เกมเดือดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ระอุทั้งสกอร์และฟอร์มการเล่น
ศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ บอร์นมัธ 4-4 กลายเป็นหนึ่งในเกมมันส์สุดเดือดของซีซั่น งานนี้ไม่ใช่แค่แฟนผีที่ลุกจากเก้าอี้ แต่แม้แต่คู่ปรับอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ยังต้องออกมาชื่นชมว่าฟอร์มของ “ปีศาจแดง” ในเกมนี้ เล่นได้ดุดัน เร้าใจ และเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์เกมบุกแบบที่แฟนบอลโหยหามานาน
ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม เกมรุกของแมนยูไหลลื่นผิดหูผิดตา สร้างโอกาสยิงได้ถึง 25 ครั้ง ตรงกรอบ 9 หน และเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกันที่ทีมยิงได้ 4 ประตูในเกมเดียว สะท้อนชัดว่าระบบการเล่นเริ่มเข้าที่ นักเตะในแนวรุกเล่นกันมั่นใจ กล้าเสี่ยง และโจมตีคู่แข่งแบบไม่ผ่อนคันเร่ง
คาร์ราเกอร์ยกนิ้ว ฟอร์มผียุคอโมริมดีที่สุดที่เคยเห็น
แม้คาร์ราเกอร์จะเป็นอดีตแข้งลิเวอร์พูล แต่มุมมองในฐานะกูรูเขาให้เครดิตกับคู่แข่งแบบเต็มๆ โดยเฉพาะฟอร์มของแมนยูในเกมนี้ที่เขายกให้เหนือกว่าหลายนัดในยุคของอโมริม
คาร์ราเกอร์ เผยว่า
“นี่ถือเป็นฟอร์มของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาในยุคของ อโมริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก มันอาจจะเหนือกว่านัดแรกของฤดูกาลนี้กับ อาร์เซน่อล เลยด้วย”
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า ไม่ใช่แค่สกอร์ที่ออกมาสูสี แต่รูปแบบการเล่นโดยรวม ทั้งจังหวะขึ้นเกม การประสานงาน และความมั่นใจของนักเตะ คือสิ่งที่ทำให้กูรูระดับคาร์ราเกอร์ต้องออกมาชม โดยเฉพาะครึ่งแรกที่แมนยูไล่บดบอร์นมัธจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
กลิ่นอายยุคเซอร์ อเล็กซ์ กลับมาในช่วง 25-30 นาทีแรก
ในมุมมองของคาร์ราเกอร์ ช่วง 25-30 นาทีแรกคือช่วงเวลาที่ “ปีศาจแดง” แสดงดีเอ็นเอฟุตบอลบุกออกมาเต็มๆ ทั้งสปีดบอล การเคลื่อนที่ของแนวรุก และการเพรสซิ่งไล่แย่งบอลกลับมาอย่างรวดเร็ว
รายงานระบุว่า วันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้ยอดเยี่ยมในช่วง 25-30 นาทีแรก มันเกือบจะคล้ายกับทีมในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลย พวกเขาเล่นกันได้รวดเร็ว, เน้นเล่นเกมรุกเป็นหลัก, แต่ละคนมีความกระฉับกระเฉง, วิ่งขึ้นหน้าอย่างเต็มที่, เล่นด้วยความมั่นใจ, เปิดหน้าบุกอยู่ตลอด, แย่งบอลกลับมาครองได้เร็ว เรียกว่าเป็นภาพที่แฟนผีคุ้นเคยจากยุคทองในอดีต
ฟอร์มแบบนี้ทำให้แฟนบอลรู้สึกได้ว่า แมนยูเริ่มกลับไปใกล้เคียงกับคำว่า “ทีมที่เล่นเพื่อชนะทุกเกม” มากกว่า “ทีมที่เล่นแบบกลัวแพ้” ซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อยในช่วงฤดูกาลก่อนๆ
เกมรุกโหดแต่คลีนชีตยังเป็นแผลใหญ่ของแมนยู
แม้เกมรุกจะดูไฟแล่บ แต่คาร์ราเกอร์ก็ไม่ลืมชี้ให้เห็นปัญหาเดิมของแมนยู นั่นคือเรื่องคลีนชีตที่ยังเป็นโจทย์ใหญ่ของทีมชุดนี้ เขามองว่าฤดูกาลก่อนทีมมีปัญหาทั้งเกมรุกและเกมรับ แต่ปีนี้อย่างน้อยด้านเกมรุกถูกยกระดับขึ้นแบบชัดเจน เหลือเพียงการจัดระเบียบแนวรับให้เหนียวแน่นกว่านี้
ในเกมนี้แมนยูยิงได้ 4 ประตู แต่ก็เสียคืนไปถึง 4 ลูกเช่นกัน ซึ่งสำหรับทีมลุ้นท็อปโฟร์หรือหวังกลับไปไล่ล่าแชมป์ นี่คือจุดที่ต้องเร่งแก้ไขทันที เพราะไม่มีทีมไหนคว้าเป้าหมายใหญ่ได้ หากต้องลุ้นยิงให้ได้ 3-4 ลูกทุกนัดเพื่อแลกกับชัยชนะ
เด็กแนวรับหลายคนยังต้องเรียนรู้กับความผิดพลาด
