ศรัท สุ่มประดิษฐ จอมเก๋าวัย 31 ปีคืนบัลลังก์เหรียญทองซีเกมส์

ในวันที่เวทีซีเกมส์ครั้งที่ 33 กลับมาจัดบนผืนแผ่นดินไทยที่จังหวัดชลบุรี ชื่อของ ศรัท สุ่มประดิษฐ กลายเป็นหัวใจของแฟนยกเหล็กทันที จอมพลังวัย 31 ปีลงแข่งในรุ่น 94 กิโลกรัม ชาย พร้อมแบกทั้งประสบการณ์ ความกดดัน และศักดิ์ศรีเจ้าบ้านเอาไว้เต็มบ่า เป้าหมายเดียวคือการพา ทีมยกน้ำหนักไทย คว้าเหรียญทองเพิ่ม และปิดบัญชีการรอคอยทองซีเกมส์ของตัวเองที่ยาวนานถึง 12 ปีเต็ม
การแข่งขันจัดขึ้นที่โรงยิมเนเซียม โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เป็นวันที่สี่ของโปรแกรมยกน้ำหนักซีเกมส์ โดยก่อนหน้านั้นทัพจอมพลังไทยเก็บไปแล้ว 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง บรรยากาศในสนามจึงยิ่งเดือด เพราะทุกสายตารอเห็นเหรียญที่ 7 ของทัวร์นาเมนต์จากรุ่นนี้
ดีกรีแน่น! อดีตแชมป์ซีเกมส์–เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์
ศรัทไม่ได้เป็นหน้าใหม่ในเวทีอาเซียน แต่เป็นระดับตัวท็อปของภูมิภาค เขาเคยคว้าแชมป์ซีเกมส์มาแล้วในปี 2013 และยังเป็นเจ้าของ 2 เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ในปี 2018 และ 2022 เส้นทางอาชีพของเขาเต็มไปด้วยทั้งความสำเร็จและอุปสรรค แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปคือความมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดบนเวทีนานาชาติในฐานะหนึ่งในจอมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไทย
การกลับมาล่าทองซีเกมส์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการแข่งขัน แต่เป็นการพิสูจน์ว่าจอมเก๋าวัย 31 ปีรายนี้ยังยืนระยะได้ และยังเป็นเสาหลักให้ทีมชาติได้เสมอ
เกมสแนทช์กดดัน แต่ศรัทยืนคุมเกมเหนือคู่แข่ง
รุ่น 94 กิโลกรัม ชาย มีนักกีฬาลงชิงชัย 7 คน ศรัทถูกส่งลงเป็นตัวความหวังของไทย และเลือกวางแทกติกเรียกน้ำหนักในท่า สแนทช์ แบบ “คุมเกม” มากกว่าบู๊สุ่มเสี่ยง เขาออกมายกเป็นคนสุดท้ายตามความเป็นเต็งหนึ่ง ยกผ่านที่ 160 กิโลกรัมในครั้งแรกอย่างมั่นใจ ก่อนจะขยับไป 165 กิโลกรัม และยังผ่านได้อีกครั้งด้วยท่าทางนิ่งสนิท ก่อนจะไปพลาดในน้ำหนัก 168 กิโลกรัม แต่ด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าคู่แข่ง ทำให้เขายังนำอันดับสองอยู่ถึง 12 กิโลกรัม สร้างความกดดันกลับไปให้คู่แข่งแบบเต็ม ๆ

การเป็นคนสุดท้ายในสแนทช์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องยืนมองคนนั้นผ่าน คนนี้หลุด แต่ศรัทใช้ประสบการณ์กดความกังวลไว้และเล่นกับตัวเลขอย่างชาญฉลาด เลือกน้ำหนักที่ตัวเองมั่นใจ ทำให้ทีมไทยคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่ท่าแรก
คลีนแอนด์เจิร์กโหดจัด! รวม 366 กก. ปิดจ๊อบเหรียญทอง
มาถึงท่า คลีนแอนด์เจิร์ก จอมเก๋าชาวไทยยังคงโชว์ความแข็งแกร่งไม่ตก ยกผ่านทั้ง 3 ครั้งที่ 191, 196 และ 201 กิโลกรัม ทุกครั้งที่บาร์เหล็กถูกยกผ่านเหนือศีรษะ เสียงเชียร์ในโรงยิมก็ดังกระหึ่มยิ่งขึ้น
เมื่อนำมารวมกับสแนทช์ ทำให้น้ำหนักรวมของศรัทอยู่ที่ 366 กิโลกรัม ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไร้ข้อกังขา คว้าเหรียญทองให้ทีมชาติไทย พร้อมจารึกว่าเป็น เหรียญทองที่ 7 ในรายการยกน้ำหนักซีเกมส์ครั้งนี้ของทัพไทย และที่สำคัญ นี่คือการกลับมาสวมมงแชมป์ซีเกมส์อีกครั้งในรอบ 12 ปีของเจ้าตัวอย่างสง่างาม
