สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงนำทัพเรือใบไทยสร้างประวัติศาสตร์ซีเกมส์
ในการแข่งขันเรือใบมหกรรม ซีเกมส์ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แฟนกีฬาไทยได้เห็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงลงแข่งขันจริงในรุ่น SSL47 เคียงข้างนักกีฬาเรือใบไทยและต่างชาติ พร้อมแสดงพระปรีชาสามารถทั้งด้านเทคนิคการคุมเรือ การอ่านลม และการทำงานเป็นทีมแบบมืออาชีพ ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพา ทีมเรือใบไทย ไล่เก็บแต้มจนทะยานขึ้นนำตารางแบบขาดลอย ตั้งแต่ก่อนถึงเรซสุดท้ายด้วยซ้ำ



พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงพระวิริยะอุตสาหะ การเตรียมพระวรกาย และสมาธิในสนามแข่งขันที่กดดันสูง ทำให้บรรยากาศการแข่งขันไม่ใช่แค่เกมชิงชัยธรรมดา แต่กลายเป็นโมเมนต์ที่คนไทยทั้งประเทศจับตามองด้วยความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจ
สนามแข่งเรือใบระดับเวทีนานาชาติที่พัทยา
การแข่งขัน กีฬาเรือใบ ครั้งนี้จัดขึ้นที่ท่าเรือ Ocean Marina Yacht Club Pattaya อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สนามระดับเวิลด์คลาสที่ขึ้นชื่อเรื่องสภาพลม ทิศทางคลื่น และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดทัวร์นาเมนต์นานาชาติ ทำให้แต่ละเรซไม่ใช่แค่การวัดฝีมือ แต่ยังเป็นการวัด “ใจ” ของทุกคนบนเรือ
วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ทีมเรือใบไทยรุ่น SSL47 หมายเลข 6 ลงแข่งขันในเรซที่ 6 และ 7 โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พร้อมนักกีฬาอีก 11 คน รวมเป็น 12 ชีวิตบนเรือลำเดียวกัน ต้องทำงานประสานกันทุกตำแหน่ง ทั้งกัปตัน คนคุมใบเรือ คนดูทิศลม และทีมงานด้านบาลานซ์เรือ ทุกอย่างต้องแม่นยำแบบวินาทีต่อวินาที เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ทั้งเรือล่าช้ากว่าคู่แข่งไปหลายช่วงลำ
เรซ 6–7 พลิกลมเป็นแต้ม นำห่างการันตีทอง
ในเรซที่ 6 ทีมไทยออกสตาร์ตได้ดี อ่านลมได้ขาด เดินเรือได้ตามแท็กติก เข้าเส้นชัยในอันดับ 2 เก็บแต้มสำคัญรักษาแรงกดดันใส่คู่แข่งแบบต่อเนื่อง ก่อนที่ในเรซที่ 7 ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เมื่อทีมไทยโชว์ฟอร์มเฉียบคม ตั้งแต่จังหวะออกตัว การเลี้ยวรอบทุ่น การควบคุมความเร็ว ไปจนถึงการเข้าเส้นชัยในอันดับ 1
ผลจากสองเรซนี้ทำให้คะแนนรวมของทีมไทยมีคะแนนเสียเพียง 10 แต้ม นำโด่งเหนือมาเลเซียที่รั้งอันดับ 2 อยู่ที่ 17 แต้ม ช่องว่างถึง 7 แต้มในช่วงโค้งท้ายของการแข่งขันระดับซีเกมส์ ถือว่าใหญ่พอจะ “ปิดจ๊อบ” ได้ตั้งแต่ยังไม่ต้องแข่งเรซสุดท้าย
ด้วยรูปแบบการคิดคะแนน ทำให้แม้จะเหลือเรซสุดท้ายในวันที่ 18 ธันวาคม 2568 แต่ต่อให้ทีมไทยพลาดท่าจบอันดับท้ายตาราง คะแนนรวมก็ยังนำอยู่ดี ส่งผลให้ เหรียญทอง รุ่น SSL47 ของกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถูกการันตีล่วงหน้าตั้งแต่จบเรซที่ 7 แบบไม่ต้องลุ้นต่อ
คู่หูจ่าเรือคว้าทองที่สอง เสริมเกียรติยศทีมเรือใบไทย
ความสำเร็จครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำชื่อของ “ตั้ม” จ.อ.นาวี ธรรมสุนทร และ “เน” จ.อ.หญิง นิชาภา ไหวไว สองจ่าเรือคนสำคัญของทีม ที่เก็บผลงานส่วนตัวสุดหรูด้วยการกวาด 2 เหรียญทองในซีเกมส์หนนี้ หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งคว้าแชมป์ในเรือใบประเภท 470 มาแล้วหนึ่งรายการ
การคว้าทองเพิ่มในรุ่น SSL47 จึงไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนเหรียญในคอ แต่ยังสะท้อนมาตรฐานฝีมือและความนิ่งในเกมแข่งขันระดับชาติและนานาชาติของทั้งคู่ ที่สามารถรับมือความกดดัน สภาพอากาศ และการแข่งในน่านน้ำจริงได้อย่างยอดเยี่ยม
“น้องนาย” เสาหลักประสบการณ์ เสริมทีมให้ลงตัว
อีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีมเรือใบไทยในรุ่น SSL47 คือ นพเก้า พูนพัฒน์ หรือ “น้องนาย” อดีตแชมป์โลกเรือใบออพติมิสต์ และเจ้าของ 2 เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ที่เข้ามาช่วยเสริมทั้งประสบการณ์ เทคนิค และการอ่านสนามในระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่
บทบาทของน้องนายไม่ได้มีแค่ลงแข่ง แต่ยังช่วยเป็นเหมือน “โค้ชในเรือ” ถ่ายทอดเคล็ดลับการอ่านแรงลม กระแสน้ำ การเลือกไลน์เรือ และการตัดสินใจในจังหวะสำคัญ จนทีมสามารถยกระดับมาตรฐานการเล่นขึ้นไปอีกขั้น และร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ซีเกมส์ในรุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พระราชทานเหรียญทอง ภาพจำระดับประวัติศาสตร์กีฬาไทย
ในวันที่ 18 ธันวาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกำหนดเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเหรียญรางวัลแก่ทีมเรือใบไทย SSL47 ซึ่งมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม
ภาพของพระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานเหรียญ และพระบรมราชินีทรงเป็นนักกีฬาบนโพเดียมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม ถือเป็นโมเมนต์ที่สะท้อนทั้งความงดงามของสถาบันพระมหากษัตริย์และพลังของกีฬาในคราวเดียวกัน เป็นภาพที่แฟนกีฬาและคนไทยทั้งประเทศรอชมด้วยความปีติ และจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของ วงการกีฬาไทย บนเวที กีฬาซีเกมส์ อย่างแน่นอน
เรือใบไทย สืบทอดพระราชปณิธานและต่อยอดสู่อนาคต
การคว้าเหรียญทองในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จในเชิงผลงานการแข่งขัน แต่ยังเป็นการสืบสานพระราชปณิธานด้านกีฬาเรือใบจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงเคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในกีฬานี้เมื่อหลายสิบปีก่อน
จากยุคที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างของ “นักกีฬาตัวจริง” ทั้งในเรื่องวินัย การฝึกซ้อม และความมุ่งมั่น จนถึงวันนี้ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสืบสานและต่อยอดบทบาทผ่านการแข่งขันจริงในสนาม ทุกอย่างสะท้อนให้เห็นว่ากีฬาเรือใบไม่ใช่แค่กีฬาเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเพียรพยายาม ความละเอียดอ่อน และการทำงานเป็นทีม ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยหันมาสนใจเส้นทางสายกีฬาอย่างจริงจังมากขึ้น
ความหมายระยะยาวต่อสังคมกีฬาไทย
ชัยชนะครั้งนี้ยังส่งสัญญาณสำคัญต่อทิศทางของกีฬาเรือใบไทยในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันเยาวชนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้ การพัฒนาสโมสรเรือใบในระดับภูมิภาค การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของสนามแข่งขัน และการใช้กีฬาทางน้ำเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
เมื่อการแข่งขันระดับซีเกมส์จบลง เหลือไว้ไม่ใช่แค่เหรียญรางวัล แต่คือความเชื่อมั่นว่าหากมีระบบที่ดี การสนับสนุนที่จริงจัง และต้นแบบที่ทรงพลัง เราจะได้เห็นนักกีฬาไทยเดินหน้าก้าวขึ้นไปล่าเหรียญในระดับเอเชียนเกมส์ เวิลด์แชมเปียนชิพ หรือแม้แต่โอลิมปิกเกมส์ได้อย่างไม่ไกลเกินเอื้อม
แฟนกีฬาชาวไทย เกาะติดพลังเรือใบไทยกับ บ้านกีฬา
สำหรับแฟนกีฬาชาวไทย นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่สะท้อนว่ากีฬาไม่เคยเป็นแค่เกมชิงชัย แต่มันคือพลังที่เชื่อมโยงทั้งชาติ ศรัทธา และแรงบันดาลใจของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ชัยชนะของทีมเรือใบไทยรุ่น SSL47 ภายใต้พระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี คือภาพชัดเจนของคำว่าความทุ่มเท ความพร้อม และการยืนหยัดเพื่อเป้าหมายร่วมกัน
ใครที่อยากติดตามเส้นทางของนักกีฬาไทย ทั้งในมหกรรมซีเกมส์ ทัวร์นาเมนต์นานาชาติ และข่าวกีฬาเดือดๆ จากทุกมุมโลก อย่าลืมตามเกาะจอไปพร้อมกันที่ บ้านกีฬา แพลตฟอร์มของแฟนกีฬาไทยตัวจริงเสียงจริง

