อาร์เซนอล หนึ่งในทีมดังต้นตารางพรีเมียร์ลีก ตำนานสโมสรที่ชนะต่อเนื่อง ยาวนานที่สุด    

อาร์เซนอล Arsenal หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าทีมปืนใหญ่ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเมืองอิสลิงตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แข่งขันในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นลีกสูงสุดของบอลอังกฤษ อาร์เซนอลเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยอยู่ในอันดับที่ 3 ของแชมป์รวมทั้งหมด มีความสามารถคว้าแชมป์ของลีกสูงสุดได้ถึง 13 ครั้ง , คว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ 14 ครั้ง , คว้าแชมป์ลีก คัพได้ 2 ครั้ง, แชมป์เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 17 ครั้ง, แชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง และอินเตอร์ซิตี้แฟร์สคัพ 1 ครั้ง จึงกลายเป็นทีมที่ครองสถิติคว้าแชมป์ใหญ่ติดต่อกันยาวนานที่สุดในลีกสูงสุดของอังกฤษ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 1920 มาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมาของทีมอาร์เซนอล อันดับ 2 ของทีมดังจากเกาะอังกฤษในปัจจุบัน

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา

สโสรที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน พร้อมกับความยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกรู้จักกันอย่างดี คือ อาร์เซนอล ถูกก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ 1886 แต่เดิมแล้วจะใช้ชื่อสโมสรไดอัล สแควร์ ที่มีระยะเวลาในการทำทีมมามากกว่า 137 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีกลุ่มของคนงานโรงงานผลิตอาวุธในเขตวูลิซ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ก่อตั้ง ทำให้มีตราของทางสโมสรเป็นรูปปืนใหญ่  มีการแข่งขันครั้งแรกกับสโมสรอีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส จบลงด้วยสกอร์มากถึง 6 ประตูต่อ 0 กลายเป็นการเริ่มต้นของสโมสรแห่งใหม่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งเป็นรอยัลอาร์เซนอล แต่ยังคงไม่สามารถพัฒนาเข้าสู่ลีกใหญ่ได้

จนเมื่อปี ค.ศ 1891 มีการเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งและก้าวขึ้นมาสู่ระดับอาชีพ จนได้ชื่อใหม่ว่าวูลิชอาร์เซนอล พร้อมเป็นจุดเปลี่ยนของสโมสร เพราะมีการยกระดับและมาตรฐานใหม่ ในปี ค.ศ. 1893 เข้าสู่ลีกการแข่งขันดิวิชั่น 2 และใช้เวลา 9 ปีเท่านั้น จนได้ก้าวขึ้นสู่ลีกดิวิชัน 1 ได้สำเร็จ โดยรวมแล้วสโมสรมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดอย่างแท้จริง แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก สาเหตุจากมีแฟนบอลจำนวนน้อย และนี่เองที่ถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมรายใหม่ ในปี ค.ศ. 1910 นายเฮนรี นอร์ริส นักธุรกิจ เข้ามาซื้อสโมสรได้สำเร็จ แต่ด้วยนิสัยเผด็จการและจูงใจคนเก่ง ทั้งยังมีแนวคิดที่จะรวมสโมสรอาร์เซนอลกับฟูแล่ม เนื่องจากว่าในเวลานั้น ทางเฮนรีได้เป็นเจ้าของสโมสรทั้ง 2 แต่ทว่าทางสมาคมฟุตบอลของประเทศอังกฤษไม่อนุมัติ

