ฤดูกาลนี้ใน พรีเมียร์ลีก เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากการเซ็นสัญญานักเตะ โดยเฉพาะการย้ายทีมของนักเตะชาวอังกฤษอย่าง โดมินิค โซลันกี้ ที่เพิ่งย้ายจาก บอร์นมัธ มาร่วมทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 65 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน 10 นักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวสูงที่สุดทันที
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
การใช้เงินจำนวนมหาศาลในตลาดนักเตะของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับการที่ โซลันกี้ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะเยาวชนของ เชลซี และเคยร่วมทีม ลิเวอร์พูล ก่อนหน้านี้ สามารถทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดในอังกฤษ ณ ขณะนี้ แล้วเขาติดอันดับที่เท่าไหร่ในบรรดานักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวแพงที่สุด? มาตรวจสอบกันเถอะ!
10. จอห์น สโตนส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
สโตนส์ เป็นหนึ่งในนักเตะรายแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าตัวมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016 ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 47.5 ล้านปอนด์ พร้อมค่าแอดออนเพิ่มเติมอีก 2.5 ล้านปอนด์ ตั้งแต่นั้นมา สโตนส์ ได้กลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็กชั้นนำของโลก คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ถึงหกครั้ง, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อย่างละสองครั้ง รวมถึง แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, และ สโมสรโลก การเซ็นสัญญานี้ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของทีมเรือใบสีฟ้า
10. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (เชลซี)
หลังจากเคยค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สเตอร์ลิ่ง ก็ย้ายมาร่วมทีม เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 ด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ แม้ว่าการย้ายมาครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ในท้ายที่สุดกลับกลายเป็นดีลที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ปีกวัย 29 ปี ทำประตูได้เพียง 19 ลูกจาก 81 นัดในทุกรายการ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลของ สิงห์บลูส์
9. เบน ชิลเวลล์ (เชลซี)
เชลซี ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีการใช้จ่ายเงินอย่างหนักในการซื้อนักเตะ ชิลเวลล์ ถูกดึงตัวมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ในปี 2020 แม้ว่าจะเริ่มต้นกับ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องเสียตำแหน่งในทีม และยังพลาดโอกาสลงเล่นในศึก ยูโร 2024 กับทีมชาติอังกฤษอีกด้วย
9. เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล)
ไวท์ ย้ายจาก ไบรท์ตัน มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2020/21 ตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของ มิเกล อาร์เตต้า และสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรับ ทำให้การเซ็นสัญญานี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับทีม ปืนใหญ่
9. อารอน วาน-บิสซาก้า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ คริสตัล พาเลซ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตัดสินใจดึงตัว วาน-บิสซาก้า มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความคาดหวังว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับของ ปีศาจแดง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้ และปัจจุบันถูกขายให้กับ เวสต์แฮม ไปแล้ว
8. เมสัน เมาท์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เมาท์ ตัดสินใจย้ายออกจาก เชลซี และมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ไม่ประสบความสำเร็จในปีแรกเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เมาท์ยังคงมีโอกาสที่จะกู้ชื่อเสียงกลับมาในฤดูกาลถัดไป
7. โดมินิค โซลันกี้ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
การย้ายทีมล่าสุดของ โซลันกี้ จาก บอร์นมัธ มาสู่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ ถือเป็นการเสริมทัพที่น่าจับตามองในฤดูกาลนี้ โซลันกี้ เคยสร้างชื่อเสียงกับ บอร์นมัธ และตอนนี้ได้รับภาระหนักในการแทนที่ แฮร์รี่ เคน ในตำแหน่งกองหน้าของ ไก่เดือยทอง
6. เจดอน ซานโช่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
การย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของซานโช่ ด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2021 กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง ซานโช่ ทำประตูให้กับ ปีศาจแดง ได้เพียง 12 ลูก และยังมีปัญหากับผู้จัดการทีม เอริค เทน ฮาก อย่างไรก็ตาม หลังจากเคลียร์ปัญหากันได้ ซานโช่ ก็กลับมามีบทบาทในทีมอีกครั้ง
5. แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
แม็กไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงินถึง 80 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวเขามาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2019 แม้ว่าจะมีผลงานที่ดีในฟุตบอลโลกปี 2018 แต่แม็กไกวร์กลับไม่สามารถสร้างชื่อเสียงที่ โรงละครแห่งความฝัน ได้ตามที่หวังไว้ และมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง
4. แฮร์รี่ เคน (บาเยิร์น มิวนิค)
หลังจากเป็นหัวหอกของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มานานหลายปี ในที่สุด เคน ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 86.4 ล้านปอนด์ที่สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านปอนด์ได้ เคนยิงประตูได้ถึง 44 ลูกจาก 45 นัดในฤดูกาลแรก แต่ยังไม่เพียงพอที่จะนำทีม เสือใต้ คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ซึ่งพวกเขาเสียแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
3. จู๊ด เบลลิ่งแฮม (เรอัล มาดริด)
เบลลิ่งแฮม แม้จะได้รับความสนใจจากหลายทีมใน พรีเมียร์ลีก แต่เขากลับเลือกย้ายไป เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 88 ล้านปอนด์และอาจเพิ่มขึ้นอีก 26 ล้านปอนด์ เบลลิ่งแฮม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรก โดยพาทีม ราชันชุดขาว คว้าแชมป์ ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก
2. แจ็ค กรีลิช (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
การเซ็นสัญญาของกรีลิช กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์จาก แอสตัน วิลล่า ในปี 2021 เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่น่าจับตามอง กรีลิชช่วยทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2022/23 แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาเขาต้องเสียตำแหน่งให้กับ เฌเรมี่ โดกู และพลาดการติดทีมชาติอังกฤษในศึก ยูโร 2024
1. เดแคลน ไรซ์ (อาร์เซน่อล)
การย้ายของ ไรซ์ มาสู่ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 105 ล้านปอนด์ในเดือนกรกฎาคม 2023 ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก แม้ว่า ปืนใหญ่ จะพลาดการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ ไรซ์ ก็มีบทบาทสำคัญในทีม และได้แชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับทีมเป็นการประเดิม
บทสรุปนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการลงทุนที่ไม่ธรรมดาของทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่พร้อมจะจ่ายเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวนักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการคว้าชัยชนะในทุกๆ รายการ
ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา