ศึกดาร์บี้คืนชีพกลางเมืองมิลาน บนเดิมพันที่ใหญ่กว่าแค่ศักดิ์ศรี
บรรยากาศทั่วเมืองมิลานกลับมาร้อนฉ่าอีกครั้ง เมื่อ ดาร์บี้ เดลลา มาดอนนิน่า กลับมาหลังพักเบรกทีมชาติ และทุกสายตาก็จับจ้องไปที่คู่ปะทะระดับตำนานนี้ ไม่ใช่แค่เพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานของ อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน แต่เพราะปีนี้มี “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่อาจกำหนดทิศทางการลุ้นแชมป์ของทั้งสองทีมแบบชี้เป็นชี้ตาย
เมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างมิลาน แม้จะใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่ทุกอย่างยอมหลีกทางให้หนึ่งเกมเท่านั้น—อินเตอร์ ปะทะ มิลาน เกมที่ไม่เคยเป็นแค่ฟุตบอล แต่คือสัญลักษณ์ของเกียรติยศ ความเหนือกว่า และการรักษาความยิ่งใหญ่ของสโมสรในเมืองเดียวกัน
ปีนี้ยิ่งพิเศษกว่าเดิม เพราะเป็นครั้งแรกที่ คริสเตียน ชิวิว และ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี โคจรมานั่งคุมทีมเผชิญหน้ากันในดาร์บี้อย่างเป็นทางการ ทำให้ความเข้มข้นของเกมนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ
เส้นทางคู่ขนานของสองกุนซือ – จุดเริ่มต้นต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกัน
แม้จะไม่เคยดวลกันในฐานะโค้ชมาก่อน แต่ความสัมพันธ์บนสนามของทั้งคู่ย้อนกลับไปไกลในยุคยังเป็นผู้เล่นและกุนซือคนละฝั่ง
ชิวิว: จากอดีตแนวรับคนสำคัญของอินเตอร์ สู่การถือธงนำทีมล่าความสำเร็จ
ชิวิว เคยรับใช้ อินเตอร์ ในฐานะผู้เล่นและเผชิญหน้ากับทีมของอัลเลกรีหลายครั้งในเซเรียอา โดยในสมัยที่เขาเป็นกองหลังของอินเตอร์ เขาเคยเจออัลเลกรีทั้งตอนคุมกายารี่และมิลาน ซึ่งสถิติเป็นรองอย่างชัดเจน อัลเลกรีชนะทุกครั้งที่เจอกับอินเตอร์ที่มีชิวิวเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นเกมชนะ 2-1 ที่ซาร์ดิเนียในปี 2008/09 หรือชัยชนะในดาร์บี้รวมถึงเกม 3-0 “นัดตัดสินสคูเด็ตโต้” และศึกซูเปอร์โคปปา
สำหรับชิวิว จุดเริ่มต้นการเจอ “ปีศาจแดงดำ” ในยุโรปเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอยู่ อาแจ็กซ์ เมื่อทีมตนถูกมิลานเขี่ยตกรอบโดยประตูสุดดราม่าของโทมัสสันในช่วงท้าย—ประตูที่อินซากี้ยังคงยืนยันว่าเขาเป็นคนทำจนวันนี้ เขาประเดิมดาร์บี้มาดอนนิน่าในวันที่ 23 ธันวาคม 2007 ด้วยชัยชนะ 2-1 และลงเล่นดาร์บี้ไป 10 ครั้ง ชนะ 4 แพ้ 5 หนึ่งในเกมที่จดจำที่สุดคือการถล่มมิลาน 4-0 ในปี 2009
อัลเลกรี: คนที่เจออินเตอร์บ่อยที่สุดในอาชีพ
สถิติของอัลเลกรีกับอินเตอร์นั้นแน่นปึก เขาเคยคุมทีมพบอินเตอร์ถึง 34 ครั้ง เป็นตัวเลขสูงที่สุดรองจากการเจอลาซิโอ (36 ครั้ง) ผลงานคือชนะ 12 แพ้ 13 ซึ่งถือว่าสูสีมาก เขาเคยคว้าชัยสามดาร์บี้รวดตอนคุมมิลานในปีที่ทีมซิวสคูเด็ตโต้ รวมถึงเกมซูเปอร์โคปปาที่ปักกิ่ง ก่อนที่จะเริ่มสะดุดแพ้ถึง 4 จาก 5 นัดถัดมา
อินเตอร์และยูเวนตุสคือสองทีมที่ “ทดสอบ” อัลเลกรีมากที่สุดในเส้นทางโค้ชเซเรียอาของเขาอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงชัดเจนของทั้งสองทีมในยุคชิวิวและอัลเลกรี
อินเตอร์ของชิวิว – โฉมใหม่ที่ดุดันและกระหายชัยชนะ
การมาของชิวิวสร้างความเปลี่ยนแปลงชัดเจนให้กับอินเตอร์ พวกเขายืนหนึ่งบนตารางเซเรียอา ยิงประตูมากที่สุดในลีก แถมยังเก็บชัยใน แชมเปี้ยนส์ลีก แบบไร้ที่ติ สิ่งที่เด่นที่สุดคือการแก้จุดอ่อนจากยุคอินซากี้—โดยเฉพาะเกมท้ายครึ่งหลังที่เคยเสียประตูง่าย ตอนนี้อินเตอร์เสียประตูเท่ากันทั้งสองครึ่ง (6 ลูกต่อครึ่ง) และเสียประตูหลังนาที 90 เพียงลูกเดียว
อย่างไรก็ตาม จุดที่ยังต้องระวังคือฟอร์มในเกมใหญ่ พวกเขาแพ้ทั้งที่ มาราดอนน่า และ อัลลิอันซ์ สเตเดียม เหมือนฤดูกาลก่อน แม้จะมีชัยชนะเหนือโรมาที่โอลิมปิโก แต่สถิติที่หนักที่สุดคือ ไม่ชนะมิลานเลย ตลอด 5 ดาร์บี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แพ้ทั้งลีก ซูเปอร์คัพ และโคปปาอิตาเลีย ชิวิวรู้ดีว่าหากอยากพาทีมไล่ล่าความสำเร็จ ต้องหยุดสถิติอันขมขื่นนี้ทันที
มิลานของอัลเลกรี – กำแพงเหล็กที่กำลังก่อรูป
อัลเลกรีถูกเรียกกลับมาเพื่อสร้างระบบรับใหม่หลังทีมเสียถึง 43 ประตูในซีซันก่อน และผลงานเริ่มดีขึ้นแล้ว จากเดิมเสีย 13 ลูกในช่วงเวลาเดียวกันฤดูกาลก่อน ลดลงเหลือเพียง 9 ลูกในฤดูกาลนี้
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามจากยุคฟอนเซก้าและกอนเซเซา คือมิลานเริ่ม “ปล่อยให้คู่แข่งไล่ตีเสมอ” บ่อยขึ้น ทำแต้มหล่นไปแล้ว 6 แต้มจากสถานการณ์นำ ขณะที่การไล่ตามพลิกกลับมาชนะมีเพียง 3 แต้มเท่านั้น มิลานยังเป็นทีมที่เสียประตูจากลูกนิ่ง 4 ลูก, โดนยิงรวม 119 ครั้ง และมีค่า XG Against สูงถึง 14.9 สูงกว่าจำนวนประตูที่เสียจริง
แม้ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่นิ่ง แต่อัลเลกรีมีจุดเด่นในการตั้งบล็อกต่ำ บีบคู่แข่งขึ้นเกมจากด้านข้าง ทำให้มิลานเป็นทีมที่ถูกเปิดบอลใส่มากที่สุดในลีก (282 ครั้ง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแท็กติกที่เขาวางไว้
นี่ไม่ใช่แค่ดาร์บี้ แต่คือเกมที่วัด “ตัวตนจริง” ของทั้งสองทีม
วันที่ 23 พฤศจิกายน มิลานจะถูกเขย่าอีกครั้ง ดาร์บี้แมตช์ไม่ได้เป็นแค่สงครามภายในเมือง แต่มันคือบทพิสูจน์ว่าใครพร้อมล่าแชมป์มากกว่า และใครมีสภาพจิตใจพร้อมสำหรับการเดินในเส้นทางสุดโหดของเซเรียอา
ดาร์บี้คือเกมที่บอกตัวตนของทีมได้มากกว่าผลลัพธ์ แสดงให้เห็นว่ากุนซือทั้งสองทำได้ดีแค่ไหนในการสร้างระบบและแรงผลักดันในการลุ้นแชมป์ ไม่ว่าผลจะออกมาแบบใด เกมนี้จะเป็นเครื่องวัดความพร้อมของอินเตอร์และมิลานในฤดูกาลนี้แบบเต็มรูปแบบ
มองในภาพรวมของฟุตบอลอิตาลี
ในยุคที่ฟุตบอลเซเรียอาต้องการจุดขายใหม่เพื่อกลับมาครองพื้นที่ในระดับยุโรป ดาร์บี้แมตช์เช่นนี้คือ “สินค้าพรีเมียม” ที่ดึงความสนใจได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแท็กติก ประวัติศาสตร์ หรือแรงกดดันของเกมใหญ่ ช่วงเวลาที่อินเตอร์และมิลานกลับมามีลุ้นแชมป์พร้อมกัน ทำให้ดาร์บี้ครั้งนี้ยิ่งมีมิติมากขึ้น ทั้งในแง่การแข่งขัน การตลาด และการกู้ภาพลักษณ์ของลีก
แฟนบอลมิลานห้ามพลาดศึกตัดสินใจลุ้นแชมป์
อินเตอร์ของชิวิวกำลังมั่นใจ มิลานของอัลเลกรีกำลังรัดแนวรับให้แน่นขึ้น ทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะเพื่อยืนยันว่า “เรา คือผู้ท้าชิงสคูเด็ตโต้ตัวจริง” ศึกนี้ล้มไม่ได้ และอาจเป็นเกมที่ถูกพูดถึงไปอีกนาน
ติดตามข่าวสารฟุตบอล วิเคราะห์เกมใหญ่ และอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวก่อน–หลังดาร์บี้แบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