คู่แข่งอาเซียนกดดันหนัก แต่ไทยยังยืนหนึ่ง
แม้ศรัทจะโชว์ฟอร์มเหนือชั้น แต่คู่แข่งจากชาติเพื่อนบ้านก็ไม่ธรรมดา เหรียญเงินในรุ่นนี้ตกเป็นของ โมฮาหมัด ซยาห์มี นอร์ กาซาลี จากมาเลเซีย ทำสถิรน้ำหนักรวม 353 กิโลกรัม แบ่งเป็นสแนทช์ 153 กิโลกรัม และคลีนแอนด์เจิร์ก 200 กิโลกรัม แสดงให้เห็นว่าฝั่งเสือเหลืองเองก็พัฒนามาไกลและไม่ปล่อยให้เจ้าภาพเดินเกมสบาย ๆ บนเวทีนี้
ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของ ซวน ดุง ตรัน จากเวียดนาม น้ำหนักรวม 337 กิโลกรัม แบ่งเป็นสแนทช์ 150 กิโลกรัม และคลีนแอนด์เจิร์ก 187 กิโลกรัม ทีมยกน้ำหนักเวียดนามยังคงเป็นชาติที่ต้องจับตามอง เพราะมักมีดาวรุ่งแทรกขึ้นมาสู้ได้ทุกยุค
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองภาพรวมในรุ่นนี้ ต้องยอมรับว่าจอมพลังไทยยังคงยืนอยู่แถวหน้าของอาเซียน ทั้งในเรื่องมาตรฐานน้ำหนัก และความนิ่งในจังหวะสำคัญ
ศรัทเปิดใจ หลังหวนคว้าทองซีเกมส์
หลังการแข่งขันจบลง ศรัท สุ่มประดิษฐ เปิดใจถึงความรู้สึกในวันนี้ โดยยอมรับว่ามีความมั่นใจก่อนลงแข่งพอสมควร เพราะสถิติที่ซ้อมและยกได้ อยู่ในระดับมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อทำได้ตามเป้าในสนามจริง ความกดดันก็คลายลง กลายเป็นความโล่งใจและปลื้มใจแทน
เขายังแสดงความดีใจที่สามารถกลับมาคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้อีกครั้งในวัย 31 ปี และฝากคำขอบคุณไปยังสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่คอยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงที่ฟอร์มดีและช่วงที่มีอาการบาดเจ็บ จนทำให้เขายังมีโอกาสยืนบนเวทีระดับนานาชาติในฐานะตัวแทนของทีมชาติไทย
รุ่น 88 กิโลกรัม ชาย – วรพรต นาสุริวงศ์ คว้าทองแดงสำคัญ
นอกจากรุ่น 94 กิโลกรัมแล้ว เวทีซีเกมส์ครั้งนี้ยังมีผลงานจากรุ่น 88 กิโลกรัม ชาย ที่ไม่ควรมองข้าม ทีมไทยส่ง วรพรต นาสุริวงศ์ ลงแข่งในกลุ่มนี้ ซึ่งมีนักกีฬารวม 5 คน แม้จะไม่ได้ขึ้นโพเดียมสูงสุด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสายเลือดใหม่ในทีม
ในท่าสแนทช์ วรพรตยกผ่านทั้ง 3 น้ำหนักที่ 143, 149 และ 151 กิโลกรัม แสดงให้เห็นถึงการวางตัวเลขที่มั่นคงและความผิดพลาดที่น้อยมาก ส่วนในท่า คลีนแอนด์เจิร์ก ยกผ่านที่ 185 และ 190 กิโลกรัม ก่อนจะพลาดในน้ำหนัก 195 กิโลกรัม แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว ทำให้น้ำหนักรวมอยู่ที่ 341 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับการคว้าเหรียญทองแดงให้ทีมชาติไทย
แม้จะไม่ได้ขึ้นไปยืนบนตำแหน่งเหรียญทองหรือเงิน แต่เหรียญทองแดงจากรุ่นนี้ถือเป็นแต้มสำคัญที่ช่วยสะสมผลงานรวมให้ทัพไทย และสะท้อนว่าทีมยังมีตัวเลือกใหม่ ๆ ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในอนาคต
อินโดนีเซีย–เวียดนาม ไล่กดดันไทยในรุ่น 88 กก.
ในรุ่น 88 กิโลกรัม ชาย เหรียญทองตกเป็นของ ราห์มัต เออร์วิน อับดุลลาห์ จากอินโดนีเซีย ด้วยน้ำหนักรวม 362 กิโลกรัม (สแนทช์ 160 กก., คลีนแอนด์เจิร์ก 202 กก.) ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ค็อก ตวน เหงียน จากเวียดนาม น้ำหนักรวม 361 กิโลกรัม (สแนทช์ 160 กก., คลีนแอนด์เจิร์ก 201 กก.)
