พลาดครั้งเดียวสะเทือนทั้งยุคของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ยิ่งมองย้อนกลับไป แฟนบอลยิ่งต้องถอนหายใจยาวกับเส้นทางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคหลังเซอร์อเล็กซ์ เพราะนี่คือสโมสรที่เคยมีโอกาสปิดดีลแข้งระดับ “โคตรเปลี่ยนเกม” ถึงสามคน แต่กลับเลือกเดินอีกทาง หันไปทุ่มเงินมหาศาลกับสามชื่อที่สุดท้ายกลายเป็น “สามแข้งช้ำ” จนกลายเป็นบทเรียนราคาแพงของสโมสร
ทั้งหมดนี้เกิดในช่วงเวลาที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลับมาสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในฐานะผู้จัดการทีม เมื่อปี 2018 จากตำนานซูเปอร์ซับขวัญใจแฟนบอล เขาถูกดึงกลับมาช่วยกู้วิกฤติ และทำผลงานช่วงคุมทีมชั่วคราวได้ดีจนถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือถาวรแบบแทบไม่ต้องคิดนาน บอร์ดเชื่อว่าเขาคือคนที่จะพาทีมกลับสู่รากเหง้าแห่งความยิ่งใหญ่
แผนสร้างทีมของโซลชา ที่ถูกหยุดกลางทาง
ในช่วงเริ่มยุคของเขา “น้าโอเล่” พยายามวางรากฐานใหม่ให้ทีม เน้นสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกันแบบที่เคยเกิดขึ้นในยุคทองของเซอร์อเล็กซ์ เขาต้องการทีมที่ทำงานหนัก, ถ่อมตัว และหิวความสำเร็จ
ด้วยแนวคิดนั้น เขาจึงผลักดันให้บอร์ดบริหารเร่งปิดดีลแข้งที่เขามองว่าเป็นหัวใจของโปรเจกต์ใหม่ นั่นคือ เออร์ลิง ฮาลันด์, จู๊ด เบลลิงแฮม และ เดแคลน ไรซ์ สามนักเตะที่ตอนนั้นยังอายุน้อย แต่ศักยภาพถูกมองว่าอยู่ระดับ “ว่าที่ตัวท็อปของโลก” หากดึงเข้ามาในจังหวะที่ใช่ แมนยูอาจปั้นเป็นโครงสร้างหลักของทีมได้ยาว 5–10 ปี
สามแข้งในฝัน: ฮาลันด์ – เบลลิงแฮม – ไรซ์
ตอนนั้น ฮาลันด์กำลังระเบิดฟอร์มถล่มประตูกับ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ยิงประตูเป็นว่าเล่นจนทั้งยุโรปจับตา เบลลิงแฮม ฉายแววเกินอายุในวัย teenager กับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เล่นแบบไม่กลัวใครกลางสนามอังกฤษ ส่วนไรซ์ค่อย ๆ กลายเป็นหัวใจของแผงมิดฟิลด์ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทั้งการตัดเกมและพาบอลขึ้นหน้า
ทั้งหมดคือโปรไฟล์ที่เข้าทางแผนสร้างทีมของโซลชาแบบเป๊ะ – นักเตะหนุ่ม, กระหาย, มีบุคลิกนำทีมได้ในอนาคต และยังพอมีราคาที่แมนยูสามารถลงทุนได้ในจังหวะนั้น ถ้าปิดดีลตั้งแต่วันนั้น วันนี้โครงสร้างของผีแดงอาจถูกพูดถึงอีกแบบไปแล้ว
สามแข้งที่ได้จริง: ฟาน เดอ เบ็ค – ซานโช่ – โรนัลโด้
ความจริงกลับไม่เดินตามฝันของกุนซือชาวนอร์เวย์ บอร์ดแมนยูตัดสินใจไปอีกทาง เลือกชื่อที่ดังในเชิงการตลาดและภาพลักษณ์มากกว่าโปรเจกต์ระยะยาว
สโมสรทุ่มเงิน 39 ล้านปอนด์ (ราว 1,716 ล้านบาท) ดึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มาจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 2020 ตามด้วยการคว้าตัว เจดอน ซานโซ่ จากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์ (ราว 3,212 ล้านบาท) ในปี 2021 และปิดท้ายด้วยดีลโรแมนติกที่แฟนบอลคิดว่าจะหวานที่สุดอย่างการดึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาจากยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ (ราว 572 ล้านบาท) ในปีเดียวกัน
บนกระดาษ มันคือสามดีลที่สร้างเสียงฮือฮา แต่ในสนาม เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่แฟนบอลฝันเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
เคสฟาน เดอ เบ็ค: จากกล่องดวงใจอาแจ็กซ์ สู่ส่วนเกินในโรงละคร
ฟาน เดอ เบ็ค ที่เคยเป็นหัวใจแดนกลางอาแจ็กซ์ ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเติมมิติการเล่นในแดนกลางให้แมนยู แต่เขากลับไม่เคยยึดตำแหน่งตัวจริงได้แบบถาวร ไม่ว่าจะเปลี่ยนระบบหรือเปลี่ยนโค้ช ผลสุดท้ายเขากลายเป็นแค่ตัวเลือกปลายแถว ถูกปล่อยยืมไป เอฟเวอร์ตัน และ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ในปี 2022 และ 2024 ก่อนย้ายออกถาวรไป จีโรน่า เมื่อปีที่แล้ว จบเส้นทางในโรงละครแห่งความฝันแบบไร้ความทรงจำสวย ๆ ให้พูดถึง
ซานโช่: จากเทพบุนเดสลีกา สู่ปีกที่หลงทางในอังกฤษ
ซานโซ่เข้ามาพร้อมค่าตัวมหาศาล และป้าย “ว่าที่เพลย์เมคเกอร์ริมเส้น” แต่กลับไม่เคยปล่อยของได้เต็มที่ในอังกฤษ เขาเจอทั้งปัญหาเรื่องฟอร์มในสนาม ปัญหานอกสนาม และความขัดแย้งกับ เอริก เทน ฮาก ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากโซลชา
เส้นทางของเขาถูกตัดด้วยช่วงยืมตัวหลายครั้ง ทั้งกลับไป ดอร์ทมุนด์ แบบสั้น ๆ ต่อด้วยเชลซีในซีซั่นที่แล้ว และล่าสุดถูกปล่อยยืมไป แอสตัน วิลล่า แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างคงเส้นคงวา สุดท้ายหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาน่าจะอำลาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดแบบฟรี ๆ เมื่อสัญญาหมดลงในซัมเมอร์นี้
โรนัลโด้: ตำนานคืนถิ่นที่จบแบบร้าวลึก
ส่วนดีลของโรนัลโด้ แม้จะเต็มไปด้วยอารมณ์โหยหาอดีตของแฟนบอล แต่ในมุมของโซลชา เขาไม่ได้ต้องการให้ทีมดึงดาวยิงโปรตุกีสกลับมา ทว่ากระแสข่าวที่เอเจนต์พยายามโยงว่า CR7 อาจไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้บอร์ดปีศาจแดงตัดสินใจรับตัวกลับบ้านแบบเลี่ยงไม่ได้
การกลับมารอบสองของกองหน้าซูเปอร์สตาร์รายนี้แตกต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง แม้เขาจะยิงประตูสำคัญให้ทีมหลายลูก แต่ก็ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของความปั่นป่วนทั้งในห้องแต่งตัวและในสนาม จนสุดท้ายทุกอย่างระเบิดเป็นดราม่าสัมภาษณ์เดือดที่เขาออกมาโจมตีทั้งสโมสรและเทน ฮาก และนำไปสู่การแยกทางกันในปี 2022
เป้าหมายในฝันที่เติบโตไกลออกไป
