จากจอมทัพเวิลด์คลาส สู่กุนซือข้างสนามที่ไม่มีใครมองข้าม
วันนี้ชื่อของ เชส ฟาเบรกาส ไม่ได้ถูกพูดถึงแค่ในฐานะตำนานมิดฟิลด์ อาร์เซน่อล และ เชลซี อีกต่อไป แต่กำลังถูกยกขึ้นหิ้งเป็นกุนซือดาวรุ่งที่น่าจับตาที่สุดคนหนึ่งของยุโรป หลังปัจจุบันเขารับบทเฮดโค้ชสโมสร โคโม่ ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา และพาทีม “แพ้ไม่เป็น” ยาว 12 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ฟอร์มจัดจ้านเกินกว่าคำว่าม้านอกสายตาไปไกลแล้ว
ชัยชนะล่าสุดเหนือ ซาสซูโอโล่ 2-0 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน กลายเป็นการตอกย้ำว่า เส้นทางโค้ชของฟาเบรกาสวัย 38 ปี กำลังไปในทิศทางที่โคตรชัด ทั้งแท็กติก ทั้งคาแรกเตอร์ข้างสนาม และการบริหารห้องแต่งตัว ทำให้โคโม่กลายเป็นทีมที่คู่แข่งไม่มีใครกล้าประมาทอีกต่อไป
ไร้พ่าย 12 เกมติด สถิติที่สะท้อนทีมกำลังเข้าฟอร์ม
ถ้าย้อนดูผลงานของ โคโม่ ภายใต้การคุมทีมของฟาเบรกาสในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นภาพชัดว่า นี่ไม่ใช่แค่ “ฟอร์มดีช่วงสั้น ๆ” แต่คือความสม่ำเสมอระดับทีมใหญ่ ตัวเลขทุกอย่างพูดแทนโค้ชไปเรียบร้อยแล้ว
ลิสต์ผลงาน 12 นัดไร้พ่าย (รวมทุกรายการ) มีดังนี้
- 15/09/25 : เสมอ เจนัว 1-1 (เหย้า, เซเรีย อา)
- 21/09/25 : ชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1 (เยือน, เซเรีย อา)
- 24/09/25 : ชนะ ซาสซูโอโล่ 3-0 (เหย้า, โคปปา อิตาเลีย)
- 27/09/25 : เสมอ เครโมเนเซ่ 1-1 (เหย้า, เซเรีย อา)
- 04/10/25 : เสมอ อตาลันต้า 1-1 (เยือน, เซเรีย อา)
- 19/10/25 : ชนะ ยูเวนตุส 2-0 (เหย้า, เซเรีย อา)
- 25/10/25 : เสมอ ปาร์ม่า 0-0 (เยือน, เซเรีย อา)
- 29/10/25 : ชนะ เฮลลาส เวโรน่า 3-1 (เหย้า, เซเรีย อา)
- 01/11/25 : เสมอ นาโปลี 0-0 (เยือน, เซเรีย อา)
- 08/11/25 : เสมอ กายารี่ 0-0 (เหย้า, เซเรีย อา)
- 24/11/25 : ชนะ โตริโน่ 5-1 (เยือน, เซเรีย อา)
- 28/11/25 : ชนะ ซาสซูโอโล่ 2-0 (เหย้า, เซเรีย อา)
ภาพรวมคือ โคโม่สลับ “ชนะ” กับ “เสมอ” อย่างมีบาลานซ์ เกมใหญ่ก็ไม่กลัว ยูเวนตุสโดนยิง 2-0 แบบหมดสภาพ โตริโน่ก็โดนถล่ม 5-1 ขณะที่เจอทีมแข็งจัดอย่าง นาโปลี หรือ อตาลันต้า ก็เล่นได้เหนียวแน่น ไม่ปล่อยให้ใครเก็บสามแต้มง่าย ๆ
ซีซั่นนี้แพ้แค่นัดเดียว โคโม่จากทีมหนีตายสู่ทีมที่ใครก็ไม่อยากเจอ
ถ้ามองทั้งฤดูกาล 2025/26 ผลงานของโคโม่ยิ่งทวีความโหด เพราะจาก 15 เกมรวมทุกรายการ พวกเขาเพิ่งแพ้ไปเพียงนัดเดียวเท่านั้น เป็นเกมออกไปเยือน โบโลญญ่า แพ้ 0-1 ในศึก เซเรีย อา ช่วงปลายเดือนสิงหาคม
หลังจากความพ่ายแพ้นัดนั้น ทีมของฟาเบรกาสก็ยกระดับตัวเองขึ้นอย่างชัดเจน แทบไม่มีอาการเป๋ให้เห็น ค่อย ๆ ปรับสมดุลเกมรุก–เกมรับ กัดแต้มคู่แข่งทีละนิดทีละหน่อย จนกลายเป็นทีมที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เจอง่าย แต่ผ่านยาก”
จากเดิมที่ชื่อโคโม่มักถูกจับโยงในกลุ่มทีมหนีตกชั้น วันนี้ภาพเริ่มเปลี่ยนเป็นทีมกลางตารางที่มีลุ้นหันหน้าไปมองโซนยุโรปแบบไม่ต้องเขิน และสิ่งสำคัญคือ พวกเขาเล่นในสไตล์ที่แฟนบอลดูแล้วรู้สึกว่า “ทีมนี้มีอนาคต” ไม่ใช่เพียงการตั้งรับหนีตายไปวัน ๆ
ฟาเบรกาส ตัวแทนยุคใหม่ของจอมทัพที่ผันตัวเป็นโค้ช
เส้นทางของฟาเบรกาสคืออีกหนึ่งตัวอย่างของอดีตจอมทัพที่อ่านเกมเก่ง แล้วนำประสบการณ์ตรงมาปั้นทีมในฐานะกุนซือสมัยใหม่ เขาเคยเรียนรู้แท็กติกจากกุนซือระดับท็อปของยุโรป ทั้งยุค อาร์เซน่อล ของเวนเกอร์ และ เชลซี ที่เต็มไปด้วยโค้ชสายจัดระเบียบเกมรับ–เกมรุก
เมื่อมารับงานคุมโคโม่ เราจึงได้เห็นไอเดียการเล่นที่ผสมระหว่างเกมรุกที่กล้าครองบอล กล้าเปิดเกมบุก และระเบียบเกมรับที่รัดกุม นักเตะของเขาไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก แต่ทุกคนเล่นด้วยความเข้าใจในระบบเดียวกัน ช่วยวิ่ง ช่วยบีบพื้นที่ และพร้อมทุ่มเทตลอด 90 นาที
สำหรับแฟนบอลไทย การมองดูเส้นทางของฟาเบรกาสและโคโม่ในวันนี้ คือบทเรียนสำคัญว่า สโมสรที่มีวิสัยทัศน์ชัดและให้เวลาโค้ช สามารถยกระดับทีมจากกลุ่มท้ายตาราง ให้กลายเป็นทีมที่ใครก็ไม่อยากเผชิญหน้าได้จริง
โปรแกรมโหดรออยู่ แฟนโคโม่ลุ้นฟอร์มโค้ชหนุ่มจะยืดสถิติถึงไหน
คำถามใหญ่ที่ทุกคนอยากรู้ตอนนี้คือ ฟาเบรกาสจะพา โคโม่ ยืดสถิติไร้พ่ายไปได้อีกแค่ไหน เพราะสองนัดถัดไป โปรแกรมในลีกไม่ปรานีเลย ต้องออกไปเยือน อินเตอร์ มิลาน และ อาแอส โรม่า แบบติด ๆ กัน สองทีมใหญ่ที่มีมาตรฐานระดับลุ้นพื้นที่ยุโรปและแชมป์
ถ้าโคโม่สามารถรักษาความแน่นในเกมรับ และเฉียบคมในจังหวะสวนกลับเหมือนที่ผ่านมา เกมเหล่านี้จะเป็นบทพิสูจน์ขั้นสำคัญว่า ฟาเบรกาสพร้อมจะก้าวขึ้นไปอยู่ในกลุ่มโค้ชชั้นนำของลีกอิตาลีหรือยัง และโคโม่พร้อมจะเปลี่ยนจาก “ทีมเซอร์ไพรส์” เป็น “ทีมมาตรฐานใหม่” ของลีกได้แค่ไหน
แฟนบอลชาวไทยที่อยากตามดูว่าโค้ชหนุ่มวัย 38 ปีรายนี้ จะพาโคโม่เขียนเทพนิยายต่อเนื่อง หรือจะเจอจุดเปลี่ยนสำคัญในสองเกมใหญ่ต่อไป ห้ามพลาดติดตามทุกความเคลื่อนไหว ข่าวเด่น และเรื่องราวมันส์ ๆ จากโลกฟุตบอลยุโรปได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา บ้านของแฟนบอลตัวจริง
