้น” ที่ถือเป็นรากฐานของ ฟุตบอลยุโรป มานานหลายสิบปี

เด เลาเรนติสมองว่าการที่สโมสรต้องลุ้นหนีตกชั้นอยู่ตลอด ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเดินเกมใหญ่ ไม่กล้าทุ่มสร้างทีมในมุมธุรกิจ เพราะรู้ดีว่าหากปีใดพลาดร่วงลงไป ลีกล่างจะกลายเป็นหลุมดำกลืนเม็ดเงินและแผนทั้งหมดในพริบตาเดียว

เขายืนยันจุดยืนด้วยการพูดตรงๆ ว่า การตกชั้นคือความผิดพลาดเชิงโครงสร้างที่ทำให้ทุกสโมสรใช้ชีวิตอยู่กับความกลัว มากกว่าความฝัน

เขาตอกย้ำด้วยประโยคภาษาอังกฤษแบบตรงเป้า
“เมื่อมีภัยคุกคามนี้แขวนอยู่เหนือหัว คุณก็ไม่กล้าลงทุน”

คำพูดนี้สะท้อนมุมมองของเจ้าตัวชัดเจนว่า ถ้าระบบยังวางอยู่บนความเสี่ยงแบบสุดขั้ว สโมสรส่วนใหญ่ก็จะไม่กล้า “คิดใหญ่” และวงการก็จะวนอยู่กับการเอาตัวรอดมากกว่าการพัฒนา

ชี้โมเดล NBA คือแบบเรียนให้ฟุตบอลอิตาลีดู

เด เลาเรนติสยกตัวอย่าง NBA ลีกบาสเกตบอลอาชีพของสหรัฐอเมริกาในฐานะ “เคสศึกษา” ที่วงการลูกหนังควรเอาไปคิดต่อ เพราะเป็นลีกปิดที่ไม่มีเลื่อนชั้น–ตกชั้น ทำให้ทุกแฟรนไชส์มีความมั่นคงในระยะยาว

เขามองว่า เสถียรภาพคือหัวใจของธุรกิจกีฬา เมื่อเจ้าของทีมรู้ว่าตัวเองจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหวจนสูญรายได้มหาศาลภายในปีเดียว ก็กล้าทุ่ม กล้าลงทุนด้านโครงสร้าง สนามซ้อม อคาเดมี่ การตลาด และการสร้างแบรนด์ระดับโลก

ในมุมเด เลาเรนติส การที่ NBA ผลักดันแต่ละทีมให้กลายเป็น “แบรนด์ระดับพันล้าน” นั้น ไม่ได้เกิดจากบาสฯ อย่างเดียว แต่เกิดจากระบบลีกที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกทีมอยู่บนพื้นฐานเดียวกันและวางแผนได้ไกลหลายปี แตกต่างจากฟุตบอลยุโรปที่ทุกปีต้องมานั่งคิดก่อนว่า “จะรอดตกชั้นไหม”

โปรแกรมถี่–อาการบาดเจ็บ จุดอ่อนของฟุตบอลยุคใหม่

นอกจากเรื่องโครงสร้างลีก ประธานนาโปลียังพูดถึงอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของเกมลูกหนังยุคปัจจุบัน นั่นคือ บาดเจ็บนักเตะ ที่มาพร้อมโปรแกรมเตะถี่จัดทั้งสโมสรและทีมชาติ

เขาอธิบายว่าปัญหาใหญ่ๆ ในทีมส่วนใหญ่มักเริ่มจากอาการบาดเจ็บเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และควบคุมยาก ยิ่งในยุคที่นักเตะต้องลงสนามแทบทุกสามวัน ร่างกายก็ยิ่งถูกใช้งานเกินขีดจำกัด

เด เลาเรนติสยกตัวอย่างเคสของนาโปลีในซีซั่นนี้ ที่ต้องเจอวิกฤตตัวผู้เล่นหายไปพร้อมกันหลายคนแบบไม่มีใครทันตั้งตัว

เขาถ่ายทอดความรู้สึกผ่านคำพูดภาษาอังกฤษแบบตรงไปตรงมา
“ไม่มีใครคาดคิดว่านักเตะระดับนั้นถึงเจ็ดคนจะต้องนั่งข้างสนามพร้อมกัน ในโลกฟุตบอล ทุกอย่างมันมีแค่โศกนาฏกรรมหรือไม่ก็การเฉลิมฉลอง”

ประโยคนี้สะท้อนภาพวงการลูกหนังยุคใหม่อย่างชัดเจน เพราะความสำเร็จหรือความล้มเหลวมักถูกตัดสินจากดีเทลเล็กๆ อย่างตัวเจ็บ–ตัวแบน แต่เบื้องหลังคือโปรแกรมและความกดดันที่สะสมมาเป็นเวลานาน

