เอเอฟซี บอร์นมัธ AFC Bournemouth หรือที่รู้จักในชื่อเดอะเชอร์รี่ส์ และฉายาจากคนไทยคือเทพีแดงดำ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ ที่ตั้งอยู่ในคิงส์พาร์ก เขตบอสคอมบ์ ชานเมืองบอร์นมัธ ดอร์เซต ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันในระดับพรีเมียร์ลีก ที่ถือเป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2442 ในชื่อบอสคอมบ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นเอเอฟซี บอร์นมัธ ในปี พ.ศ. 2514 โดยเล่นนัดเหย้าที่ดีนคอร์ต ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทีมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 มีชุดเหย้าของทีมที่ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตลายทาง ใช้สีแดงและสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ และถุงเท้าสีดำ ซึ่งจะคล้ายกับทางทีมดังของอิตาลีอย่างมาก เพราะทางบอร์นมัธได้รับแรงบันดาลใจจากเอซี มิลาน แห่งอิตาลีนั่นเอง
ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรเอเอฟซี บอร์นมัธ
สโมสรแห่งนี้ไม่มีการตั้งฉายาในประเทศไทย จึงเรียกกันสั้น ๆ ว่าบอร์นมัธเท่านั้น จุดเริ่มต้นการก่อตั้งสโมสรครั้งแรก ต้องย้อนเวลากลับไปในปี ค.ศ. 1899 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาอีกนั่นเอง และไม่ได้ใช้ชื่อนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่กลับเป็นการใช้บอสคอมบ์ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเอเอฟซี บอร์นมัธ จนมาถึงทุกวันนี้ ในประเทศอังกฤษได้มีการตั้งฉายาให้กับสโมสรแห่งนี้ว่าเดอะเชอร์รีส์ ที่มีรูปแบบและสีประจำสโมสรเหมือนกับยอดสโมสรดังจากประเทศอิตาลีอย่างเอซี มิลาน
การแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ในลีกระดับภูมิภาคเท่านั้น และมีการพัฒนาความสามารถ พร้อมไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการแข่งขันแฮมป์เชอร์ลีก และต่อมาเป็นเซาเทิร์นลีก ในปี ค.ศ. 1920 จากนั้น 3 ปี ได้พัฒนาเข้าสู่ลีกอาชีพได้สำเร็จ ด้วยรายการแข่งขัน 3 ดิวิชันเซาท์ โดยใช้เวลาถึงเวลา 35 ปี ในการหาแชมป์แรกของสโมสรอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นก็อยู่ในมาตรฐานที่ไม่พัฒนาขึ้นและไม่ได้แย่ลง อยู่ระดับกลาง ๆ แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1958 ได้ตกชั้นไปแข่งขันในลีกโฟร์ตดิวิชัน แต่ก็ใช้เวลาแค่ 1 ปี ในการกลับขึ้นมาสู่ลีก 3 ได้สำเร็จ แล้วก็ขึ้น-ลงลีกอีกหลายครั้ง แต่จากนั้นไม่นานสโมสรก็สามารถที่จะคว้าแชมป์บอลถ้วย ระดับลีก 3 และ 4 มาครองได้ คือ แอสโซซิเอทเมมเบอร์สคัพ สำหรับถ้วยนี้จะนำสโมสรในลีกล่างมาแข่งขันแบบแพ้แล้วคัดออก
ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลใหม่สำหรับแฟนบอลในยุคปัจจุบัน หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคที่มีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก กล่าวได้ว่าแทบจะต้องยุบสโมสรเลยก็ว่าได้ แต่ก็ประคองสถานการณ์และผ่านพ้นมาได้เป็นอย่างดี การที่สโมสรแห่งนี้ไม่ประสบความสำเร็จมาจากการถูกลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษถึง 2 ครั้ง และส่งผลให้สโมสรตกไปอยู่ลีกรอง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายในยุค 2000 กลายเป็นฟ้าหลังฝน โดยในปี ค.ศ. 2002 จุดเริ่มต้นบนเส้นทางพรีเมียร์ลีกและถึงแม้ว่าจะต้องกลับไปตกชั้น แต่กลับเป็นสโมสรแรกที่สามารถชนะ 3 ครั้ง ในรอบ 6 ปี และกลับขึ้นมาอยู่ในลีกสูงที่สุดได้อีกครั้ง
ผลงานที่ทำได้ในการเข้าแข่งขัน ของสโมสรเอเอฟซี บอร์นมัธ
ภาพรวมและผลงานที่น่าสนใจของบอร์นมัธ เรียกได้ว่าไม่เคยคว้าแชมป์รายการใหญ่เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่สามารถที่จะคว้าแชมป์ลีกรองได้มากมาย โดยแชมป์มีถึง 13 ครั้ง และที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดจะเป็นการคว้าแชมป์เปียนชิพ ลีกรองจากพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ จากข้อมูลและผลงานอาจจะบอกได้ว่าเป็นสโมสรขนาดกลางไปถึงเล็ก หวังว่าสโมสรแห่งนี้จะพัฒนาและก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมขึ้นไปคว้าแชมป์รายการที่ยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรตัวเองได้
การก้าวเข้าสู่พรีเมียร์ลีกของเอเอฟซี บอร์นมัธ เกิดขึ้นเมื่อปี 2009
ก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่มาไกลเกินกว่าแฟนบอลจะคิดถึง ในปี ค.ศ. 2009 คือสิ่งที่แฟนบอลบอร์นมัธ มีความคาดหวังมากที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้ 1 ปี เจอกับเหตุการณ์โดนหักถึง 10 แต้ม และต้องเจอกับปัญหามากมาย ทำให้ตกชั้นอยู่ในลีกรอง และมาพร้อมกับหนี้สินถึง 4 ล้านปอนด์ มีการตั้งคำถามมากมายว่าจะผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้ไปได้อย่างไร อะไรคือทางออกที่เหมาะสมกับสโมสร การเปลี่ยนเจ้าของสโมสรฟุตบอลเอเอฟซี บอร์นมัธจึงกลายเป็นทางเลือกที่ถูกต้องมากที่สุด โดยบิล โฟลีย์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน
กลายเป็นหนึ่งในชื่อที่แฟนบอลมากมายยกย่อง และการเปลี่ยนผู้จัดการทีมคนใหม่ อย่างเอ็ดดี้ ฮาว เข้ามารับตำแหน่งที่มีอายุเพียงแค่ 31 ปี ถือว่าน้อยที่สุดเท่าที่สโมสรแห่งนี้เคยมีมา จากนั้นก็คือการเปลี่ยนจากสโมสรที่ไม่น่าสนใจ กลายเป็นสโมสรที่ทำผลงานได้อย่างดี มีข้อมูลว่าในเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปี ก็ว่าได้ และนี่คือก้าวแรกขึ้นสู่ลีกสูงสุดของสโมสร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในมาตรฐานที่ดี เพราะยังคงต้องดิ้นรนตลอดเวลา มีการขึ้นและลงลีกใหญ่เสมอ แต่ถือว่าภาพรวมดีขึ้นตามลำดับ
สรุปสถานการณ์แข่งขันของสโมสรเอเอฟซี บอร์นมัธ ในปี 2024
ความคาดหวังของแฟนบอลสโมสรเอเอฟซี บอร์นมัธ ในปี ค.ศ. 2024 เรียกได้ว่าไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ทุกเรื่องยังคงมาตรฐานทีมอันดับกลางตาราง โดยมาเป็นอันดับที่ 12 มีการชนะ 13 นัด แต่กลับแพ้ 16 นัด มีผลต่างประตูได้/เสียติดลบ เรียกได้ว่ามีคะแนนมากกว่าสโมสรที่ตกชั้นไปเพียงแค่ 22 คะแนน เพราะฉะนั้นใครที่เป็นแฟนบอลของสโมสรแห่งนี้ อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงสโมสรจากผู้บริหาร หรือมีการปั้นนักเตะดาวรุ่งเข้ามาเสริม เนื่องจากยังคงไม่มีเงินทุนมากพอในการซื้อตัวนักเตะระดับโลก เชื่อว่าในฤดูกาลหน้าสโมสรแห่งนี้ก็จะยังทรงตัวและไม่แย่ลงไปมากกว่านี้ ทั้งยังคงมาตรฐานการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกต่อไปได้แน่นอน