รูเบน อโมริม รับเสียงวิจารณ์เต็มๆ ใส่ชื่อผลงานตัวเอง
รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีสของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายอมรับแบบไม่บ่ายเบี่ยงว่าฟอร์มของทีมในตอนนี้ “ยังไม่ดีพอ” ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น พร้อมเข้าใจเต็มๆ ว่าทำไมบรรดาอดีตแข้งผีที่ผันตัวไปเป็นกูรูถึงออกมารุมวิจารณ์แนวทางการทำทีมของเขาอย่างต่อเนื่อง
เฮดโค้ชผีแดงย้ำชัดว่า ไม่ได้รู้สึกโกรธ เคือง หรือ น้อยใจกับคำพูดของอดีตนักเตะเลย เพราะทุกอย่างคือผลสะท้อนจากผลงานในสนามที่ยังไม่ถึงระดับที่แฟนบอลและคนในสโมสรคาดหวัง พร้อมกล้าชี้นิ้วกลับมาที่ตัวเองว่าเขาคือ “ตัวปัญหา” หลักในตอนนี้มากกว่าจะไปโทษนักเตะ
อดีตแข้ง แมนยู จวกหนัก แต่นายใหญ่ผมดำยังใจเย็น
แม้ผลงานฤดูกาลนี้ของ แมนยูไนเต็ด จะมีช่วงที่ดีขึ้นบ้าง แต่ภาพรวมทั้งฟอร์มการเล่นและจำนวนแต้มยังไม่เข้าเป้า ทำให้บรรดาอดีตแข้งผีชื่อดังที่ไปนั่งเก้าอี้กูรูในสื่อต่างๆ ออกมาวิจารณ์ทีมอย่างหนักอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องสไตล์การเล่น แท็กติก และมาตรฐานของสโมสร
อโมริมเข้าใจดีว่าเสียงวิจารณ์เหล่านี้ไม่ได้มาจากความเกลียด แต่เกิดจากความผูกพันและมาตรฐานสูงลิบที่รุ่นพี่เคยสัมผัสมากับตัวเองในยุคที่ทีมกวาดชัยชนะเป็นว่าเล่น
อโมริม เผยว่า “บางครั้งพวกเขาไม่มีข้อมูลทั้งหมด พวกเขาประเมิน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากมาตรฐานที่พวกเขาเคยเห็นในอดีตซึ่งเป็นช่วงที่ทีมชนะได้ตลอด ดังนั้นพวกเขาเลยทำใจยอมรับได้ยากที่ต้องมาเห็นสโมสรของพวกเขาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
โค้ชผีแดงยอมรับเต็มปาก – ปัญหาหลักอยู่ที่ตัวเอง
หลังจากเปิดใจถึงมุมมองของอดีตแข้ง อโมริมก็หันกลับมาโฟกัสที่ผลงานของตัวเองแบบไม่หาข้อแก้ตัว เขารู้ดีว่าจำนวนแต้มที่ทีมเก็บได้ “ยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น” โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่มีช่วงสะดุดให้เห็นบ่อยเกินไป
เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ตอนนี้ในฐานะผู้จัดการทีม เขายังทำได้ไม่ดีพอ ยังยกระดับทีมให้กดดันลุ้นแชมป์หรือขยับเข้าใกล้ภาพที่แฟนบอลอยากเห็นไม่ได้ และย้ำว่าคำตำหนิของบรรดาอดีตแข้งนั้น “สมเหตุสมผล” กับผลงานในสนาม
ผมไม่ติดใจอะไรกับเรื่องพวกนั้น ความจริงก็คือผมคือผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ และผมคิดว่าเรายังทำผลงานได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เราควรจะต้องเก็บแต้มให้ได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ ปัญหาก็คือตัวผมเองในฐานะผู้จัดการทีมยังทำผลงานได้ไม่ดีพอ และผมยอมรับคำตำหนิเหล่านั้น
ชัดเจนเรื่องแท็กติก – ถ้าชนะได้ ใช้กองหลังแค่สองคนก็ไม่มีใครบ่น
อโมริมชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่า แท็กติกจะถูกวิจารณ์หรือไม่นั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ “ผลการแข่งขัน” เป็นหลัก ถ้าทีมชนะต่อเนื่อง เสียงวิจารณ์แทบจะหายไปเอง ต่อให้เขาจะจัดทีมแบบแปลกๆ ก็ตาม
การเก็บชัยชนะไม่ได้คือปัญหาเดียวของเราในตอนนี้ ถ้าผมพาทีมชนะได้ผมก็สามารถทำอะไรก็ได้ ต่อให้จะใช้กองหลังแค่ 2 คนก็ยังได้และทุกอย่างจะโอเค ตอนอยู่กับ สปอร์ติ้ง มันไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะเราเก็บชัยชนะได้ตลอด ดังนั้นผมเข้าใจคำตำหนิของพวกเขาดี
คำพูดนี้สะท้อนวิธีคิดแบบโค้ชยุคใหม่ที่รู้ว่า เมื่อผลลัพธ์ไม่มา ทุกดีเทลของแท็กติกจะถูกขุดขึ้นมาถามหาความถูกต้องทันที เขาจึงไม่เลือกจะเถียงกลับ แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ต้องเร่งแก้คือผลงานในสนามก่อนเป็นอย่างแรก
ข่าวลือ ค็อบบี้ เมนู ไป นาโปลี – อโมริมบอกยังไม่เคยคุยเรื่องย้ายทีม
อีกประเด็นร้อนที่แฟนผีจับตามองคืออนาคตของ ค็อบบี้ เมนู มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ถูกมองว่าไม่ได้โอกาสลงสนามมากเท่าที่ควรจนมีข่าวลือว่าเจ้าตัวอาจมองหาทางย้ายทีม โดยเฉพาะกระแสโยงไปถึง นาโปลี
กุนซือชาวโปรตุกีสเสริมว่า ค็อบบี้ เมนู ยังไม่เคยคุยกับตนเกี่ยวกับการย้ายทีมเลย หลังจาก เมนู ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากนักจนเคยมีข่าวลือว่าดาวเตะชาวอังกฤษอยากย้ายออกจากทีม โดยเฉพาะการไปเล่นกับ นาโปลี “ผมไม่ได้คุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย ผมได้คุยกับเขาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อปีก่อน แถมยังคุยกับนักเตะอีกหลายคนด้วย แต่ไม่ใช่ในประเด็นการย้ายทีม”
จากคำพูดตรงนี้ทำให้เห็นชัดว่า เรื่องย้ายทีมของเมนูยังอยู่ในระดับ “ข่าวลือ” มากกว่าจะเป็นการเจรจาจริงจังระหว่างนักเตะกับโค้ช หรือระหว่างสโมสรกับปลายทางอย่างที่สื่อบางสำนักพยายามเล่นข่าว
แผนมิดฟิลด์สองคนทำ เมนู โอกาสน้อย – แต่โค้ชยังอยากให้คุยตรงๆ
อโมริมยังอธิบายเพิ่มถึงสถานการณ์ของเมนูในมุมของแท็กติก ว่าแผนการเล่นปัจจุบันของทีมใช้มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนเป็นหลัก ทำให้การแข่งขันในแดนกลางสูงมาก และมุมมองของเขาต่อบทบาทของเมนูอาจต่างจากที่แฟนบอลหรือกูรูบางคนคิด
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทีมต้องมาก่อน และผมจะพอใจมากๆ ถ้าเกิด ค็อบบี้ เข้ามาคุยกับผมโดยตรงในเรื่องนั้น ผมอยากให้นักเตะของผมมีความสุข และผมเข้าใจดีว่าแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง ปัญหาก็คือตอนนี้เราเล่นด้วยแผนที่ใช้มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน และพวกคุณมอง ค็อบบี้ ต่างไปจากผม ถ้าเราใช้แผนที่มีกองกลาง 3 คน ค็อบบี้ ก็คงจะได้ลงเล่นมากกว่านี้ไปแล้ว”
จุดนี้สะท้อนชัดว่า โค้ชเปิดพื้นที่ให้ลูกทีมเข้ามาคุยตรงๆ มากกว่าปล่อยให้ข่าวลือเดินเองในสื่อ และย้ำอีกครั้งว่าการจัดตัวทุกอย่างยึด “ทีม” เป็นศูนย์กลาง มากกว่าการตามใจคนใดคนหนึ่ง
มุมกว้างสำหรับแฟนบอลไทย – แมนยูในยุคเปลี่ยนผ่านที่กดดันทุกฝีก้าว
สำหรับแฟนบอลชาวไทยที่ตามเชียร์ผีแดงมาตั้งแต่ยุคเฟอร์กี้จนถึงปัจจุบัน จะมองเห็นภาพชัดเจนเลยว่า ทุกกุนซือที่เข้ามาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของคำว่า “อดีตความยิ่งใหญ่” เสมอ ไม่ว่าทีมจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นไปกี่รุ่น แต่ความคาดหวังยังคงสูงเหมือนเดิม
กรณีของอโมริมคือภาพสะท้อนของโค้ชยุคใหม่ที่ต้องบริหารทั้งแท็กติกในสนาม เสียงวิจารณ์จากอดีตแข้งที่เคยคว้าแชมป์ และแรงกดดันจากแฟนบอลทั่วโลกที่อยากเห็นทีมกลับไปลุ้นถ้วยใหญ่อีกครั้ง การออกมายอมรับผิด โยนความรับผิดชอบมาไว้ที่ตัวเอง และพร้อมอธิบายสถานการณ์ของนักเตะอย่างเมนูแบบตรงไปตรงมา คือสัญญาณว่าเขาพยายามจัดการทุกมิติทั้งในสนามและในห้องแต่งตัวให้ดีที่สุด
บ้านกีฬา มองบททดสอบครั้งใหญ่ของอโมริมกับอนาคตปีศาจแดง
จากมุมมองของ บ้านกีฬา สิ่งที่อโมริมทำในตอนนี้คือการยืนรับแรงเสียดทานทุกด้าน ทั้งเรื่องฟอร์มทีม แท็กติก และอนาคตของดาวรุ่งในทีมอย่างเมนู ถ้าเขาสามารถพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องได้ เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่จะเงียบลงเอง และหลายคนอาจมองย้อนกลับมาว่า ช่วงเวลาที่โดนด่าหนักๆ นี่แหละคือบททดสอบสำคัญที่ทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น
อนาคตของผีแดงในมืออโมริมจึงไม่ได้วัดแค่จากคำพูดของอดีตแข้งหรือกระแสสื่อ แต่จะถูกตัดสินจากฟอร์มในสนาม การพัฒนาของนักเตะ และวิธีที่เขาพาทีมเดินหน้าฝ่าความกดดันในพรีเมียร์ลีกที่ไม่เคยปรานีใคร
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งดราม่าข้างสนามและเกมเดือดในสนาม ห้ามพลาดอัปเดตมันส์ๆ แบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

