ปมเดือดระหว่างตำนานไอวอรี่โคสต์ กับกุนซือสมองเพชร
สงครามเย็นระหว่าง ยาย่า ตูเร่ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เคยจางหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง และล่าสุดอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ออกมาเปิดแผลเก่าอีกครั้งแบบไม่มียั้ง จวกอดีตกุนซือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เปรียบเป็นแค่อสรพิษในโลกฟุตบอล หลังเจอการลดบทบาทซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งในยุค บาร์เซโลน่า และช่วงปลายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ตูเร่เคยเป็นหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดของยุโรป ทั้งความแข็งแกร่ง ดุดัน และพาเกมรุกขึ้นหน้าได้อย่างมีมิติ แต่ในมุมมองของเขา ความสัมพันธ์กับกวาร์ดิโอล่ากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและขมขื่น จนกลายเป็นรอยร้าวที่เจ้าตัวยอมรับว่า “ฝังใจมานานหลายปี”
จุดแตกหักตั้งแต่ยุคบาร์ซ่า ดันบุสเก็ตส์ขึ้น แทนที่ตูเร่
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอนตั้งแต่สมัยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึ้นมาคุมทัพบาร์เซโลน่าเต็มตัว โดยเป๊ปตัดสินใจดัน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จากทีมชุดบี ขึ้นมายืนโฮลดิ้งมิดฟิลด์ในระบบ 4-3-3 และมองว่าเป็นคนที่ “เหมาะสมที่สุด” กับสไตล์การเล่นที่ตนวางไว้
ในทางกลับกัน บทบาทของตูเร่ถูกลดลงอย่างชัดเจน ซีซั่นสุดท้ายในถิ่นคัมป์ นู เขาได้ลงเล่นครบ 90 นาทีเพียง 9 เกมเท่านั้น สุดท้ายดีลย้ายทีมก็เกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อบาร์ซ่าตัดสินใจขายกองกลางชาวไอวอรี่โคสต์ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบแทบไม่มีเยื่อใย ทั้งที่เขาเคยเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญชุดประสบความสำเร็จของทีม
หลังย้ายไปเอติฮัด สเตเดี้ยม ตูเร่ระเบิดฟอร์มจนกลายเป็นหัวใจหลักในแดนกลางของเรือใบสีฟ้า มีส่วนพาทีมก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของ พรีเมียร์ลีก และยุโรปในยุคใหม่ ทว่าดราม่ากลับยังไม่จบเพียงเท่านั้น
เป๊ปบุกคุมเรือใบ ซ้ำรอยลดบทบาทจนร้าวลึก
โชคชะตาเหมือนจะไม่ปล่อยให้ทั้งคู่แยกจากกันง่ายๆ เมื่อในปี 2016 กวาร์ดิโอล่า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือคนใหม่ของแมนฯ ซิตี้ และประวัติศาสตร์ก็เหมือนซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่อบทบาทของ ยาย่า ตูเร่ กับต้นสังกัดเริ่มเลือนหาย
จากเดิมที่เคยเป็นตัวเดินเกมหลัก กลายเป็นเพียงนักเตะที่ถูกใช้งานเป็นครั้งคราว บางช่วงแทบไม่มีชื่อในทีมเลยด้วยซ้ำ จนเอเจนต์ของเขาอย่าง ดิมิทรี เซลุค ออกมาเปิดสงครามน้ำลายใส่เป๊ปอย่างดุเดือดผ่านสื่อ
แม้ในภายหลัง เซลุคจะออกมาขอโทษสำหรับคำพูดแรงๆ เหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้กวาร์ดิโอล่ามีท่าทีผ่อนปรนหรือให้ “โอกาสครั้งที่สอง” แก่ตูเร่แต่อย่างใด สุดท้าย เส้นทางระหว่างตำนานมิดฟิลด์ไอวอรี่โคสต์กับแมนฯ ซิตี้ ก็จบลงในเดือนพฤษภาคมปี 2018 พร้อมความรู้สึกที่เจ้าตัวไม่เคยลืม
คำพูดสุดเฉือนของตูเร่ ใส่เป๊ปแบบไม่เกรงใจ
ในวัย 42 ปี ตูเร่ยังยืนยันชัดว่าเขาไม่เคยก้าวผ่านความบาดหมางกับอดีตเจ้านายได้ ล่าสุดให้สัมภาษณ์ถึงเป๊ปด้วยถ้อยคำดุเดือด
“ผมไม่เห็นความเป็นลูกผู้ชาย ผมเห็นแต่งูตัวหนึ่งเท่านั้น”
พร้อมเล่าเบื้องหลังตอนที่ได้รับการติดต่อจากฝั่งบาร์เซโลน่าในช่วงหนึ่งของอาชีพ ว่าทุกอย่างไม่ได้สวยงามอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ
ตอนนั้นโค้ชบาร์เซโลน่าโทรหาผมแล้วบอกว่า -นายต้องกลับมานะ มันสำคัญมาก- ภรรยาของผมพูดกับผมว่า -คุณจะเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นจริงเหรอ? เขาปฏิบัติกับคุณแย่ยิ่งกว่าเศษดิน ตอนนี้เขาอยากให้คุณอยู่ แล้วคุณจะอยู่ต่อเหรอ? ไปแมนเชสเตอร์กันเถอะ-
หมอนั่นไม่ให้ผมลงเล่นตลอดทั้งปี แต่พอถึงช่วงปีสุดท้าย ผมไปเฉิดฉายในฟุตบอลโลก 2010 แล้วเขาก็พาผมกลับไป บาร์เซโลน่า ภรรยาของผมจะคอยพูดถึงเขาให้ผมฟังว่า -เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาชั่วร้าย- เธอมองเขาเป็นคนในแง่ลบเสมอ ตูเร่ ระบุ
คำให้สัมภาษณ์นี้สะท้อนว่าทั้งตัวตูเร่เองและคนใกล้ชิด มีมุมมองต่อกวาร์ดิโอล่าในเชิงลบอย่างชัดเจน และแทบไม่มีช่องว่างให้ความสัมพันธ์กลับมาดีอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่ในเส้นทางอาชีพของยาย่า ตูเร่
แม้จะมีแผลลึกในใจจากการทำงานร่วมกับเป๊ป แต่ต้องยอมรับว่าเส้นทางอาชีพของ ยาย่า ตูเร่ นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะถูกจำกัดด้วยดราม่าเพียงเรื่องเดียว เขาสร้างชื่อกับทั้ง บาร์เซโลน่า และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าโทรฟีระดับเมเจอร์เป็นกอบเป็นกำ
ในระดับสโมสร เขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, ลา ลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และฟุตบอลถ้วยภายในประเทศอีก 5 รายการ พร้อมทั้งโชว์ฟอร์มสุดโหดในหลายฤดูกาลกับแมนฯ ซิตี้ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวกลางที่ครบเครื่องที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีกใหม่
ในเวทีระดับทวีป เขาคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปแอฟริกา 4 สมัยติดต่อกัน (2011–2014) และพา ไอวอรี่โคสต์ ผงาดคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2015 เพิ่มเกียรติยศให้ทั้งตัวเองและประเทศชาติอย่างสง่างาม
ดราม่านักเตะ-โค้ช เรื่องธรรมดาในโลกฟุตบอล แต่ไม่เคยจางในความทรงจำ
กรณีของตูเร่กับกวาร์ดิโอล่า เป็นตัวอย่างชัดๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะกับโค้ช ไม่ได้มีแค่ด้านสวยงาม ทุกสโมสรใหญ่บนโลกใบนี้ล้วนเคยผ่านจุดที่สตาร์ในทีมต้องถูกลดบทบาท ถูกขายออก หรือไม่ได้รับโอกาสเท่าที่แฟนบอลคิดว่าควรจะได้
ในมุมมองแฟนบอล เราอาจจดจำนักเตะจากประตูสุดสวยและถ้วยแชมป์ แต่สำหรับตัวนักเตะเอง ความรู้สึกถูก “เมิน” หรือ “ไม่ยุติธรรม” จากคนที่มีอำนาจตัดสินชะตาในห้องแต่งตัวนั้นฝังใจยาวนาน เรื่องเล่าจากปากของคนดังอย่างยาย่า ตูเร่ จึงไม่ใช่แค่ดราม่าใส่สีตีไข่ แต่เป็นอีกด้านหนึ่งของฟุตบอลอาชีพที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน การเมืองในทีม และความรู้สึกที่ค้างคาใจยาวข้ามปี
หลายเคสที่เราเคยเห็นในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ที่ไม่ลงรอยกับกุนซือ, แข้งดังที่ถูกดองข้างสนาม หรือดาวรุ่งที่ต้องย้ายทีมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ล้วนทำให้เกมลูกหนังไม่ใช่แค่เรื่อง 90 นาทีในสนาม แต่เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของคนในวงการ ที่สะท้อนทั้งความฝัน ความสำเร็จ และความเจ็บปวดไปพร้อมกัน
มุมมองจาก บ้านกีฬา
จากสายตาของ บ้านกีฬา ดราม่าระหว่าง ยาย่า ตูเร่ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือหนึ่งในเรื่องเล่าที่ทำให้โลกฟุตบอลยังคงมีสีสันและมิติให้พูดถึงไม่รู้จบ ฝั่งหนึ่งคือกุนซือสมองเพชรผู้ยึดแท็กติกและระบบเป็นใหญ่ อีกฝั่งคือมิดฟิลด์ไอวอรี่โคสต์ผู้ภาคภูมิใจในฝีเท้าและศักดิ์ศรีของตัวเอง
แม้ทั้งคู่จะไม่มีวันเดินบนเส้นทางเดียวกันอีก แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือบทเรียนให้แฟนบอลเห็นว่า เบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรใหญ่ๆ มีเรื่องราวมากมายที่เราไม่เคยรู้ และเสียงของนักเตะเองก็มีด้านที่อยากให้โลกได้ยินเช่นกัน
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งในสนามและนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นดราม่า นักเตะ-โค้ช เรื่องแชมป์ หรือข่าวใหญ่จากลีกชั้นนำ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

