ฟอร์มเดือดในเกม เชลซี 2-0 เอฟเวอร์ตัน แต่เจ้าตัวยังไม่ปลื้มเต็มร้อย
เกมนี้ เชลซี เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ อัด เอฟเวอร์ตัน 2-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก และหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหนีไม่พ้น โคล พาลเมอร์ แนวรุกตัวความหวังที่กลับมาช่วยทีม และมีชื่อบนสกอร์บอร์ดอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของแฟนบอลสิงห์บลูส์
แม้ผลงานในสนามจะดูจัดจ้าน มีส่วนร่วมทั้งการต่อบอล การเคลื่อนที่ระหว่างไลน์แนวรับคู่แข่ง และปิดสกอร์ได้หนึ่งตุง แต่หลังจบเกม พาลเมอร์กลับยอมรับตรง ๆ ว่า ตัวเขาเองยังไม่มองว่ากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดอย่างที่ทุกคนคาดหวัง
พาลเมอร์ย้ำชัด ยังไม่ใช่ฟอร์มท็อป แม้ปลดล็อกประตูสำคัญ
นี่เป็นเพียงนัดที่สามเท่านั้นที่พาลเมอร์ได้ลงเล่น นับตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บที่นิ้วเท้า ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาวกว่า 2 เดือน ประตูที่ยิงได้ในเกมกับเอฟเวอร์ตัน จึงไม่ใช่แค่สกอร์ช่วยทีม แต่มันคือประตูแรกในรอบ 3 เดือนที่เจ้าตัวรอคอยมานาน
อย่างไรก็ตาม พาลเมอร์ยังมองว่าตัวเองมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับ และยังไม่อยากให้ใครมองว่าเขากลับสู่จุดพีคแล้วทันที เพราะสภาพร่างกายและจังหวะในเกมยังต้องไล่ตามให้ทันระดับที่เคยทำไว้ก่อนเจ็บ
สภาพร่างกายยังต้องเช็กวันต่อวัน แม้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ
แม้จะยิงได้และขยับหาพื้นที่เล่นเกมรุกได้ดี แต่พาลเมอร์ยังไม่สามารถเล่นครบ 90 นาที โดยถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58 ซึ่งสะท้อนชัดว่าทีมสตาฟฟ์และตัวนักเตะเองยังไม่อยากเสี่ยงใช้งานหนักจนเกินไป
พาลเมอร์ยอมรับตามตรงว่า อาการบาดเจ็บยังไม่หายสนิท และต้องอาศัยการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมกายภาพบำบัดของสโมสร เพื่อค่อย ๆ ฟื้นทั้งสภาพกล้ามเนื้อ ความฟิต และความมั่นใจในการเล่นให้กลับมาเต็มถังอีกครั้ง
ตอนนี้ทุกอย่างเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี แต่เงื่อนไขสำคัญคือ “อย่าเร่งเกินไป” เพราะแค่พลาดก้าวเดียว อาการเดิมอาจกำเริบจนต้องพักยาว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวพาลเมอร์และทีม
คำพูดจากปากเจ้าตัว หลังยิงได้แต่ยังไม่ปลื้มฟอร์มตัวเอง
คำให้สัมภาษณ์หลังเกมของดาวเตะวัย 23 ปี ถูกมองว่าเป็นภาพสะท้อนของนักเตะที่คิดเป็น และไม่หลงไปกับคำชมง่าย ๆ เพราะเขายังย้ำกับตัวเองชัดเจนว่า ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ
ข้อความจากต้นฉบับมีดังนี้ และจะคงไว้ตามเดิม
“ผมยังไม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด เพราะผมยังต้องรับมือกับอาการบาดเจ็บอยู่ ดาวเตะวัย 23 ปี ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 58 เปิดใจหลังเกม “ก็หวังว่ามันจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร”
ประโยคสั้น ๆ แต่ชัดเจนแบบนี้ ทำให้เห็นว่าพาลเมอร์มองทุกอย่างแบบมีสติ ไม่หลอกตัวเอง และพร้อมค่อย ๆ ปีนกลับไปยังระดับที่ดีที่สุดด้วยการทำงานหนักมากกว่าพึ่งแค่แรงเชียร์หรือเสียงสรรเสริญ
บทเรียนสำหรับแฟนบอล จากกรณีนักเตะคีย์แมนที่เพิ่งหายเจ็บ
เคสของพาลเมอร์คือภาพสะท้อนที่ดีสำหรับแฟนบอลยุคนี้ ที่มักคาดหวังว่านักเตะตัวหลักจะกลับมาแล้วต้อง “โหดทันที” แต่ในความเป็นจริง การกลับมาจากอาการบาดเจ็บยาว ๆ ไม่ได้มีแค่เรื่องบอลในสนาม แต่รวมถึงสภาพจิตใจ จังหวะการเล่น ความเคยชิน และความมั่นใจที่ต้องค่อย ๆ สร้างใหม่
หลายครั้งการเร่งใช้งานนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บ ทำให้ทีมต้องเสียเขาไปนานกว่าเดิม เพราะรีบให้ลงเล่นจนร่างกายรับไม่ไหว แฟนบอลที่เข้าใจจุดนี้จะดูเกมได้สนุกขึ้น รอคอยการกลับมาฟอร์มพีคด้วยความอดทน แทนที่จะรีบด่า หรือกดดันนักเตะทุกครั้งที่เล่นพลาด
การมองฟุตบอลแบบระยะยาว ทำให้เห็นคุณค่าของการบริหารสภาพร่างกาย และเข้าใจว่าทุกจังหวะบนสนาม ไม่ได้มีแค่เรื่องผลการแข่งขันวันเดียว แต่ยังส่งผลต่อทั้งฤดูกาลของสโมสรและอนาคตของนักเตะด้วย
มองไปข้างหน้า พร้อมเชียร์พาลเมอร์และเชลซีแบบใกล้ชิดกับ บ้านกีฬา
ชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตัน 2-0 ไม่ได้แค่ช่วยให้เชลซีเก็บสามแต้ม แต่ยังเป็นสัญญาณว่า พาลเมอร์กำลังค่อย ๆ เดินกลับสู่เส้นทางเดิมของตัวเองทีละก้าว แฟนบอลสิงห์บลูส์ชาวไทยคงต้องช่วยกันให้เวลา และจับตาดูว่าจากนี้เขาจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อฟิตเต็มร้อยและหลุดคำว่ายังไม่ท็อปฟอร์มออกจากปากตัวเองเสียที
ใครที่อยากตามทุกจังหวะของฟอร์มพาลเมอร์ สถานการณ์ของเชลซี และข่าวเดือดในเวทีพรีเมียร์ลีก รวมถึงเรื่องราวลูกหนังจากลีกใหญ่ทั่วโลกในมุมมองเข้มข้นแบบนักข่าวสนามจริง อย่าลืมติดตามทุกความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