คาร์ราเกอร์ยังชี้ให้เห็นอีกว่า วันนี้แมนยูต้องใช้กองหลังดาวรุ่งลงสนามหลายคน ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน ประสบการณ์ของเขาในฐานะอดีตกองหลังระดับท็อปทำให้เข้าใจดีว่า แนวรับอายุน้อยมีโอกาสทำพลาดได้ง่าย และบางครั้งความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ทีมเสียประตู
ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้โครงสร้างทีมของอโมริมจะเริ่มชัดเจน แต่ในแง่บุคลากรยังต้องใช้เวลาให้แข้งหนุ่มเหล่านี้ปรับตัวกับความกดดันระดับสูงใน พรีเมียร์ลีก ทั้งต่อหน้าแฟนบอลในสนามและสถานการณ์เกมที่เปลี่ยนเร็วตลอด 90 นาที
อโมริมคืนความมันส์ แมนยูบุกยับ เล่นอย่างที่ควรจะเป็น
คาร์ราเกอร์มองว่าคืนนี้คือครั้งแรกในรอบหลายนัดที่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังดู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด “ในแบบที่ควรจะเป็น” โดยเฉพาะในยุคของ รูเบน อโมริม ที่เน้นบุกครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้เกมสวนกลับเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ จนคู่แข่งอย่างบอร์นมัธเหมือนถูกดูดถอยลงไปรับลึกในกรอบเขตโทษฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ อยู่แทบตลอด
ภาพของแมนยูที่บุกไม่หยุด ไล่กดดันคู่แข่ง กำลังกลับมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญอีกครั้ง และถ้าทีมสามารถรักษาสมดุลระหว่างเกมรุกที่ดุดันกับเกมรับที่แน่นอนมากขึ้นได้ ศักยภาพของทีมชุดนี้ยังไปได้ไกลกว่าการลุ้นเพียงท็อปโฟร์แน่นอน
เกมนี้ไม่ธรรมดา คาร์ราเกอร์ยกเป็นแมตช์เดือดสุดของซีซั่นจนถึงตอนนี้
อดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ถึงขั้นยกให้เกมนี้เป็นเกมที่ดีที่สุดของลีกซีซั่นนี้ โดยมองว่า แมนยูเล่นได้ดีเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่บอร์นมัธ อาจน่าเสียดายในครึ่งแรกแต่กลับมาเล่นอย่างยอดเยี่ยมในครึ่งหลังจนสกอร์กลายเป็น 4-4 แบบสุดมัน
เขาย้ำว่า
“ถ้านับเฉพาะจนถึงตอนนี้น่ะต้องบอกเลยว่าเราเพิ่งได้ดูเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ดีที่สุดของฤดูกาลนี้ แมนยูไนเต็ด เล่นได้ดีซะส่วนใหญ่ของเกม ขณะที่ บอร์นมัธ ทำได้ไม่ดีเลยในครึ่งแรก แต่พวกเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมในครึ่งหลัง เป็นเกมที่สุดยอดจริงๆ!”
คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำชมแมนยู แต่ยังยืนยันว่าเกมนี้คือโชว์เคสของฟุตบอลสไตล์เปิดหน้าแลกหมัด ที่ทำให้แฟนบอลดูแล้วสนุกสุดๆ
แฟนผีกับฟุตบอลบุกสไตล์แมนยู ภาพจำที่ไม่มีวันตาย
สำหรับแฟนผีทั่วโลก ภาพของทีมที่กล้าบุก กล้าเสี่ยง เล่นเร็ว วิ่งไม่หยุด และโจมตีคู่แข่งแบบไม่กลัวผิดพลาด คือดีเอ็นเอที่ฝังลึกมาตั้งแต่ยุคป๋า การได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ค่อยๆกลับมาเล่นในสไตล์นี้ คือสัญญาณดีทั้งในแง่ความรู้สึกของแฟนบอลและภาพลักษณ์สโมสร
ฟุตบอลที่สนุก ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยจังหวะลุ้นประตูเสมอ คือสิ่งที่ทำให้แมนยูเป็นทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดทีมหนึ่งของโลก และต่อให้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แท็กติกเปลี่ยนแปลงแค่ไหน สไตล์การเล่นที่ “เล่นเพื่อชนะมากกว่าปลอดภัยไว้ก่อน” ก็ยังเป็นสิ่งที่แฟนผีอยากเห็นในทุกสัปดาห์
แฟนบอลชาวไทยที่อยากตามทุกจังหวะความมันส์ของ พรีเมียร์ลีก, ฟอร์มร้อนแรงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคอโมริม และมุมมองจัดหนักแบบภาษาคอบอล สามารถติดตามข่าว, บทวิเคราะห์ และเรื่องราวลูกหนังเข้มข้นได้ที่ บ้ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา แหล่งรวมเรื่องบอลที่เข้าใจแฟนบอลไทยตัวจริง