จวกองค์กรลูกหนัง ใช้สโมสรเป็นหมากสร้างอำนาจ

เด เลาเรนติสยังไม่หยุดแค่การตั้งคำถามต่อระบบลีก แต่ยังพุ่งเป้าไปที่องค์กรลูกหนัง ทั้งในและนอกประเทศ ที่เขามองว่าใช้สโมสรเป็น “เครื่องมือ” แทนที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ของเกมฟุตบอลอย่างแท้จริง

เขามองว่าหลายองค์กรเน้นสร้างอำนาจต่อรอง เน้นกำหนดกติกาเพื่อรักษาฐานอิทธิพลของตัวเอง มากกว่าจะเปิดพื้นที่ให้สโมสรและเจ้าของทีมเข้ามามีส่วนร่วมในทิศทางของเกมในระยะยาว

เมื่อกติกาถูกเขียนจากมุมมอง “ผู้ควบคุม” มากเกินไป ไม่ได้ฟังเสียงของคนที่ต้องลงทุนจริง ผลลัพธ์คือความไม่พอใจสะสม และนำไปสู่การออกมา “ระเบิดอารมณ์” แบบที่ประธานนาโปลีกำลังทำอยู่นี่เอง

นาโปลี แชมป์เก่าในสมรภูมิที่ไม่เป็นมิตรกับการป้องกันแชมป์

สิ่งที่ทำให้คำพูดของเด เลาเรนติสยิ่งน่าสนใจ คือสถานะปัจจุบันของนาโปลีในฐานะแชมป์เก่า ที่กำลังเดินหน้าในซีซั่นใหม่ด้วยความคาดหวังมหาศาล ทีมยังอยู่หัวตารางและรั้งอันดับสองของลีก แต่แรงกดดันรอบด้านกลับไม่เคยเบาลง

สำหรับการป้องกันแชมป์ในลีกอย่างเซเรีย อา ไม่ใช่แค่การรับมือคู่แข่งในสนามเท่านั้น แต่ยังต้องสู้กับระบบที่เขามองว่ากำลัง “เล่นงาน” สโมสรในเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการเงิน กติกา หรือโปรแกรมเตะที่บีบนักเตะจนแทบหายใจไม่ทัน

คำพูดของเขาจึงไม่ได้เป็นแค่การบ่น แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า การจะสร้างทีมให้ยืนระยะบนเวทีใหญ่ ไม่ได้วัดกันแค่แท็กติกกับฝีเท้านักเตะ แต่ต้องสู้กับ “ระบบทั้งวงการ” ไปพร้อมกัน

มิติธุรกิจฟุตบอล: ทำไมประเด็นนี้สำคัญต่อแฟนบอลไทย

สำหรับแฟนบอลไทย ประเด็นที่เด เลาเรนติสพูดถึงอาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วเกี่ยวข้องกับทุกคนที่รักเกมลูกหนังโดยตรง เพราะโครงสร้างลีกจะมีผลต่อทุกอย่าง ตั้งแต่คุณภาพของการแข่งขัน ความดุเดือดของเกม ไปจนถึงค่าเหนื่อยและค่าตั๋วที่แฟนบอลต้องจ่าย

ระบบเปิดแบบมีเลื่อนชั้น–ตกชั้นให้ความรู้สึกลุ้น สนุก ดราม่า แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงของสโมสร ส่วนระบบลีกปิดแบบกีฬาอเมริกันให้ความมั่นคงในระยะยาว แต่ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องความแฟร์และโอกาสของทีมเล็ก การถกเถียงแบบนี้จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในวันที่ฟุตบอลต้องหาจุดลงตัวระหว่าง “ความมันส์ในสนาม” กับ “ความอยู่รอดทางธุรกิจ”

การที่ผู้บริหารระดับประธานสโมสรของทีมใหญ่อย่างนาโปลีออกมาพูดเสียงดัง ทำให้แฟนบอลทั่วโลก รวมถึงแฟนบอลไทย มีมุมมองใหม่ให้ลองคิดตามว่า อนาคตของเกมที่เรารักควรเดินไปทางไหน

ติดตามทุกมุมมองเดือดจากโลกฟุตบอลได้ที่ บ้านกีฬา

เสียงวิจารณ์ของเด เลาเรนติสอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของวงการ แต่แน่นอนว่ามันคือ “สัญญาณเตือน” ว่าฟุตบอลยุคใหม่กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องโครงสร้างลีก การลงทุน และสุขภาพของนักเตะ

ใครที่อยากตามทันทุกดราม่า เบื้องลึก เบื้องหลัง และเรื่องราวมันส์ๆ จากทั้งยุโรปและฟุตบอลทั่วโลก อย่าลืมติดตามข่าวเด่น ข่าวลูกหนังร้อนแรงได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เราจะพาแฟนบอลชาวไทยไปเกาะขอบสนามทั้งในและนอกเกม ให้คุณไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญของโลกฟุตบอล