ชายแดนเดือด แต่ซีเกมส์ยังเดินหน้า
สถานการณ์บริเวณ ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังเกิดเหตุปะทะต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา โดยล่าสุดในวันที่ 8 ธันวาคม ยังมีรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในหลายจุด ท่ามกลางการจับตาของสังคมและสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศ
แม้บรรยากาศชายแดนจะตึงเครียด แต่ในฝั่งของการจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ฝ่ายจัดและตัวแทนประเทศสมาชิกลับยืนยันจุดยืนชัดเจนว่า “การเมืองกับกีฬาแยกออกจากกัน” ทุกชาติยังคงเคารพปฏิทินการแข่งขันและเตรียมทัพนักกีฬาเดินหน้าตามแผนเดิม เพื่อไม่ให้กระทบต่อโอกาสของนักกีฬาที่ซ้อมกันมาอย่างยาวนาน
ที่ประชุมมนตรีซีเกมส์ – กัมพูชายืนยันส่งแข่งตามกำหนด
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เวลา 09.30 น. มีการประชุมสหพันธ์มนตรีซีเกมส์ ผู้แทนทั้ง 11 ชาติอาเซียน ที่โรงแรมแกรนด์โฟร์วิงส์ ศรีนครินทร์ ชั้น 8 โดยเป็นการประชุมสำคัญเพื่อตรวจความพร้อม และยืนยันรายละเอียดการเข้าร่วมการแข่งขันของแต่ละชาติ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้แทนจากฝั่งกัมพูชาที่เดินทางมาร่วมประชุม ได้แก่ นายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติกัมพูชา (NOCC) และนายหนาน ซอคอิซาว หัวหน้าคณะนักกีฬากัมพูชา เกี่ยวกับแผนการเดินทางของทัพนักกีฬา ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด
คำยืนยันจากทั้งสองฝ่ายมีน้ำหนักชัดเจนว่า กัมพูชายังคงส่งนักกีฬามาเข้าร่วมแข่งขันตามกำหนดการเดิม ไม่มีการถอนตัวหรือเลื่อนแผนการเดินทาง โดยกำหนดการเดินทางของทัพ นักกีฬากัมพูชา จะทำตามโรดแม็ปที่วางไว้แล้ว เพื่อให้ทันโปรแกรมการแข่งขันทุกชนิดกีฬา
ขุมกำลังทัพกีฬากัมพูชา ซีเกมส์ 33
ในส่วนของชนิดกีฬาที่กัมพูชาส่งเข้าร่วมในซีเกมส์ครั้งนี้ ต้องบอกว่าขยับมาครบทั้งสายต่อสู้ สายทักษะ และสายความอึดของร่างกาย รายชื่อชนิดกีฬาและจำนวนผู้เล่นที่ยืนยันมีดังนี้
- เทควันโด 11 คน
- ว่ายน้ำ 8 คน
- ยูยิตสู 14 คน
- ยิมนาสติก 9 คน
- เทคบอล 8 คน
- กรีฑา 9 คน
- เจ็ตสกี 2 คน
- อีสปอร์ต 14 คน
- ขี่ม้า 4 คน
- คิกบ็อกซิ่ง 8 คน
- ฟันดาบ 8 คน
- ไตรกีฬา 10 คน
จากโผรายชื่อจะเห็นได้ว่ากัมพูชาเน้นส่งนักกีฬาในกีฬาต่อสู้และกีฬาที่ใช้สภาพร่างกายเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ยูยิตสู, คิกบ็อกซิ่ง, ฟันดาบ และไตรกีฬา ขณะเดียวกันก็ไม่มองข้ามชนิดกีฬาสมัยใหม่อย่าง อีสปอร์ต ที่กลายเป็นเวทีวัดฝีมือของเด็กรุ่นใหม่ในระดับอาเซียนไปแล้ว
ซีเกมส์กับบทบาท “สะพานกีฬา” ท่ามกลางความตึงเครียด
ในหลายช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ กีฬาเคยถูกใช้เป็นเวทีเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้สถานการณ์การเมืองหรือชายแดนจะตึงเครียด แต่เมื่อเข้าสู่สนามแข่งขัน หลายชาติเลือกใช้กีฬาเป็นพื้นที่สร้างความเข้าใจ ลดความแข็งกร้าว และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่จากแต่ละประเทศได้พบกันในบทบาทคู่แข่งที่เคารพกัน ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
การเมืองกับกีฬา อาจแยกขาดจากกันไม่ได้ทั้งหมด แต่การยืนยันส่งนักกีฬาเข้าร่วมซีเกมส์ของกัมพูชาในครั้งนี้ แสดงให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งว่า ระหว่างที่ผู้นำระดับสูงเจรจาแก้ปัญหาในเชิงการทูต ฝั่งคนกีฬาเองก็พยายามรักษาเวทีการแข่งขันให้เดินหน้าต่อไป เพื่อไม่ให้ความฝันของนักกีฬาที่ฝึกซ้อมหนักต้องหยุดลงเพราะปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
แฟนกีฬาไทยจับตาสถานการณ์ไปพร้อมส่งแรงเชียร์
สำหรับแฟนกีฬาชาวไทย นี่คืออีกหนึ่งซีเกมส์ที่ต้องจับตาทั้งในสนามและนอกสนาม เพราะนอกจากผลงานของนักกีฬาไทยแล้ว บริบทของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรอบนี้ยังทำให้ทุกแมตช์มีน้ำหนักมากกว่าผลการแข่งขันธรรมดา แฟนกีฬาสามารถร่วมกันส่งกำลังใจให้นักกีฬาทุกชาติแข่งขันกันอย่างแฟร์ เพลย์ และหวังให้ทุกอย่างจบลงด้วยภาพที่ดีทั้งในกีฬาและความสัมพันธ์ของภูมิภาค
บ้านกีฬา จะติดตามทุกความเคลื่อนไหว ทั้งฟอร์มของทัพไทย ทัพกัมพูชา และชาติอื่น ๆ ในซีเกมส์ครั้งนี้ พร้อมอัปเดตสถานการณ์สำคัญแบบเข้มข้นให้แฟนกีฬาได้ติดตามกันแบบใกล้ชิด แฟนบอลและแฟนกีฬาที่ไม่อยากพลาดทุกจังหวะสำคัญของซีเกมส์และข่าวร้อนในโลกกีฬา อย่าลืมติดตามทุกเรื่องมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา

