
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง คริสตัล พาเลซ 0-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันนี้ 14/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก พรีเมียร์ลีก คู่ดึกที่เซลเฮิร์สต์ ปาร์ก แฟนบอลเปิดหน้าเช็กสกอร์แบบ ผลบอลสด กันหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนจบลงด้วยชัยชนะสุดนิ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกมาถล่มเจ้าถิ่น คริสตัล พาเลซ ขาดลอย 3-0 จากสองประตูของเออร์ลิง ฮาแลนด์ และลูกปิดบัญชีของฟิล โฟเดน ทำให้เรือใบสีฟ้ายึดรองจ่าฝูงต่อ พร้อมกดดันจ่าฝูงแบบหายใจรดต้นคอ
🔴 ครึ่งแรก: พาเลซแพ็กเกมแน่นแต่ยื้อฮาแลนด์ไม่ไหว
ต้นเกมพาเลซของโอลิเวอร์ กลาสเนอร์มาในระบบ 3-4-2-1 เน้นวินัยเกมรับ แผงหลังนำโดยกัปตันมาร์ก เกฮี กับมักซ็องส์ ลาครัวซ์ ยืนถอยลึกปิดพื้นที่ให้ฮาแลนด์แทบไม่มีช่องเล่น ขณะเดียวกันแนวรุกใช้ความเร็วของเยเรมี พิโน่ และอิสไมล่า ซาร์ โต้กลับใส่แนวรับซิตี้
ช่วง 20 นาทีแรก เจ้าบ้านมีจังหวะหลุดขึ้นมาลุ้นจากซาร์ และพิโน่ แต่จบไม่ได้ ขณะที่ซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ครองบอลเหนือกว่าแต่ยังเจาะบล็อก 5-4-1 ของพาเลซไม่เข้า ต้องอาศัยการเคลื่อนที่ของแบร์นาร์โด ซิลวา และฟิล โฟเดน ลงมาพับสนาม
เกมเหมือนจะจบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์ แต่ในนาที 41 เป็นจังหวะที่มานูเอล นูเนส เติมสูงทางขวาแล้วครอสเข้าเขตโทษ ฮาแลนด์สอดมาโขกเต็มๆ ส่งบอลตุงตาข่ายให้ซิตี้ออกนำ 1-0 ก่อนพักครึ่ง พาเลซถึงกับเซ็งเพราะต้านได้เกือบครบ 45 นาทีแต่โดนทีเด็ดหน้าเป้าระดับโลกลงโทษ
🔵 ครึ่งหลัง: ซิตี้คุมทุกจังหวะ ปิดเกมแบบทีมลุ้นแชมป์
ครึ่งหลังกลาสเนอร์แก้เกมด้วยการส่งเอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ ลงมาแทนฌอง ฟิลิปป์ มาต้า เพิ่มน้ำหนักในแดนหน้า และตามด้วยวิลล์ ฮิวจ์ส กับคริสตันทัส อูเช เพื่อเติมพลังแดนกลางและริมเส้น แต่รูปเกมยังเป็นซิตี้ที่คุมจังหวะได้ดีกว่า
นาที 69 ซิตี้หนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่รayan แชร์กี ไหลบอลให้ฟิล โฟเดนหน้ากรอบเขตโทษ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษจับแล้วซัดโค้งเสียบเสาอย่างสุดสวย ดีน เฮนเดอร์สันได้แต่มอง ทำให้ความมั่นใจของเรือใบพุ่งขึ้นสุดทาง ส่วนพาเลซเริ่มหลวมทั้งแผงกลางและแนวรับ
ท้ายเกมเป๊ปถอดเทียมรีย์ ไรจ์นเดอร์สออกให้ซาวินโญ่ลงมาเพิ่มความสดริมเส้น ก่อนที่นาที 88 เฮนเดอร์สันทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันที และนาที 89 ฮาแลนด์รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ซัดลูกที่สองของตัวเองในเกมนี้ให้สกอร์ขาด 3-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซิตี้ส่งโอมาร์ มาร์มูช, รายัน ไอต์-นูรี และริโก้ ลูอิส ลงมาปิดเกมแบบสบายๆ ขณะที่พาเลซแม้จะพยายามฮึดไล่แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ จบเกมซิตี้บุกเก็บสามแต้มใหญ่แบบไม่เสียประตู