เมื่อดูตัวเลขจะเห็นว่าการเบียดแย่งเหรียญทอง–เหรียญเงินในรุ่นนี้ดุเดือดสุด ๆ ต่างกันแค่ 1 กิโลกรัม ขณะที่ไทยตามหลังกลุ่มนำไม่มากนัก ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ดีว่า หากปรับจูนรายละเอียดในช่วงซ้อมอีกเล็กน้อย รุ่นนี้ยังมีลุ้นกลับมาท้าชิงแชมป์ได้เต็มตัวในซีเกมส์ครั้งต่อไป
สรุปผลงานทีมยกน้ำหนักไทย ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ก่อนวันสุดท้าย
เมื่อรวมผลงานจนถึงการแข่งขันวันนี้ ทัพ ทีมยกน้ำหนักไทย เก็บไปแล้ว 7 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง ตัวเลขนี้สะท้อนภาพชัดเจนว่า ยกน้ำหนักยังเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่ไทยฝากความหวังในเวทีซีเกมส์ได้เสมอ ทั้งในฐานะเจ้าภาพ และในฐานะมหาอำนาจของอาเซียนในกีฬาจอมพลัง
โปรแกรมวันสุดท้ายของการแข่งขันยกน้ำหนักในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ยังมีลุ้นเหรียญเพิ่มอีก 3 รุ่น เริ่มเวลา 13.00 น. กับรุ่น 77 กิโลกรัม หญิง ที่มี ชลิดา เที่ยงดี ลงล่าเหรียญ ต่อด้วยรุ่นมากกว่า 77 กิโลกรัม หญิง ที่มี ดวงอักษร ใจดี เป็นตัวแทนไทย ก่อนจะปิดท้ายรายการเวลา 15.00 น. กับรุ่นมากกว่า 94 กิโลกรัม ชาย ซึ่ง รุ่งสุริยา โยธะพล จะลงสนามหวังสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนกีฬาชาวไทย
ยกน้ำหนัก–เวทีบ่มเพาะวินัย ความเข้มแข็ง และโอกาสของเยาวชนไทย
นอกเหนือจากจำนวนเหรียญรางวัล สิ่งที่กีฬายกน้ำหนักมอบให้สังคมไทยเสมอคือภาพของนักกีฬาที่มีวินัยสูง ใช้เวลาเป็นปี ๆ ในการฝึกซ้อม ยอมแลกความสบายในวัยเด็กและวัยรุ่น เพื่อยืนบนเวทีแข่งขันในฐานะตัวแทนชาติ ความสำเร็จของจอมพลังอย่างศรัท วรพรต หรือรุ่นน้องคนอื่น ๆ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสถิติน้ำหนัก แต่คือแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยเห็นว่า หากตั้งใจจริง มีระบบการฝึกซ้อมที่ดี และได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง กีฬายกน้ำหนักสามารถกลายเป็นทั้งอาชีพ เกียรติยศ และช่องทางดูแลครอบครัวได้
สำหรับแฟนกีฬา การติดตามผล ยกน้ำหนักซีเกมส์ ไม่ได้มีแค่ความสะใจเวลาเห็นนักกีฬาไทยยกผ่าน แต่ยังช่วยให้เห็นวงจรการปั้นดาวรุ่ง การส่งต่อประสบการณ์จากรุ่นใหญ่สู่รุ่นเล็ก และบทบาทของสมาคมกีฬาไทยที่ต้องพัฒนาทั้งโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรควบคู่กันไป
จอมพลังไทยยังไม่ยอมเบรก แฟนกีฬาเตรียมเชียร์วันสุดท้ายกับ บ้านกีฬา
จากเหรียญทองของ ศรัท สุ่มประดิษฐ ในรุ่น 94 กิโลกรัม ชาย ที่ช่วยดันยอดรวมของทัพไทยไปถึง 7 เหรียญทอง บวกกับเหรียญทองแดงจาก วรพรต นาสุริวงศ์ ในรุ่น 88 กิโลกรัม ชาย ทำให้บรรยากาศของทีมยกน้ำหนักไทยก่อนเข้าสู่วันสุดท้ายเต็มไปด้วยความมั่นใจและความฮึกเหิม
แฟนกีฬาไทยเตรียมตัวเชียร์กันต่อในวันสุดท้ายของยกน้ำหนักซีเกมส์ครั้งที่ 33 ว่าทัพจอมพลังไทยจะปิดฉากทัวร์นาเมนต์ในบ้านได้สวยแค่ไหน จะมีเหรียญทองเพิ่มเติมจากรุ่นหญิงและรุ่นใหญ่ชายหรือไม่ ทั้งหมดนี้คอลูกเหล็กห้ามพลาดการอัปเดตข่าวสาร ผลการแข่งขัน และมุมมองเชิงลึกได้ที่ บ้านกีฬา ที่จะคอยเกาะติดทุกยก ทุกเวที และทุกความสำเร็จของนักกีฬาไทยอย่างใกล้ชิด