สภาพของสโมสรในเวลานั้นจึงฟอร์มแย่ลง และในปี ค.ศ. 1913 ได้หล่นไปอยู่ในลีกดิวิชั่น 2 อีกครั้ง และทำการย้ายสนามเหย้าของสโมสรไปอยู่ที่ย่านไฮบิวรี่ของทางเมืองลอนดอน มีการตั้งสนามแห่งใหม่ขึ้นมาชื่อว่าอาร์เซนอลสเตเดียม ที่ใช้งานมาจนถึงปี ค.ศ 2006 และในปีต่อมาทางเฮนรีได้มีการตัดคำว่าวูลิชออกจากชื่อสโมสร และกลายมาเป็นชื่ออาร์เซนอลจนถึงปัจจุบัน หลังจากเจอกับปัญหาสงครามโลก การกลับมาแข่งขันฟุตบอลลีกอีกครั้ง จึงกลายเป็นการโหลดเลื่อนชั้นของลีกอย่างเกินคาด ทำให้ในปี ค.ศ. 1919-1920 สามารถขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 สำเร็จ โดยมีหลากหลายเสียงวิจารณ์ในด้านไม่ดีกับเรื่องราวครั้งนี้ และนี่ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่น่าสนใจ เนื่องจากว่าหลังจากนั้นสโมสรอาร์เซนอลก็ขึ้นสู่ลีกสูงที่สุดของประเทศอังกฤษ และไม่เคยตกชั้นลีกแม้แต่ครั้งเดียว

ช่วงแห่งการประสบความสำเร็จ พาให้อาร์เซนอลเติบโตมากขึ้น

ไม่ว่าจะสโมสรไหนก็ตาม ถ้ามีประวัติอันยาวนาน มักจะมาพร้อมกับความสำเร็จที่สวยงาม เช่นเดียวกับสโมสรอาร์เซนอลแห่งนี้ มีช่วงเวลาพิเศษมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1925 มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ เฮอร์เบิร์ต แชปแมน โดยการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการในครั้งนี้ มีรายละเอียดรูปแบบการซ้อม รวมไปถึงเทคนิคแบบใหม่ และยังมีการซื้อนักเตะมากมาย เรียกได้ว่าผ่าตัดทีมครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ใช้เวลาพัฒนาภาพรวมกว่า 5 ปี จึงสามารถก้าวขึ้นสู่แชมป์แรกของสโมสรได้สำเร็จ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นสโมสรมหาอำนาจ

โดยเริ่มต้นจากแชมป์ฟุตบอลถ้วย FA CUP ในปี ค.ศ 1929-1930 รายการนี้ ถือว่าเป็นที่สนใจของเหล่าสโมสรดังในประเทศอังกฤษอย่างมา ซึ่งปีต่อมา ปืนใหญ่ อาร์เซนอลก็สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน จึงเกิดกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟจาก Gillespie Road เป็นอาร์เซนอล เพื่อยกย่องความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรแห่งนี้ แต่ทว่าในปี ค.ศ. 1934 แชปแมน ผู้จัดการทีมมากความสามารถกลับเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการคนใหม่ กลายเป็นโจ ชอว์ และจอร์จ อัลลิสัน

ซึ่งแฟนบอลมากมายเกิดความไม่มั่นใจว่าจะยังคงรักษาฟอร์มที่ดีไว้ได้หรือไม่ แต่ทางโจและจอร์จสามารถที่จะสานต่อความยิ่งใหญ่และเพิ่มเติมถ้วยรางวัลให้กับทางสโมสรได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ดิวิชัน 1-3 สมัยด้วยกัน และแชปม์ FA CUP 1 สมัย หลังจากนั้นไม่นานเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้วงการฟุตบอลทั่วโลกต้องหยุดนิ่ง จนเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว สโมสรอาร์เซนอลได้มีผู้จัดการคนใหม่ คือ ทอม วิทเทคเกอร์ ซึ่งก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เพราะสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1-2 สมัย ในปี ค.ศ. 1947 และ 1948 แชมป์ FA CUP ในปี ค.ศ. 1949-1950

ทำให้สใมสรแห่งนี้กลายเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ยุคของจอร์จ แกรแฮม จากอดีตนักเตะกลายมาเป็นผู้จัดการทีม ในปี ค.ศ.1986 สามารถคว้าแชมป์หลายรายการและยังมีนักเตะชื่อดัง อย่างโทนี แอดัมส์ ชื่อนี้สำหรับแฟนบอล คือ ตำนานของอาร์เซนอล  หลังจากแกรแฮมคุมสโมสรนานกว่า 9 ปี จากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานทีม จึงกลายมาเป็นสุดยอดสโมสรชั้นนำของประเทศอังกฤษอย่างแท้จริง