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริง คะแนน และการเปลี่ยนตัว
🦅 คริสตัล พาเลซ
ผู้รักษาประตู
- ดีน เฮนเดอร์สัน (5.6)
กองหลัง
- มักซ็องส์ ลาครัวซ์ (6.5)
- มาร์ก เกฮี กัปตันทีม (6.1)
- คริส ริชาร์ดส์ (6.2)
วิงแบ็ก / ฟูลแบ็ก
- ไทริก มิตเชลล์ (6.1)
- นาธาเนียล ไคลน์ (6.2)
กองกลาง
- ไดอิชิ คามาดะ (6.9)
- อดัม วอร์ตัน (6.9)
ตัวรุกด้านหลัง
- เยเรมี พิโน่ (7.3) – ตัวเด่นของพาเลซ สร้างโอกาสบ่อยครั้ง
- อิสไมล่า ซาร์ (6.2)
กองหน้า
- ฌอง ฟิลิปป์ มาต้า (6.5)
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ (6.4) ลงแทน มาต้า นาที 63
- วิลล์ ฮิวจ์ส (6.8) ลงแทน คามาดะ นาที 67
- คริสตันทัส อูเช (6.4) ลงแทน ไคลน์ นาที 77
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม
- วอลเตอร์ เบนิเตซ, เจย์ดี แคนวอต, เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, โรมัน เอสเซ, บอร์น่า โซซ่า, จัสติน เดเวนนี
🔵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผู้รักษาประตู
- จานลุยจิ ดอนนารุมมา (7.7) เซฟสำคัญหลายครั้ง เก็บคลีนชีต
กองหลัง
- เทียมรีย์ ไรจ์นเดอร์ส (6.5)
- รูเบน ดิอาส (7.5)
- ยอชโก้ กวาร์ดิโอล (7.1)
- มานูเอล นูเนส (7.3) แอสซิสต์ลูกแรกให้ฮาแลนด์โหม่ง
กองกลาง
- นิโก้ กอนซาเลซ (7.1)
- แบร์นาร์โด ซิลวา กัปตันทีม (6.5)
- นีล โอเรลลีย์ (7.4)
ตัวรุกด้านหลัง
- ฟิล โฟเดน (8.2) ยิงหนึ่ง แอสซิสต์หนึ่ง เป็นตัวป่วนแนวรับพาเลซตลอดเกม
- รายัน แชร์กี (7.6) ผู้จ่ายบอลให้โฟเดนยิง 2-0
กองหน้า
- เออร์ลิง ฮาแลนด์ (8.4) เหมาสองประตู
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- ซาวินโญ่ (7.1) ลงแทน ไรจ์นเดอร์ส นาที 85 เติมความเร็วริมเส้น
- ริโก้ ลูอิส ลงแทน แบร์นาร์โด ซิลวา นาที 90+1
- รายัน ไอต์-นูรี ลงแทน โอเรลลีย์ นาที 90+1
- โอมาร์ มาร์มูช ลงแทน ฮาแลนด์ นาที 90+1
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม
- เจมส์ แทรฟฟอร์ด, นาธาน อาเก้, อับดุโคดิร์ คุซซานอฟ, ออสการ์ บ็อบบ์, ดิวายน มูกาซา
ผู้เล่นบาดเจ็บที่ไม่มีชื่อ
- พาเลซ: เชค ดูกูเร, ริโอ คาร์ดินส์, คาเล็บ คอร์พาห์, ดาเนียล มูนโยซ, ฌอง-ฟิลิปป์ มาต้า (มีอาการสงสัยเจ็บ), ชาดี ริอัด
- ซิตี้: มาเตโอ โควาชิช, โรดรี, จอห์น สโตนส์
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
เกมนี้รูปแบบการเล่นชัดเจนว่าเจ้าบ้านใช้ 3-4-2-1 ตั้งรับลึก ปิดพื้นที่ระหว่างไลน์ และฝากความหวังในการสวนกลับไว้ที่พิโน่กับซาร์ แพ็กไลน์หลังสามคนยืนใกล้เขตโทษ ปล่อยให้ซิตี้ครองบอลกลางสนาม แต่จุดอ่อนคือเมื่อไลน์ป้องกันถอยต่ำเกินไป พื้นที่หน้ากรอบเขตโทษเปิดให้ตัวรุกเทคนิคสูงของซิตี้อย่างโฟเดนและแชร์กีได้หมุนบอลหาช่องยิง
ฝั่งซิตี้จัด 4-3-2-1 ที่ยืดหยุ่นมาก แบร์นาร์โดถอยต่ำมาช่วยนิคมแดนกลางกับกอนซาเลซ ทำให้ทีมเยือนครองบอลถึง 63% เมื่อเสียบอลก็ใช้การเพรสซิ่งทันที กดพาเลซให้เล่นเกมโต้กลับยากขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนที่ของฮาแลนด์ดึงตัวประกบ เปิดทางให้โฟเดนและแชร์กีทะลุช่อง โดยเฉพาะลูกแรกที่นูเนสเติมโอเวอร์แลปแล้วครอสให้ฮาแลนด์โหม่ง เป็นตัวอย่างการเจาะแผงหลังสามคนแบบ教科書เลยก็ว่าได้
เกมรับของซิตี้แม้ไม่มีโรดรีและสโตนส์ แต่คู่เซ็นเตอร์ ดิอาส–กวาร์ดิโอล ยืนตำแหน่งนิ่งมาก ตัดบอลกลางอากาศและดักจังหวะคิลเลอร์พาสของคามาดะได้แทบทั้งหมด ส่วนดอนนารุมมาก็อ่านจังหวะออกมาตัดบอลเร็ว ทำให้โอกาสยิงเข้ากรอบของพาเลซมีแค่ 4 ครั้ง ทั้งเกมจึงดูเป็นการซ้อมเกมรับแบบมีวินัยของเรือใบสีฟ้ามากกว่าจะโดนกดดันจริงจัง
ในมุมของการทำเกม พาเลซยังขาดความเฉียบคมจังหวะสุดท้าย แม้พิโน่จะเลี้ยงผ่านคู่แข่งได้บ่อย แต่การซัพพอร์ตของเพื่อนร่วมทีมเข้ากรอบเขตโทษยังน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู ขณะที่ซิตี้ใช้โอกาสไม่เปลือง ยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ได้ถึง 3 ประตู แสดงให้เห็นคุณภาพจบสกอร์และความต่างระดับอย่างชัดเจน กลายเป็นตัวอย่างของการเล่นเกมเยือนอย่างทีมใหญ่ในเชิง วิเคราะห์บอล

📊 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกมอย่างไร
ตัวเลขหลังเกมชัดเจนว่าซิตี้คุมทุกอย่างในสนาม แม้พาเลซจะยิงรวม 14 ครั้ง มากกว่าซิตี้ที่ 7 ครั้ง แต่ความคมต่างกันชัดเจน เจ้าบ้านยิงเข้ากรอบเพียง 4 ขณะที่เรือใบซัดเข้ากรอบถึง 6 จาก 7 โอกาส การครองบอลอยู่ที่ 63% ต่อ 37% ตามด้วยจำนวนการส่งบอล 547 ต่อ 354 และความแม่นยำ 87% ต่อ 78% ซึ่งยืนยันว่าซิตี้เล่นบอลบนพื้นได้ไหลลื่นกว่า
เกมยังค่อนข้างแฟร์ด้านแท็กติก พาเลซทำฟาวล์ 7 ครั้ง ซิตี้ 6 ครั้ง ใบเหลืองมีแค่ฝั่งเจ้าถิ่น 2 ใบ (คามาดะ และจังหวะฟาวล์ของเฮนเดอร์สันช่วงท้ายเกม) ไม่มีใบแดงเกิดขึ้น ล้ำหน้า พาเลซถูกจับ 3 ครั้ง ซิตี้ 2 ครั้ง ส่วนลูกเตะมุมแบ่งกันฝั่งละ 2 ลูก สถิติโดยรวมจึงบอกได้ว่าซิตี้เล่นอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องโหมบุกหนักแต่ใช้จังหวะเด็ดขาดในการปิดเกม
⏱ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 41′ มานูเอล นูเนส เปิดบอลทางขวาให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ โหม่งตุงตาข่าย พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0
- ⚠️ 62′ ไดอิชิ คามาดะ โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์กลางสนาม
- 🔁 63′ คริสตัล พาเลซเปลี่ยนตัว ส่ง เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ ลงแทน ฌอง ฟิลิปป์ มาต้า เพื่อเพิ่มความคมแดนหน้า
- 🔁 67′ วิลล์ ฮิวจ์ส ลงสนับสนุนแดนกลางแทน คามาดะ
- 🔁 69′ เป๊ปปรับเกมรุก ส่ง ฟิล โฟเดน เคลื่อนเข้าช่องรับบอลจาก รายัน แชร์กี ก่อนซัดเสียบเสา เป็นประตู 2-0 ให้ซิตี้
- 🔁 77′ อูเช ลงแทน นาธาเนียล ไคลน์ เพื่อเติมความสดทางริมเส้นให้พาเลซ
- 🔁 85′ ฝั่งซิตี้ส่ง ซาวินโญ่ ลงแทน เทียมรีย์ ไรจ์นเดอร์ส เปลี่ยนรูปแบบการเติมเกมริมเส้น
- ⚠️ 88′ ดีน เฮนเดอร์สัน ทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษซิตี้
- ⚽ 89′ เออร์ลิง ฮาแลนด์ รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ยิงเสียบมุมให้ซิตี้นำขาด 3-0 และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้
- 🔁 90+1 ซิตี้พักตัวหลักรวดเดียว ส่ง โอมาร์ มาร์มูช, รายัน ไอต์-นูรี และริโก้ ลูอิส ลงมาแทน ฮาแลนด์, โอเรลลีย์ และแบร์นาร์โด ซิลวา เพื่อปิดเกมอย่างสบายใจ
⭐ Player of the Match: เออร์ลิง ฮาแลนด์
แม้จะไม่ใช่เกมที่เขาได้สัมผัสบอลมากที่สุด แต่ฮาแลนด์โชว์ความเป็นเพชฌฆาตกรอบเขตโทษเต็มรูปแบบ โอกาสสำคัญสองครั้งกลายเป็นสองประตู เก็บคะแนนเรตติ้งสูงถึง 8.4 ประตูเปิดหัวจากการโฉบโหม่งลูกครอสของนูเนสแสดงให้เห็นการอ่านเกมและการหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษที่คู่กองหลังพาเลซตามไม่ทัน ส่วนลูกจุดโทษช่วงท้ายก็เยือกเย็น ส่งเฮนเดอร์สันพุ่งผิดทาง
นอกจากจบสกอร์ ฮาแลนด์ยังดึงตัวประกบเปิดช่องให้โฟเดนและแชร์กีมีพื้นที่เล่นตลอด 90 นาที เมื่อบวกกับผลงานของฟิล โฟเดน (เรตติ้ง 8.2) และดอนนารุมมา (7.7) ทำให้ค่ำคืนนี้แนวรุกและเกมรับของซิตี้ดูสมดุลลงตัวสุดๆ แต่รางวัลยอดเยี่ยมของเกมนี้ยังไงก็ต้องยกให้หัวหอกหมายเลข 9 ของเรือใบสีฟ้า

📌 ผลต่ออันดับในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
ชัยชนะเกมนี้ทำให้ซิตี้มี 34 คะแนนจาก 16 นัด ยึดตำแหน่งรองจ่าฝูง ไล่ตามอาร์เซนอลที่นำอยู่ 36 คะแนนแบบหายใจรดต้นคอ ด้านแอสตัน วิลลาอยู่ที่สามมี 33 คะแนน ขณะที่เชลซีตามมาอันดับสี่ 28 คะแนน ภาพรวมบนหัวตารางยังสูสีและเปิดกว้างสำหรับศึกแย่งแชมป์ระยะยาว
ส่วนพาเลซแม้จะแพ้คาบ้านแต่ยังยึดอันดับ 5 มี 26 คะแนนเท่ากับลิเวอร์พูลและซันเดอร์แลนด์ที่ไล่หลังมา การปราชัยครั้งนี้ทำให้ช่องว่างกับท็อปโฟร์ยังคงห่าง และต้องระวังทีมกลุ่มกลางตารางที่คะแนนไล่จี้มาแบบหายใจรดต้นคอ ถ้าไม่รีบกลับมาเก็บชัยชนะ อาจหล่นจากโซนลุ้นตั๋วยุโรปได้ทุกเมื่อ
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป
ตามหน้า ตารางบอล และโปรแกรมจากสัปดาห์หน้า แฟนพาเลซต้องลุ้นกันต่อในเวทียุโรปก่อน เพราะทีมจะเปิดบ้านรับมือ KuPS ในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก คืนวันที่ 19 ธันวาคม ก่อนยกพลบุกเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด วันที่ 21 ธันวาคม เกมลีกนัดถัดไปถือเป็นด่านสำคัญในการกลับมาคว้าแต้มของอินทรีผงาดฟ้า
ด้านซิตี้ยังมีภารกิจถ้วยในประเทศ เมื่อ โปรแกรมบอล ระบุว่าต้องเปิดบ้านดวลเบรนท์ฟอร์ดในศึกอีเอฟแอล คัพ วันที่ 18 ธันวาคม จากนั้นกลับมาลุยพรีเมียร์ลีก เปิดเอติฮัดรับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันที่ 20 ธันวาคม หากเก็บชัยได้ต่อเนื่อง โอกาสแซงขึ้นนำฝูงมีสูงทันที เพราะคู่แข่งลุ้นแชมป์เริ่มทำแต้มหล่นให้เห็นเรื่อยๆ
📣 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ๆ ที่บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ตั้งแต่สกอร์สดแบบ บ้านผลบอล รายงานนาทีต่อนาที ไปจนถึงบทวิเคราะห์หลังเกมเข้มๆ สไตล์นักข่าวขาลุย อย่าลืมติดตาม บ้านกีฬา เราจะเกาะติดทุกแมตช์ใหญ่ของยุโรป อัปเดตสกอร์ สถิติ และมุมมองเชิงลึกให้แบบครบจบในที่เดียว

