
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง ลิเวอร์พูล 2-0 ไบรท์ตัน โฮฟ อัลเบี้ยน วันนี้ 13/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก พรีเมียร์ลีก ที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ สลอต เปิดบ้านรับมือไบรท์ตัน เกมนี้แฟนหงส์ยังได้ลุ้นตั้งแต่นกหวีดแรกและไม่ต้องรอนาน ก่อนจบเกมด้วยชัยชนะ 2-0 จากสองประตูของ ฮูโก้ เอกิติเก้ พร้อมเก็บสามแต้มสำคัญใส่ตารางให้แฟนๆ เช็กผ่าน ผลบอลสด และหน้ารายงาน บ้านผลบอล กันแบบสะใจ
⏱ ครึ่งแรก: ประตูนำเร็ว เปลี่ยนหน้าเกมทันที
เริ่มเกมได้แค่ไม่ครบ 60 วินาที แอนฟิลด์ก็ระเบิดเสียงเฮทันที เมื่อโจ โกเมซ เติมสูงทางขวาก่อนเปิดเรียดเข้าเขตโทษให้ ฮูโก้ เอกิติเก้ แตะหนีตัวประกบแล้วกดเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบมุมเป็น 1-0 ตั้งแต่นาทีแรก เกมรับของไบรท์ตันตั้งตัวไม่ทัน และต้องถอยลงไปตั้งบล็อกต่ำทันที
หลังนำ ลิเวอร์พูลยังคุมจังหวะได้ดี ใช้การคอนโทรลบอลจากแผงกลาง เคอร์เกซ–โจนส์–กราเวนเบิร์ช เวียนบอลหาช่อง ส่วนไบรท์ตันพยายามตอบโต้ด้วยจังหวะสวนกลับของ ยานโกบ มินเทห์ กับ เบรนเดน กรูด้า แต่ยังขาดจังหวะสุดท้าย
นาที 26 ลิเวอร์พูลปรับหมากเร็ว ส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมาแทน โจ โกเมซ เพื่อเพิ่มความคมในแดนหน้า ทำให้ เอกิติเก้ ขยับออกไปเล่นเชื่อมเกมมากขึ้นและเปิดพื้นที่ให้แนวรุกสลับตำแหน่งกันอย่างอิสระ
ช่วงทดเจ็บนาที 45+3 ไบรท์ตันเริ่มหงุดหงิด ดานี่ โกเมซ เข้าบอลหนักจนโดนใบเหลืองจากผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำ 1-0 และดูคุมเกมได้เหนือกว่าทั้งจังหวะบุกและความแน่นอนในพื้นที่สุดท้าย
⏱ ครึ่งหลัง: ซาลาห์ปลดล็อกแอสซิสต์ เอกิติเก้ปิดบัญชี
ครึ่งหลังไบรท์ตันพยายามยกระดับเกมบุก เปิดหน้าเล่นมากขึ้นและกล้าดันไลน์สูง ทำให้มีจังหวะยิงตอบโต้หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ตรงกรอบเพราะเจอแนวรับหงส์ที่นำโดย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ อ่านเกมได้ดี
นาที 59 กัปตัน ลูอิส ดังค์ เสียท่าให้สปีดของ เอกิติเก้ ต้องตัดฟาวล์จนได้ใบเหลือง ก่อนที่นาที 60 จะเกิดจังหวะช็อตเด็ดของเกม เมื่อ ซาลาห์ ลากหนีแนวรับจากกราบขวาแล้วไหลเข้าช่องให้ เอกิติเก้ สอดไปยิงหักข้อผ่านมือ แบร์ต เฟอร์บรุกเก้น เข้าไปอย่างเฉียบขาด เป็น 2-0 และเป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้
หลังโดนนำห่าง ไบรท์ตันส่ง คาโอรุ มิโตมะ กับ ยาซิน อายารี ลงมาเติมความสด ขณะที่สลอตถอด เอกิติเก้ กับ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ออกในช่วงท้าย ให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัก และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงมาช่วยปิดเกม ก่อนจบ 90 นาทีเต็ม ลิเวอร์พูลเก็บคลีนชีตและสามแต้มสำคัญได้แบบไร้ข้อกังขา

🧾 รายชื่อ 11 ตัวจริงและตัวสำรอง
🔴 ลิเวอร์พูล
ผู้รักษาประตู
- อลิสซอน เบ็คเกอร์ (7.5)
กองหลัง
- มิลอส เคอร์เกซ (6) แบ็กซ้าย (7.2)
- เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (4, กัปตัน) เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (7.7)
- อิบราฮิมา โกนาเต้ (5) เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (8.0)
- โจ โกเมซ (2) แบ็กขวา (7.2)
กองกลาง
- ไรอัน กราเวนเบิร์ช (38) มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (7.4)
- เคอร์ติส โจนส์ (17) มิดฟิลด์เชื่อมเกม (7.4)
- โดมินิค โซบอสซ์ลาย (8) เพลย์เมกเกอร์ตัวกลาง (7.0)
แนวรุก
- ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ (7) ตัวรุกฝั่งซ้าย/หลังกองหน้า (7.5)
- อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (10) ยืนกลางรุกคอยคุมจังหวะ (6.7)
- ฮูโก้ เอกิติเก้ (22) ศูนย์หน้าตัวเป้า (9.0)
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (11) ลงนาที 26 แทน โกเมซ (8.2)
- แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (26) ลงนาที 78 แทน เวิร์ตซ์ (6.8)
- อเล็กซานเดอร์ อิซัก (9) ลงนาที 78 แทน เอกิติเก้ (6.5)
- เฟเดริโก้ เคียซ่า (14) ลงนาที 83 แทน โซบอสซ์ลาย (6.8)
ตัวสำรองไม่ได้ลง
- จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี
- คัลวิน แรมซีย์
- เวลลิตี้ ลักกี้
- ริโอ เอ็นกูโมฮา
🔵 ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
ผู้รักษาประตู
- แบร์ต เฟอร์บรุกเก้น (1) (6.7)
กองหลัง
- เฟรดดี้ คาดิโอกลู (24) แบ็กซ้าย (6.6)
- ลูอิส ดังค์ (5, กัปตัน) เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (6.6)
- ยาน พอล ฟาน เฮคเค่ (6) เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (7.0)
- ดานี่ โกเมซ (25) แบ็กขวา (5.7)
กองกลาง
- มัทไธส์ วีฟเฟอร์ (27) มิดฟิลด์เชื่อมเกม (6.2)
- คาร์ลอส บาเลบา (17) มิดฟิลด์ตัวรับ (6.5)
- เจค ฮินเชิลวูด (13) มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (6.0)
- เบรนเดน กรูด้า (8) ตัวรุกริมเส้น (6.4)
แนวรุก
- ยานโกบ มินเทห์ (11) ปีกความเร็วสูง (6.5)
- จอร์จินิโอ รูตแตร์ (10) ศูนย์หน้าตัวเป้า (6.3)
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- คาโอรุ มิโตมะ (22) ลงนาที 64 แทน กรูด้า (6.4)
- ยาซิน อายารี (26) ลงนาที 64 แทน บาเลบา (6.5)
- คาราลัมปอส คอสตูแลส (19) ลงนาที 82 แทน รูตแตร์ (6.5)
- แดนนี่ เวลเบ็ค (18) ลงนาที 82 แทน ฮินเชิลวูด (6.5)
- เจมส์ มิลเนอร์ (20) ลงนาที 87 แทน ดานี่ โกเมซ (6.7)
ตัวสำรองไม่ได้ลง
- เจสัน สตีล
- โอลิวิเยร์ บอสคักลี
- แม็กซิม เดอ คุยเปอร์
- โยเอล เฟลท์มัน
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ลิเวอร์พูลของสลอตยึดระบบ 4-2-3-1 ที่ปรับยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา ในยามครองบอล กราเวนเบิร์ชจะดันขึ้นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกเพิ่ม ทำให้แดนกลางกลายเป็น 2-3-5 เวลาโหมบุก ทางฝั่งซ้ายใช้การโอเวอร์แลปของเคอร์เกซ ขณะที่ฝั่งขวาให้โกเมซเติมซ้อนกับ เวิร์ตซ์ หรือ ซาลาห์ สร้างความได้เปรียบเชิงตัวประกบ เมื่อคู่แข่งเลือกบีบด้านหนึ่ง หงส์จะหมุนบอลข้ามฝั่งอย่างรวดเร็วไปโจมตีพื้นที่ว่างอีกด้าน
จุดเด่นคือการวิ่งทำทางของ เอกิติเก้ ที่ไม่ยืนรอในกรอบเฉยๆ เขาลงมาล็อกบอลเชื่อมกับ แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้วสปรินต์ตัดหลังแนวรับ ทำให้เซ็นเตอร์ไบรท์ตันสับสนว่าจะดันสูงหรือตามลงต่ำ ประตูแรกและประตูที่สองล้วนมาจากการใช้สปีดบวกการอ่านช่องว่างของกองหน้าผู้นี้ ขณะที่ ซาลาห์ หลังลงมาแทนโกเมซ ก็ช่วยยกระดับเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด ทั้งดึงตัวประกบและจ่ายคิลเลอร์พาสให้เพื่อนจบสกอร์
ในด้านเกมรับ ลิเวอร์พูลดูแน่นขึ้นมาก เมื่อไม่มีบอลทีมจะรีบตั้งบล็อกกลางสนาม ปิดเส้นจ่ายเข้ากลางแล้วบังคับให้ไบรท์ตันออกด้านข้าง จากนั้นใช้การดักโหม่งของ ฟาน ไดค์ กับ โกนาเต้ เคลียร์บอลทิ้ง จังหวะที่แนวรับดันสูง โกนาเต้จัดการสถานการณ์ดวลตัวต่อตัวได้เกือบหมด แม้จะมีใบเหลืองหนึ่งใบแต่ก็ช่วยให้ทีมไม่ถูกเจาะกลางหลังได้เลย
ฝั่งไบรท์ตัน ระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน แต่เกมรับมีปัญหาตั้งแต่ต้น เกมเพรสซิ่งแถวหน้าไม่แน่น ทำให้มิดฟิลด์ต้องถอยลึกและปล่อยให้แผงหลังโดนบุกใส่ต่อเนื่อง วีฟเฟอร์กับบาเลบาพยายามช่วยกันบังพื้นที่หน้าเขตโทษ แต่เมื่อฟูลแบ็กดันสูงทั้งสองฝั่ง ช่องว่างด้านหลังก็กว้าง เปิดโอกาสให้บอลแทงทะลุช่องของหงส์เข้าไปเล่นงานหลายครั้ง
ในมุมมองเชิง วิเคราะห์บอล การหมุนตัวผู้เล่นของสลอตถือว่าชัดเจนและได้ผล ใช้งานเวิร์ตซ์ในช่วงต้นเกมเพื่อเจาะระหว่างไลน์ พอขึ้นนำแล้วจึงส่งแข้งที่ช่วยเกมรับมากขึ้นอย่างโรเบิร์ตสันกับเคียซ่ามาปิดเกม ขณะที่ไบรท์ตัน แม้จะกล้าดันเกมบุกและส่งมิโตมะ–เวลเบ็คลงมาเติมสีสัน แต่ก็ยังหาทางทะลุแนวรับที่มีวินัยของลิเวอร์พูลไม่ได้

📊 สถิติการแข่งขันบอกอะไรบ้าง
ตัวเลขหลังเกมสะท้อนภาพรวมได้ชัดเจน ลิเวอร์พูลยิงทั้งสิ้น 18 ครั้ง เข้ากรอบ 5 หน และเปลี่ยนเป็นสองประตู ขณะที่ไบรท์ตันยิง 14 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียงแค่ 1 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมและคุณภาพในการจบสกอร์ที่แตกต่างกัน แม้เปอร์เซ็นต์การครองบอลจะสูสี 49–51 โดยเป็นทีมเยือนที่ครองบอลมากกว่าเล็กน้อย แต่การครองบอลของไบรท์ตันส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ไม่อันตราย เพราะถูกบีบให้เล่นไปมาระหว่างแนวรับและกลางสนาม
จำนวนการผ่านบอล ลิเวอร์พูลทำได้ 505 ครั้ง ใกล้เคียงกับไบรท์ตันที่ 462 ครั้ง และทั้งสองทีมมีความแม่นยำเท่ากันที่ 88% อย่างไรก็ตาม ไบรท์ตันเสียฟาวล์มากถึง 15 ครั้ง เทียบกับเจ้าบ้านเพียง 8 ครั้ง สื่อถึงการต้องตัดเกมบ่อยๆ เพื่อหยุดจังหวะโต้กลับของหงส์ แถมยังโดนใบเหลืองสองใบ ขณะที่ลิเวอร์พูลโดนเพียงใบเดียว เกมนี้ไม่มีใบแดงออกมา และลูกเตะมุมแบ่งกันทีมละสองครั้ง บ่งบอกว่าเกมรุกของหงส์เน้นเจาะกลางมากกว่าพึ่งพาบอลครอสจากด้านข้าง
⏱ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 1′ – ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 ฮูโก้ เอกิติเก้ ซัดจ่อๆ หน้าประตูจากการเปิดของ โจ โกเมซ
- 🔁 26′ – ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัว ส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมาแทน โจ โกเมซ เพื่อเพิ่มความคมในแดนหน้า
- 🟨 45+3′ – ดานี่ โกเมซ ฟูลแบ็กไบรท์ตัน ทำฟาวล์หนักโดนใบเหลือง
- ⏱ HT – จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำ 1-0
- 🟨 59′ – ลูอิส ดังค์ กัปตันไบรท์ตัน ตัดฟาวล์เอกิติเก้ โดนใบเหลือง
- ⚽ 60′ – ลิเวอร์พูลหนีเป็น 2-0 ซาลาห์ จ่ายทะลุช่องให้ เอกิติเก้ หลุดไปยิงเสียบเสาไกล
- 🟨 64′ – อิบราฮิมา โกนาเต้ ทำฟาวล์กลางสนาม รับใบเหลือง
- 🔁 64′ – ไบรท์ตันเปลี่ยนคู่กลาง ส่ง คาโอรุ มิโตมะ และ ยาซิน อายารี ลงมาแทน เบรนเดน กรูด้า กับ คาร์ลอส บาเลบา
- 🔁 78′ – ลิเวอร์พูลส่ง อเล็กซานเดอร์ อิซัก และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงแทน ฮูโก้ เอกิติเก้ กับ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์
- 🔁 82′ – ไบรท์ตันใส่เกมรุกเพิ่ม ส่ง คาราลัมปอส คอสตูแลส กับ แดนนี่ เวลเบ็ค ลงแทน จอร์จินิโอ รูตแตร์ และ เจค ฮินเชิลวูด
- 🔁 83′ – ลิเวอร์พูลขยับอีกครั้ง ส่ง เฟเดริโก้ เคียซ่า ลงมาแทน โดมินิค โซบอสซ์ลาย
- 🔁 87′ – ไบรท์ตันให้ เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามแทน ดานี่ โกเมซ
- ⏱ FT – จบเกม ลิเวอร์พูล 2-0 ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
⭐ Player of the Match – ฮูโก้ เอกิติเก้
ดาวยิงเลือดฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มระดับท็อป กดสองประตูตั้งแต่นาทีแรกและนาทีที่ 60 พร้อมเรตติ้งสูงลิ่ว 9.0 ไม่ใช่แค่จบสกอร์คม แต่ยังเล่นเป็นจุดศูนย์กลางในแดนหน้า วิ่งดึงแนวรับ เปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง เวิร์ตซ์ และ ซาลาห์ ได้เล่นง่ายขึ้น จังหวะแทงไลน์และวิ่งไลน์หลังกองหลังของเขาทำให้คู่เซ็นเตอร์ไบรท์ตันปวดหัวตลอดทั้งเกม สมฐานะ “ตัวทีเด็ด” ในค่ำคืนนี้ และคู่ควรกับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แบบไร้ข้อโต้แย้ง

📈 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
สามแต้มจากเกมนี้ทำให้ลิเวอร์พูลขยับเก็บ 26 คะแนนจาก 16 นัด รั้งอันดับ 6 ของตาราง ไล่จี้คริสตัล พาเลซที่มี 26 แต้มเท่ากัน และจ่อห่างเชลซีอันดับ 4 อยู่เพียงไม่กี่คะแนน เส้นทางลุ้นโควตาแชมเปียนส์ลีกยังเปิดกว้าง หากรักษามาตรฐานเกมเหย้าแบบนี้ได้ต่อเนื่อง
ส่วนไบรท์ตัน หลังความพ่ายแพ้ที่แอนฟิลด์ยังหยุดอยู่ที่ 23 คะแนน รั้งอันดับ 9 ทำให้ต้องระมัดระวังทีมกลุ่มกลางตารางที่เริ่มไล่กดดันเข้ามา หากฟอร์มนอกบ้านยังเป๋อยู่แบบนี้ ความฝันในการแทรกขึ้นไปลุ้นพื้นที่ยุโรปอาจกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป
มองไปข้างหน้าใน โปรแกรมบอล พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลยังมีงานหนักรออยู่ โดยต้องบุกเยือนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในเกมใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตา ก่อนกลับมาเปิดรังแอนฟิลด์รับมือวูล์ฟส์ในช่วงปลายเดือน ซึ่งทั้งสองแมตช์จะมีผลอย่างมากต่อเส้นทางลุ้นท็อปโฟร์ของหงส์แดง
ด้านไบรท์ตัน โปรแกรมไม่เบาเช่นกัน ต้องเปิดบ้านรับซันเดอร์แลนด์ตามด้วยการบุกเยือนอาร์เซน่อล จ่าฝูงของลีกในเวลานี้ ถ้าเก็บแต้มไม่ได้ในช่วงโค้งนี้ โอกาสไหลลงไปครึ่งล่างของตารางมีสูงมาก เกมต่อๆ ไปจึงแทบจะเป็นนัดชี้ชะตาของลูกทีมฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์
📺 ติดตาม บ้านผลบอล และความมันส์พรีเมียร์ลีกกับ บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากเกาะทุกจังหวะของลิเวอร์พูลและไบรท์ตัน ทั้งสกอร์สด นาทีต่อ นาที ไฮไลท์ และบทวิเคราะห์เข้มข้น แบบที่อ่านแล้วรู้เรื่องเกมเหมือนนั่งอยู่ข้างสนาม อย่าลืมกดเช็ก บ้านผลบอล และข่าวบอลจาก บ้านกีฬา เราจะพาไปเจาะทุกคู่ ทุกสนาม พร้อมอัปเดตความเคลื่อนไหวของพรีเมียร์ลีกให้คุณไม่พลาดทุกประตูสำคัญ

