5 ประเด็นร้อน! เรือใบเฉียดตายเสมอเดือดปืนโตคาบ้านในศึกบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก

ศึกพรีเมียร์ลีกเกมใหญ่ที่ทุกคนรอคอยจบลงด้วยความระทึก เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ลีกจากเมืองผู้ดีไล่ตีเสมอ อาร์เซน่อล 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายในเกมที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง แม้จะไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ตามที่หวัง แต่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย ขณะที่ อาร์เซน่อล ต้องพลาดโอกาสขึ้นนำตารางอย่างน่าเสียดาย

1. เรือใบลำบากเมื่อขาด เดอ บรอยน์

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

การที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางตัวเก่งในเกมนี้ตามที่คาดไว้ เนื่องจากเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับ อินเตอร์ มิลาน ที่เสมอ 0-0 ทำให้แผนการเล่นของทีมมีการปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจน กัปตันทีมในนัดนี้จึงตกเป็นของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงแทน ริโก้ ลูอิส นอกจากนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังได้ปรับเปลี่ยนแผนทีมโดยส่ง อิลคาย กุนโดกัน ลงมาแทนตำแหน่งของ เดอ บรอยน์ ขณะที่ เฌเรมี่ โดกู ได้รับโอกาสลงสนามแทน แจ็ค กรีลิช

2. ปืนใหญ่ส่ง คาลาฟิออรี่ ลงตัวจริงครั้งแรก

เกมนี้ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ไม่มี มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยังบาดเจ็บ แต่พวกเขากลับเลือกส่ง ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกนัดแรก หลังย้ายมาจาก โบโลญญ่า ในช่วงซัมเมอร์นี้ นอกจากนี้ บูคาโย่ ซาก้า ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมเป็นครั้งที่สองหลังจากเคยสวมบทบาทนี้มาแล้วในเกมกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลก่อน สำหรับแผนการเล่นของทีม ปืนใหญ่ เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ ถูกโยกไปเล่นแบ็คขวา ขณะที่ คาลาฟิออรี่ รับบทแบ็คซ้าย ขณะที่ เบน ไวท์ นั่งเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022

3. ฮาลันด์ ตะบันครบ 100 ประตู ทาบชั้นตำนาน

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าร่างยักษ์ชาวนอร์เวย์ สร้างสถิติสำคัญอีกครั้งด้วยการยิงครบ 100 ประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากการลงเล่นเพียง 105 นัดเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถิติที่เทียบเท่ากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เคยทำได้กับ เรอัล มาดริด ด้วยจำนวนการลงสนามเท่ากัน ฮาลันด์ยังกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำได้ถึง 10 ประตูใน 5 เกมแรกของฤดูกาล

4. ราย่า โชว์ฟอร์มเหนียว แต่ไม่เพียงพอ

แม้ว่าทีมปืนใหญ่จะต้องเล่นเพียง 10 คน ตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกหลังจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ โดนไล่ออกจากสนามด้วยใบเหลืองที่สอง ทำให้ ดาบิด ราย่า ผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อลต้องเผชิญหน้ากับเกมรุกของแมนฯ ซิตี้ตลอดครึ่งหลัง แต่เขาแสดงให้เห็นถึงความเหนียวหนึบ ด้วยการเซฟลูกยิงได้ถึง 9 ครั้งในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม ราย่าไม่สามารถป้องกันประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาของ จอห์น สโตนส์ ที่ทำให้แมนฯ ซิตี้รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในนาทีที่ 98 และกลายเป็นประตูที่ทำได้ในช่วงทดเวลาที่ล่าช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมในพรีเมียร์ลีก

5. ขาด เดอ บรอยน์ เหมือนขาดหัวใจ

การที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ และต้องเสีย โรดรี้ ตั้งแต่นาทีที่ 17 ของเกม ทำให้การควบคุมเกมในแดนกลางของพวกเขาไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มที่ และตกเป็นรองอาร์เซน่อลชัดเจน โดย กุนโดกัน และ มาเตโอ โควาซิช ไม่สามารถแทนที่บทบาทสำคัญในเกมรุกและรับได้ ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้ เกือบพ่ายคาบ้านจนต้องพึ่งประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายจากสโตนส์ การขาดทั้ง เดอ บรอยน์ และ โรดรี้ ทำให้เกมรุกของทีมไร้ความอันตรายและไม่สามารถเจาะแนวรับ 10 คนของอาร์เซน่อลได้จนถึงนาทีสุดท้าย

แม้ว่าจะเกือบพลาดชัยชนะ แต่การกลับมาเก็บ 1 แต้มในนาทีสุดท้ายยังช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ยังคงครองสถิติไม่แพ้ในบ้านต่อ อาร์เซน่อล นับตั้งแต่ปี 2015

ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา