สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด Newcastle United เป็นทีมฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวคาสเซิลอะพอนไทน์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษอย่างพรีเมียร์ลีก ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องฟอร์มการเล่นบอลอันแข็งแกร่ง โดยสโมสรถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2435 และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีชื่อเล่นที่คนไทยเรียกติดปากว่าสาลิกาดง หรือเดอะทูน ในอดีตเป็นเจ้าของโดยสโมสรคริกเก็ต นิวคาสเซิลอีสต์เอนด์ เพื่อให้ผู้เล่นมีความกระตือรือร้นในช่วงฤดูหนาว จึงเพิ่มการทำทีมฟุตบอลเข้าไป พร้อมทำผลงานได้ดีตั้งแต่นัดแรก ในปีต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ช่วงต้นปี พ.ศ. 2435 ผู้บริหารของสโมสรจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกับนิวคาสเซิลอีสต์เอนด์ เพื่อป้องกันไม่ให้ทีมต้องถูกยุบ ภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2435 สโมสรจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็นนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการ และถูกใช้มายาวนานจนถึงปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาของสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
กว่าที่จะมาเป็นสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จุดเริ่มต้นต้องย้อนเวลากลับไปในปี ค.ศ 1892 แต่ไม่ใช่การใช้ชื่อสโมสรในปัจจุบัน และต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี โดยเป็นเรื่องของการควบรวมกิจการ ระหว่างนิวคาสเซิลอีสต์เอนด์และนิวคาสเซิลเวสต์เอนด์ จากข้อมูลจะมีความต่างกับสโมสรอื่น ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งทั้ง 2 กิจการ คือ สโมสรฟุตบอลเช่นเดียวกัน และตั้งอยู่ในเมืองนิวคาสเซิ่ล พร้อมใช้สนามของกีฬาคริกเก็ตเป็นสนามเหย้าของตัวเอง และไม่นานก็เปลี่ยนมาใช้งานสนามเซนต์เจมส์พาร์กแทน ซึ่งก็คือสนามเหย้าในปัจจุบันนั่นเอง
การเริ่มต้นไม่ได้เข้าแข่งขันแบบอาชีพ กลับกลายเป็นการแข่งขันแบบสมัครเล่น หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1889 จึงได้มีการปรับเปลี่ยนจากทีมฟุตบอลสมัครเล่นเข้าสู่ระดับอาชีพ เมื่อเข้ามาสู่วงการฟุตบอลแบบเต็มระบบ มาตรฐานและความพร้อมที่มีอยู่แล้ว จึงทำให้ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น แต่ในปีแรกสโมสรไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีผู้จัดการทีมเป็นแฟรงก์ วัตต์ จากข้อมูลแล้วถือว่าประวัติของสโมสรมีความพิเศษและน่าสนใจ เพราะกว่าที่จะมาเป็นชื่อสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต้องผ่านอุปสรรคมาอย่างยาวนาน
ความสำเร็จ ความล้มเหลว และการตกชั้น ที่มาในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
ถ้าพูดถึงความสำเร็จของสโมสร จะเริ่มจากปี 1910 เป็นการคว้าแชมป์แรก ซึ่งในเวลานั้นเป็นดิวิชัน 1 แต่ถ้าจะพูดถึงภาพรวมแล้ว ในช่วงของทศวรรษ 1900 สามารถกวาดแชมป์ลีกได้ 3 ครั้ง แต่เมื่อต้องเจอกับสงครามโลกครั้ง 1 ทุกอย่างจึงสิ้นสุดลง การกลับมาหลังสงครามจึงถือว่าเป็นอีกจุดเริ่มต้นใหม่ มาพร้อมการคว้ามแชมป์ FA CUP หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1927 สามารถคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 มาครองได้สำเร็จ โดยในเวลานี้มีหัวใจสำคัญอย่าง ฮักกี แกลลาเชอร์ นักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ และยังรับบทบาทเป็นกัปตันทีมอีกด้วย
มีความสามารถและความเป็นผู้นำ จนมีแฟนบอลมากมายกย่องให้เป็นหนึ่งนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล และยังทำให้สโมสรแห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจของคยในอังกฤษ แต่ความสำเร็จกลับอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ สโมสรได้เข้าสู่ยุคตกต่ำเรียกได้ว่าไม่นาน ในปี ค.ศ. 1930 จากสโมสรแชมป์กลายเป็นทีมระดับกลางตาราง และยังมีการหนีตกชั้นอีกด้วย แต่การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้งจากอดีตนักเตะ กลายมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ แอนดี้ คันนิงแฮม สามารถคว้าแชมป์ FA CUP ถึง 3 สมัยด้วยกัน แต่ภาพรวมของภายในลีกกลับตกต่ำสวนทางความสำเร็จภายนอก และในปี ค.ศ. 1933-1934 ได้ตกชั้นอย่างเป็นทางการ สโมสรที่เคยแข่งขันในลีกสูงที่สุดของประเทศอังกฤษมากกว่า 35 ปี หยุดเส้นทางความยิ่งใหญ่ทันที
ถึงแม้ว่าในเวลานั้น มีการปรับเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนภาพรวมของสโมสรแห่งนี้ได้เลย และแย่ลงไปมากกว่าเดิม ในปี ค.ศ. 1937-1938 เกือบที่จะตกชั้นไปแข่งขันในดิวิชัน 3 แต่ยังถือว่าโชคดีที่มีผลต่างประตูได้/เสียที่ดีกว่า จึงสามารถอยู่รอดในดิวิชัน 2 ได้ ต่อมาเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกับทางสโมสรครั้งใหญ่อีก มีการซื้อตัวนักเตะจำนวนมาก ส่งผลให้สโมสรสามารถกลับเข้าสู่ดิวิชัน 1 ได้อีกครั้ง และหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ผู้จัดการทีม จอร์จ มาร์ติน ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นความจริง
หลังจากอยู่ในลีกรองนานถึง 14 ปี การกลับมาในครั้งนี้ สร้างประวัติศาสตร์และคว้าแชมป์มากมาย กลายเป็นยุคทองของสโมสรอย่างแท้จริง แต่ทว่าในปี ค.ศ. 1960-1961 กลับตกชั้นกลับไปอยู่ในดิวชัน 2 อีกครั้ง แต่ไม่นานก็มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โจ ฮาร์วีย์ จึงสามารถพาสโมสรกลับลีกสูงสุดและยังสามารถคว้าแชมป์ยูโรปาลีกได้ ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นม้ามืดที่ไม่มีสโมสรไหนคาดคิดว่าจะขึ้นมาเป็นแชมป์รายการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้
การก้าวเข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีกครั้งแรก ในปี 1992 ทำได้ดีแค่ไหน?
ดังที่แฟนบอลอังกฤษรู้ว่า ปี ค.ศ. 1993 มีการเปลี่ยนแปลงจากดิวิชัน 1 อยู่สู่ยุคใหม่พรีเมียร์ลีก สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จึงมีช่วงเวลาที่น่าสนใจ โดยในเวลานั้นผู้จัดการทีมเควิน คีแกน กลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่เป็นสัญญาระยะสั้นเท่านั้น ปี ค.ศ. 1992 สภาพรวมของสโมสรต้องหนีตกชั้นอยู่ในลีกดิวิชัน 2 เรียกได้ว่าย่ำแย่อย่างมาก และมีการเปลี่ยนเจ้าของทีมรายใหม่ การเข้ามาของคีแกนสามารถพาสโมสรรอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จ และหลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีแฟนบอลมากมายกล่าวไว้ว่าเหมือนกับคนละทีมเดียวกัน เพราะมีสไตล์ที่ดุดันมากขึ้น การจบสกอร์ที่หวังผลได้ทุกการแข่งขัน และสร้างสถิติเก็บชัยชนะได้ติดต่อกัน 11 นัด กลับขึ้นสู่ดิวิชัน 1 ได้สำเร็จ
ก่อนที่ทุกอย่างจะพุ่งสูงขึ้น จนเข้าสู่เส้นทางพรีเมียร์ลีกในเวลา 1 ปีต่อมา คือ ช่วงปี 1993-1994 ในยุคแรกเริ่มของพรีเมียร์ลีก สโมสรแห่งนี้สามารถจบอันดับที่ 3 ได้ จากทีมในดิวิชัน 2 และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้ทุกอย่างเหมือนกับเทพนิยาย จนสื่อของประเทศอังกฤษในเวลานั้นมีการตั้งฉายาเป็น The Entertainers และในปีต่อมาก็ยังสามารถจบอันดับสูงในลีกได้อีก แต่ภาพรวมและมาตรฐานที่ทำให้จบอันดับที่ 6 ของตารางก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร แต่ทว่ามีการขายตัวนักเตะคนสำคัญออกไป จนกลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการ คือ แอนดี้ โคล ให้สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเวลานั้นนักเตะอยู่ในฟอร์มที่ถือว่าสุดยอด ถล่มประตูได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ก็แลกมากับเงินทุนมากมาย ที่สามารถนำไปใช้ซื้อนักเตะเข้ามาเสริมได้เช่นเดียวกัน การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ทำให้สโมสรสามารถจบอันดับรองแชมป์ได้เพียงเท่านั้น ไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ลีกสูงสุดได้ ชื่อของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดจึงกลายเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะสู้ได้กับสโมสรอื่น ๆ จากประเทศอังกฤษ แต่หลังจากนั้นไม่นาน มีการซื้อตัวนักเตะรายใหม่เข้ามา และกลายมาเป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้ คือ แอลัน เชียเรอร์ ด้วยค่าตัวในเวลานั้นถึง 15 ล้านปอนด์ เรียกได้ว่าทุ่มทุนอย่างมาก การเข้ามาของนักเตะรายนี้ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรมากมาย เช่น การถล่มสุดยอดสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปถึง 5 ประตูต่อ 0 แต่ในปี ค.ศ. 1997 คีแกนได้ประกาศออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ทำให้เกิดความกังวลใจต่อแฟนบอลอย่างมาก
เพราะความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาจากผู้จัดการทีมคนนี้ การเข้ามาขัดตาทัพของเคนนี ดัลกลิช ก็ไม่สามารถยกระดับหรือช่วยให้มาตรฐานของสโมสรดีขึ้นได้ จากเหตุการณ์ตกรอบแรกในศึกการแข่งขันยูฟาแชมป์เปี้ยนลีก การแข่งขันฟุตบอลยุโรปเป็นถ้วยใหญ่ที่ทุกสโมสรสนใจมากที่สุด ทำให้เหล่าแฟนบอลจำนวนมากไม่พอใจ และออกมาเดินขบวนต่อต้านจำนวนมาก กดดันให้ทางสโมสรเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม เพราะผลงานและภาพรวมตกต่ำไปมาก ทำให้มีการปลดผู้จัดการทีมหลังจากคุมได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น และกลายเป็นรืด คึลลิตที่เข้ามาสานงานต่อ ซึ่งผลงานถือว่ากลับมาดีขึ้นสามารถเข้าชิงแชมป์ FA CUP ได้
แต่ก็ต้องไปแพ้ให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในเวลานั้นถือว่าเป็นสุดยอดสโมสรของประเทศอังกฤษ และทุกอย่างก็แย่ลงอีกครั้ง เนื่องจากผู้จัดการทีมมีการซื้อตัวนักเตะเข้าสู่สโมสรมาจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถพัฒนาได้ตามที่ต้องการ รวมไปถึงการมีปากเสียงกับนักเตะในทีมหลายคน ทำให้ปี ค.ศ 1999-2000 เริ่มต้นฤดูกาลเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น ก็มีการปลดผู้จัดการทีมทันที และเปลี่ยนมาเป็น บ็อบบี ร็อบสัน ทุกอย่างจึงดีขึ้นตามลำดับ และในปี ค.ศ. 2001-2002 สามารถขึ้นไปจบอันดับที่ 4 ได้สำเร็จ และมีการจบอันดับสูงอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเข้าสู่การเป็นแชมป์ลีกได้ จนบ็อบบี้ ร็อบสัน เกิดปัญหาภายในกับทางผู้บริหาร ทำให้ต้องจบการเป็นผู้จัดการทีม ทุกอย่างในยุค 90
เมื่อสโมสรถูกขาย เข้าสู่เจ้าของใหม่ จุดมุ่งหมายใหม่ก็เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสร ทำให้ทุกอย่างที่เป็นนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต่างออกไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากยุค 90 และเข้าสู่ยุค 2000 สโมสรแห่งนี้ มีความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับนักเตะระดับโลก ที่ทุกวันนี้กลายมาเป็นตำนาน แต่ทีมกลับไม่เจอกับการคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ได้เลยสักครั้ง กลายเป็นว่าเหมือนจะดีแต่ก็กลับแย่ลงไป จนมาถึงในปี ค.ศ. 2020 กลุ่มทุนสาธารณะ, PCP Capital Partners และ RB Sports & Media จากประเทศซาอุฯ เข้ามาซื้อสโมสรแห่งนี้ อย่างที่แฟนบอลทั่วโลกมารู้กันว่าการมีเจ้าของใหม่ จะมาพร้อมกับเงินทุนจำนวนมาก และจะต้องทำให้สโมสรมีการปรับเปลี่ยนอย่างแน่นอน แต่ก็มาพร้อมกับเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ที่สำคัญคือหลักฐานที่ทางซาอุฯ ได้มีการสนับสนุน beoutQ ซึ่งถือว่าเป็นช่องในการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง
แต่สุดท้ายการเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่ ก็ผ่านและได้รับการรับรองจากสมาคมฟุตบอลประเทศอังกฤษ เรียกได้ว่าในเวลานั้นมีเรื่องวุ่นวายที่กลายเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ว่าได้ สภาพรวมหลังจากทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ทิศทางและความพร้อมถือว่ามีมากขึ้น ช่วยให้กลับมาอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ลีก และเข้าสู่เส้นทางแข่งขันฟุตบอลยุโรปรายการใหญ่ แม้จะยังคงไม่สามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์รายการใดได้ก็ตาม เพราะฉะนั้นในส่วนของแฟนบอลสาลิกาในประเทศไทย และแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดทั่วโลก มั่นใจได้ว่าสโมสรจะก้าวข้ามในช่วงเวลานี้และกลับไปยิ่งใหญ่ได้อีกอย่างแน่นอน