การมาของผู้จัดการทีมคนสำคัญ ทำให้อาร์เซนอลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง คือ การเข้ามาของอาร์แซน แวงแกร์ ที่สามารถพาสโมสรแห่งนี้ สร้างประวัติศาสตร์สำคัญ จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสโมสร เพราะการพาอาร์เซนอลเป็นแชมป์ไร้พ่าย ในปี ค.ศ. 2005 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง จนมีการสร้างถ้วยรางวัลพิเศษเป็นทองคำให้กับเหตุการณ์นี้เลยทีเดียว มีการขยายความหมายของถ้วยรางวัลพิเศษ เนื่องจากประวัติศาสตร์การแข่งขันที่มีมากกว่า 100 ปี ไม่มีสโมสรไหนเลยที่สามารถทำการแข่งขันภายในลีกแล้วไม่แพ้เลยแม้แต่นัดเดียว จนมาถึงในเวลานี้ยังไม่มีสโมสรไหนสามารถทำได้ แต่ทว่าความยิ่งใหญ่ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ต่อมาในปี 2018 แวงแกร์ ได้ประกาศอำลาตำแหน่ง จึงกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก

เหล่าแฟนบอลเกิดความกังวลใจกับการมาของคนใหม่ที่จะเข้ารับช่วงทันที นี่เองที่เปลี่ยนยุคสมัยของสโมสรและเข้าสู่สายเลือดนักเตะดาวรุ่ง  โดยผู้จัดการคนใหม่ คือ มิเกล อาร์เตตา เข้ามารับช่วงต่ออย่างมีแรงกดดันมากมาย ฟอร์มโดยรวมจึงตกลงไปมาก ทำให้มีกระแสวิจารณ์จากแฟนบอลให้ปลดออกจากตำแหน่ง แต่ทางผู้บริหารกลับให้โอกาสและการตัดสินใจครั้งนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะสโมสรอาร์เซนอลกลายเป็นทีมที่เข้าลุ้นแชมป์ตลอด ซึ่งการได้ติดตามดูประวัติและผลงานแล้ว จะเห็นว่าจากการเริ่มต้นที่ยาวนาน ทำให้อาร์เซนอลกลายเป็นสุดยอดสโมสรที่ยิ่งใหญ่จนถึงทุกวันนี้

สรุปภาพรวมของอาร์เซนอล ในช่วงปี 2024 ยังคงน่าติดตามหรือไม่

การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมมาเป็นมิเกล อาร์เตตา ถือว่าเป็นเรื่องที่แฟนบอลมากมายคาดหวัง ในช่วงแรกของการคุมทีมอาจจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ก็ใช้เวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น ทุกสถานการณ์ดีขึ้นและกลายเป็นสโมสรที่สามารถเบียดแย่งแชมป์ทุกรายการในอังกฤษ ส่วนการปรับเปลี่ยนนักเตะดาวรุ่งที่ไม่มีใครรู้จัก อาจทำให้แฟนบอลกังวล แต่ก็กลายมาเป็นกำลังหลักอย่างเต็มที่ แต่ทว่าความฝันของการคว้าแชมป์ยังคงต้องรอต่อไป เนื่องจากยังมียอดสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูล ที่สามารถทำได้ดีกว่านั่นเอง ดังนั้นด้วยมาตรฐาน สไตล์การแข่งขัน รวมไปถึงภาพรวมผลงาน สโมสรอาร์เซนอลยังคือหนึ่งในสุดยอดทีมชั้นนำของประเทศอังกษฤอย่างแท้จริง แฟนบอลที่เคยเชียร์และติดตามการแข่งขันฟุตบอลลีกชั้นนำจากทางยุโรป ยังคงสามารถเลือกเชียร์ได้เต็มที่  แม้ฤดูกาลล่าสุดทำได้แค่เป็นรองแชมป์ เพราะพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ช่วงต้นและกลางฤดูกาล สามารถอยู่ในอันดับที่ 1 แต่มาแผ่วในช่วงท้ายนั่นเอง