ขณะที่ฝั่งแมนยูย่ำกับปัญหาเดิม ๆ เป้าหมายในฝันของโซลชากลับทะยานไปอีกระดับ ฮาลันด์วันนี้คือสุดยอดดาวยิงของ แมนฯ ซิตี้ ยึดตำแหน่งดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ด้วยผลงาน 17 ประตูจาก 16 เกม ยิงแบบไม่มีทีท่าจะหยุดง่าย ๆ ส่วนเบลลิงแฮมก้าวขึ้นเป็นตัวหลักของ เรอัล มาดริด ทั้งยิง ทั้งจ่าย ทั้งแบกเกมจนมีชื่อลุ้นคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในอนาคต
ด้านไรซ์ก็กลายเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของ อาร์เซน่อล หนึ่งในจิ๊กซอว์ที่ถูกวางให้เป็นเสาหลักในการล่าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 2004 ทั้งสามคนที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในเรดาร์ของแมนยู วันนี้ต่างกลายเป็น “ตัวนำโชค” ให้ทีมใหม่ ขณะที่ต้นทางอย่างปีศาจแดงยังคงตามหาทิศทางที่ชัดเจนของตัวเองไม่เจอเสียที
บทเรียนใหญ่เรื่องการวางแผนตลาดนักเตะ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับดีลเหล่านี้สะท้อนชัดว่า การซื้อขายนักเตะระดับท็อปไม่ใช่แค่การคว้าคนดัง หรือเลือกชื่อที่เสียงฮือฮามากที่สุด แต่คือการมองระยะยาวว่าแต่ละคนเข้ากับปรัชญาของโค้ช และแผนสร้างทีมในอนาคตหรือไม่ แมนยูในช่วงนั้นเหมือนสโมสรที่ลังเลอยู่ระหว่าง “โปรเจกต์ระยะยาวของโซลชา” กับ “การตลาดและแรงกดดันรอบสโมสร” ผลลัพธ์จึงออกมาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
แฟนบอลจำนวนมากมองว่าหากบอร์ดเชื่อใจแนวทางของโซลชามากกว่านี้ กล้าตัดสินใจปิดดีลแข้งหนุ่มอย่างฮาลันด์ เบลลิงแฮม และไรซ์ ตั้งแต่ตอนที่ค่าตัวของพวกเขายังไม่พุ่งสุดขีด ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้แมนยูอาจมีโครงสร้างทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะในช่วงอายุพีค และสามารถยืนระยะลุ้นแชมป์ได้ต่อเนื่องมากกว่าปัจจุบัน
มุมมองระยะยาวของแฟนผี และทางเดินต่อไป
ในมุมของแฟนผี ย่อมอดคิดไม่ได้ว่า “ถ้าตอนนั้นทำตามที่โซลชาขอ ป่านนี้ทีมจะอยู่ตรงไหนแล้ว” แต่ฟุตบอลไม่มีปุ่มย้อนเวลา เหลือเพียงบทเรียนให้สโมสรใช้เป็นกรอบคิดสำหรับทุกดีลต่อจากนี้ การเลือกนักเตะต้องตอบโจทย์ทั้งแท็กติก, บุคลิกในห้องแต่งตัว และภาพใหญ่ของสโมสร ไม่ใช่เพียงกระแสหรือชื่อชั้นในหน้าข่าว
สำหรับแฟนบอลชาวไทย นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างว่าการสร้างทีมฟุตบอลระดับท็อปต้องมองให้ไกลกว่าคำว่า “ดัง” หรือ “ยอดไลก์” เพราะดีลที่พลาดไปในวันนี้ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สโมสรคู่แข่งก้าวขึ้นมายึดความสำเร็จแทนคุณในวันหน้า และเรื่องของแมนยูในยุคโซลชาก็จะถูกพูดถึงต่อไปในฐานะเคสศึกษาให้หลายสโมสรใช้เป็นกระจกส่องตัวเอง
ไม่ว่าตลาดซื้อขายครั้งต่อ ๆ ไป ปีศาจแดงจะเลือกเดินทางไหนต่อ แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะทั้งข่าวซื้อขาย การวางแผนทีม และดราม่ารอบสโมสร สามารถติดตามอัปเดตมันส์ ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก

