เฟร็ดดี้ กัวริน จากนักเตะซูเปอร์สตาร์ สู่ชีวิตที่ตกต่ำและความทรงจำอันขมขื่น

เฟร็ดดี้ กัวริน อดีตกองกลางทีมชาติโคลอมเบีย และอดีตแข้งสำคัญของ อินเตอร์ มิลาน เปิดเผยเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความพังพินาศจากการติดสุราและพฤติกรรมเสี่ยงอันตราย หลังจากต้องอำลาวงการฟุตบอลอาชีพ ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงกระทบกับอาชีพในสนาม แต่ยังทำลายชีวิตส่วนตัวจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

กัวรินเคยเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป ด้วยความสามารถที่โดดเด่นขณะค้าแข้งกับ เอฟซี ปอร์โต้ และสร้างชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเมื่อย้ายมาอยู่กับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ระหว่างปี 2012-2016 โดยลงสนามถึง 141 นัด ยิงได้ 22 ประตู และติดทีมชาติโคลอมเบีย 58 แมตช์ แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้กลับเต็มไปด้วยความมืดมน

ชีวิตพังเพราะเหล้าและแสงสี

กัวรินยอมรับว่าเขามีปัญหาเรื่อง สุราเมรัย และหลงใหลในแสงสีมาตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในอิตาลี “ผมเริ่มต้นได้ดี ดื่มก่อนแข่งสองวันแล้วยังลงไปยิงประตูและพาทีมชนะได้ แต่ปัญหามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมดื่มเบียร์หนักมาก จนกระทั่งมันทำลายทุกอย่าง ทั้งอาชีพและครอบครัว”

เขาเผยว่าเคยดื่มเบียร์มากถึง 70 แก้วในคืนเดียว ขณะที่อยู่กับ วาสโก ดา กาม่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่เขารู้สึกเหมือนชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป “ไม่มีการซ้อม ไม่มีเกมฟุตบอล ผมไปเที่ยวในสลัม นอนกับผู้หญิงโดยไม่ป้องกัน และไม่สนใจอะไรอีกเลย”

พยายามจบชีวิตตัวเอง

ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาคือการพยายามฆ่าตัวตาย “ผมเมาหนักจนหลับไปนาน 10 วัน และคิดว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ผมอยู่ที่ชั้น 17 ของตึก และคิดจะกระโดดลงไป แต่โชคดีที่มีตาข่ายดักไว้ ผมกระเด้งกลับมา แต่ยังไม่รู้สึกอะไรเลย”

เขากล่าวถึงความรู้สึกในช่วงเวลานั้นว่า “ผมไม่เข้าใจสิ่งที่ทำอยู่ ไม่สนใจชีวิต ไม่สนใจตัวเอง และไม่กลัวที่จะทำร้ายตัวเอง”

บทเรียนชีวิตที่ไม่ควรลืม

กัวรินตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2021 หลังโลดแล่นในวงการลูกหนังถึง 15 ปี เรื่องราวของเขาสะท้อนถึงด้านมืดของชีวิตนักฟุตบอลที่ต้องต่อสู้กับความกดดัน ความคาดหวัง และปัญหานอกสนาม

แม้เขาจะล้มเหลวในหลายด้าน แต่การออกมาเล่าเรื่องนี้ก็อาจเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับนักกีฬารุ่นใหม่ให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตทั้งในและนอกสนาม

ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา